Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Timeless History (ประวัติศาสตร์ไร้กาลเวลา)
•
ติดตาม
7 ก.พ. 2021 เวลา 07:30 • ประวัติศาสตร์
คดีการลักพาตัวลูกชายของ “ชาร์ลส์ ลินด์เบิร์ก (Charles Linbergh)”
“ชาร์ลส์ ลินด์เบิร์ก (Charles Lindbergh)” เป็นนักบินชาวอเมริกัน ผู้สร้างประวัติศาสตร์การบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเพียงลำพักโดยไม่หยุดพัก สร้างชื่อให้เขาโด่งดังระดับโลก
แต่หลังจากที่เขาโด่งดัง ก็ได้เกิดคดีการลักพาตัวขึ้นในครอบครัวของเขา และเป็นคดีที่โด่งดังอีกคดีหนึ่งในสหรัฐอเมริกา
ชาร์ลส์ ลินด์เบิร์ก (Charles Lindbergh)
ในวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ.1932 (พ.ศ.2475) ได้มีการพบร่างของ “ชาร์ลส์ ลินด์เบิร์ก จูเนียร์ (Charles Lindbergh Jr.)” วัยหนึ่งขวบ โดยร่างถูกพบในป่านอกเมืองนิวเจอร์ซีย์
ผลการชันสูตรศพ พบว่าหนูน้อยเสียชีวิตมาเป็นเวลานานกว่าสองเดือน ที่กะโหลกมีรู อีกทั้งยังมีร่องรอยการถูกทำร้ายอีกหลายแห่ง โดยสาเหตุการเสียชีวิตคือจากบาดแผลที่กะโหลก
ชาร์ลส์ จูเนียร์เป็นลูกชายของชาร์ลส์ ลินด์เบิร์ก นักบินที่โด่งดังที่สุดในประเทศ และหนูน้อยได้หายตัวไปจากบ้าน ภายหลังจากที่ถูกลักพาตัวไปนานกว่าสามเดือน
ในวันเกิดเหตุนั้น พยาบาลได้พาหนูน้อยเข้านอน โดยหนูน้อยเข้านอนในเปลในบ้านของครอบครัวลินด์เบิร์กในเวลา 19.30 น. ก่อนที่อีกสองชั่วโมงต่อมา ชาร์ลส์ ผู้เป็นพ่อจะได้ยินเสียงอะไรบางอย่างจากในลังไม้ในครัว
22.00 น. พยาบาลพบว่าหนูน้อยหายไปจากเปล ความวุ่นวายจึงเริ่มต้นขึ้น
ชาร์ลส์ จูเนียร์
ภายหลังจากที่หนูน้อยหายไป ลินด์เบิร์กก็พบกระดาษโน้ตวางไว้บนขอบหน้าต่าง โดยมีเนื้อความเป็นการเรียกค่าไถ่ ซึ่งพออ่านโน้ตจบ ลินด์เบิร์กก็ได้ทำการค้นบ้านทั้งหลังก่อนจะแจ้งตำรวจ
สามเดือนหลังจากนั้น ครอบครัวลินด์เบิร์กและตำรวจได้ออกตามหาและทำทุกวิถีทางให้ได้ตัวหนูน้อยกลับคืนมา ทั้งตั้งรางวัล ทั้งสอบสวนผู้ต้องสงสัยนับไม่ถ้วน
ท้ายที่สุด ได้มีการจับกุมผู้ต้องหาที่ชื่อ “ริชาร์ด ฮอพท์แมนน์ (Richard Hauptmann)” ผู้อพยพชาวเยอรมันและมีประวัติอาชญากรรมในเยอรมัน
ตำรวจจับฮอพท์แมนน์ได้เนื่องจากพบว่าเขามีธนบัตรที่ลินด์เบิร์กใช้ในการจ่ายค่าไถ่ เลขบนธนบัตรตรงกันถึง 14,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 420,000 บาท) จากค่าไถ่ 50,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.5 ล้านบาท)
ริชาร์ด ฮอพท์แมนน์ (Richard Hauptmann)
การจับกุมและไต่สวนฮอพท์แมนน์นั้นเป็นข่าวใหญ่ โด่งดังไปทั่วประเทศ นักข่าวบางคนถึงขั้นเรียกว่าเป็น “ข่าวใหญ่ที่สุดนับแต่พระเยซูฟื้นคืนชีพ”
