21 ก.พ. 2021 เวลา 17:17 • ปรัชญา
•นิรมานกายและโพธิสัตว์ภาวะ•
ติดค้างพี่สมศักดิ์ต่อคำถามในเรื่องนี้ตั้งแต่คราวพูดคุยกันว่ามีเสียงเล่าลือว่า พระอาจารย์อริยะจิตโตเปนนิรมานกายของครูบาศริวิชัย หรือ หลวงปู่ดูวัดสะแกเปนนิรมานกายของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดนั้น
ได้ไปค้นคว้าเพิ่มเติมถึงความหมายจากพจนานุกรมของพระพรหมคุณาภรณ์ ปยุตโต และ เสฐียรพงศ์ วรรณปก ราชบัณฑิตแล้วประกอบกับความรู้ที่ได้จากพระกรรมวาจาจารย์ อธิบายให้ตอนบวช ได้ความว่า
มีบุคคลจำพวกหนึ่ง เรียกกันว่าโพธิสัตว์
โพธิ-ตรัสรู้ ( ต้นโพธิ์ คือต้นไม้ที่ทรงตรัสรู้เมื่อประทับอยู่ที่นั้น หากตรัสรู้ใต้ต้นมะพร้าวๆนั้นก็เรียกต้นโพธิ์)
สัตว์-ผู้ข้อง ผู้สงสัย
แปลรวมว่า ผู้ติดข้องในการตรัสรู้
ตรัสรู้ที่ว่านี้คือ ความสามารถในการหลุดพ้นการข้องแวะในวัฏสงสาร
เดิมทีผู้ตรัสรู้ที่เรายอมรับนับถือกันก็คือพระพุทธเจ้า(ศากยบุตร/สมณโคดม) ของเรานี้ (รวมทั้งพระอริยสงฆ์_อรหันต์) ด้วย
ทีนี้ผู้ที่เปนพระโพธิสัตว์นี้ ท่านก็ตั้งปรารถนาจะบรรลุ อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ อยากจะตรัสรู้อยู่แหละ แต่ท่านมีความติดข้องอยู่ในวัฏสงสาร คือ อยากช่วยคนอื่นบ้าง อยากบำเพ็ญบารมีบ้าง บารมี 30 ยังไม่ครบบ้างเหมือนคนจะเอา ดร. แต่ยังทำธีสิสไม่เสร็จ หรือไพล่เอาค่าหน่วยกิตไปบริจาคสร้างรพ.ทำนองนั้น ท่านจึง "ชะลอ" กระบวนการตรัสรู้ยั้งรออยู่ คุณลักษณะเฉพาะคือคอยช่วยผู้คนที่ทุกข์ยากประคองให้ว่ายข้ามโอฆะสงสาร (ลักษณะคล้ายติวเตอร์/mentor มากกว่า professor)
คำถามมีว่า ที่ว่าหลุดพ้นสงสารวัฏเปนอย่างไร คัดพุทธวจนมาว่าก็ได้ความว่า
" ท่านเหล่านั้นย่อมดับสนิทดุจตะเกียงหมดเชื้อไฟดับไปฉะนั้น"
ฝ่ายมหายานตั้งคำถามว่า " ไฟที่ว่าดับ คงอยู่ไหม"
ก็ตอบได้ว่ายังอยู่ในรูปธาตุพลังงานที่มิได้แสดงรูปเปนเปลวไฟ
ฉะนั้นในทัศนคติมหายาน จึงมีที่อยู่ของผู้ที่ปรินิพพานแล้วในชื่อว่า " พุทธเกษตร (แดนที่อยู่ของเหล่าพระพุทธเจ้า)"
เกษตร - ดินแดน, กษัตริย์-ผู้จัดสรรดินแดน
ดินแดนพุทธเกษตรนี้ มหายานเรียกอีกคำว่า แดนสุขาวดี
มหายานมีความเชื่อว่า พระพุทธเจ้า มีสามภาค สามกาย คือ
1. ธรรมกาย หรือ อาทิพุทธ ( พระพุทธองค์ต้น/องค์ปฐม/องค์ดั้งเดิม) เปนภาวะสัมบูรณ์ อมตะนิรันดร ไม่เกิดไม่ตาย ไม่สิ้นสุด ไม่เบื้องต้น
2. สัมโภคกาย หรือ กายทิพย์ คือภาวะที่ธรรมกายปรากฏเปนรูปร่างละเอียด เพื่อการสื่อสารกับผู้ที่สามารถเห็น รู้ ดู เข้าใจ กายละเอียดนี้ได้ เช่นเทพเทวา พระอภิญญา ฆราวาสมีภูมิธรรม เปนต้น
3. นิรมานกาย คือ แบ่งภาคลงมาเกิดเปนกายหยาบ กายเนื้อ เหมือนเช่นพระสมณโคดม มาเกิดเปนเจ้าชายสิทธัตถะ เพื่อการสื่อสารกับผู้ที่ไม่สามารถเห็นรู้ ดู เข้าใจ กายละเอียดได้
ทางวัชรยาน ( ทิเบตลามะ ภูฏาน สิกขิม) เชื่อในนิรมานกายมาก จะเห็นจากการตั้งดาไลลามะ จะมีการตรวจสอบปาฏิหาริย์แห่งการกลับชาติมาเกิดอย่างเข้มข้นก่อนประกาศแต่งตั้ง
1
ฉะนั้นในความหมายบริบทของสังคมไทยๆ นิรมานกายจึงเปนภาคสั้นๆของโพธิสัตว์ จึงมักเปนผู้มีเมตตาล้นพ้นประมาณ มีความสามารถในการติดต่อสื่อสารกับสัมโภคกาย ได้ แลใช้ความสามารถดังกล่าวในการอนุเคราะห์ช่วยเหลือปุถุชน ให้ปุถุชนพอมีพื้นฐานความรู้ความเข้าใจ สั่งสมบุญญาบารมีของตัวเอง สะสมภูมิธรรมะสัจจะบารมีต่างๆจนกระทั่งไปบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณด้วยตัวเองได้ เปนติวเตอร์กวดวิชาธรรมะขั้นพื้นฐาน เก็งข้อสอบ สอนวิธีทำ อธิบายข้อสอบเอนทรานซ์ให้ง่ายเข้า
ผมว่าเปรียบเหมือนครูมัธยม ส่งศิษย์ข้ามไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย ครูไม่ได้มีการศึกษาสูงเท่าไหร่ รับสอนรุ่นต่อรุ่น สิบปี ยี่สิบปีผ่านไป ศิษย์ได้เปน ดร. เปน ศาสตราจารย์ ภูมิธรรมสูงกว่าครู
ครูตายแล้วชาติหน้าเกิดใหม่มาเปนครูต่อทำหน้าที่นี้เรื่อยไปจนวันหนึ่งครูสั่งสมฐานวิทยะวิริยะบารมีต่างๆเพียงพอครูก็เลิกสอน ไปเรียนต่อ สุดท้ายครูก็ได้เปน ดร. เปนศาสตราจารย์ แต่จะนานแค่ไหนขึ้นกับบุคคลาธิษฐานของครูเองครับ
นิรมานกายจึงอาจเปนพระโพธิสัตว์ เมื่อพระโพธิสัตว์บรรลุธรรมแล้ว สภาวะโพธิสัตว์เปนอันสูญไปเกิดเปนภาวะอย่างพระพุทธเจ้าแทน
ในทำนองตรงข้ามพระโพธิสัตว์ อาจจะนิรมานลงมาเปนกายเนื้อหลายภพหลายชาติหมุนวนข้องแวะในวัฏสงสารอยู่เรื่อยไปจนกว่าจะสำเร็จธรรมขั้นอุกฤษก็ได้
และนิรมานกายอาจจะไม่ใช่พระโพธิสัตว์เลยก็ได้ อาจจะเปนพระอาทิพุทธ ธรรมกาย แบ่งภาคลงมาทำภารกิจ จบงานแล้วจบกันก็ได้ครับ จึงน่าจะสมควรใช้เปน verb ว่านิรมานลงมา ส่วนsubject ว่านิรมานจากใครนั้นอีกเรื่องหนึ่ง
ส่วนภาวะโพธิสัตว์ก็อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นจากการนิรมานก็ได้ เช่นเดียวกัน
โฆษณา