ศาลตัดสินให้ฮอพท์แมนน์มีความผิดจริง และให้ลงโทษประหารชีวิต โดยในวันที่ 3 เมษายน ค.ศ.1936 (พ.ศ.2479) สี่ปีหลังจากเหตุลักพาตัว ฮอพท์แมนน์ก็ถูกประหารโดยเก้าอี้ไฟฟ้า
แต่ถึงแม้คดีจะถูกปิดไปแล้ว แต่สาธารณชนจำนวนมากก็ยังมีข้อสงสัยมากมาย
เมื่อมีการรายงานข่าวการลักพาตัวครั้งแรก แฟนๆ ของลินด์เบิร์กนับร้อยได้กรูกันมายังบ้านของลินด์เบิร์ก ทำให้บ้านของลินด์เบิร์กเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก และยังทำให้รอยเท้าและหลักฐานต่างๆ ก็สูญหายไปด้วย
1
นอกจากนั้น ทางตำรวจยังได้รับรายงานปลอมและข้อมูลผิดๆ อีกจำนวนมาก ซึ่งในเวลานั้น กองทัพก็ได้อาสาจะเข้ามาช่วยในการสืบสวนอีกด้วย
“เฮอร์เบิร์ต ชวาร์ซคอพฟ์ (Herbert Schwarzkopf)” ผู้กำกับการสถานีตำรวจนิวเจอร์ซีย์ ได้ลงความเห็นว่าการลักพาตัวนี้ไม่ได้มีบุคคลกระทำเพียงคนเดียว หากแต่น่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มอาชญากรมากกว่า
เมื่อเป็นอย่างนี้ ตำรวจจึงลงไปสอบสวนเหล่าอาชญากร เจ้าพ่อต่างๆ ทั้งที่อยู่ในและนอกคุก โดยหวังว่าจะได้เบาะแสอะไรบ้าง แม้แต่ “อัล คาโปน (Al Capone)” เจ้าพ่อชื่อดังก็ยังอาสาเข้าช่วยเหลือ แลกกับการลดโทษ หากแต่ถูกปฏิเสธ
อัล คาโปน (Al Capone)
กรมตำรวจได้ตั้งรางวัลสำหรับคนที่มีข้อมูลและแจ้งเบาะแสแก่ตำรวจ โดยให้รางวัลถึง 2,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 75,000 บาท) ครอบครัวลินด์เบิร์กก็ตั้งรางวัลให้อีก 50,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.5 ล้านบาท)
ในขณะที่ตำรวจกำลังสืบสวนคดีนี้อย่างหนัก ก็ได้มีอาจารย์ที่เกษียณอายุจากนิวยอร์กคนหนึ่ง ให้ความสนใจในคดีนี้
“จอห์น เอฟ คอนดอน (John F. Condon)” ได้เขียนจดหมายถึงหนังสือพิมพ์ เสนอเงินอีก 1,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 30,000 บาท) หากผู้ก่อเหตุยอมคืนหนูน้อย ซึ่งต่อมา คอนดอนก็ได้รับจดหมายจากบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นผู้ก่อเหตุ ขอให้คอนดอนเป็นคนกลางระหว่างตนกับครอบครัวลินด์เบิร์ก
จอห์น เอฟ คอนดอน (John F. Condon)
ลินด์เบิร์กได้ตกลงให้คอนดอนเป็นคนกลาง โดยคอนดอนได้ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ นัดวันเวลาและสถานที่เพื่อพบกับผู้ก่อเหตุ โดยสถานที่คือสุสานในเขตบรอนซ์
1
สถานที่และเวลาที่นัดหมายนั้นเป็นช่วงเวลาที่มืดแล้ว จึงมองเห็นหน้าผู้ก่อเหตุไม่ชัด โดยผู้ก่อเหตุอ้างว่าตนชื่อ “จอห์น (John)” และเป็นหนึ่งในแก๊งชาวสแกนดิเนเวีย และในเวลานี้ หนูน้อยก็อยู่บนเรือ และตนจะนำหนูน้อยมาคืนเมื่อได้เงินค่าไถ่
คอนดอนนั้นไม่แน่ใจว่าบุคคลๆ นี้คือคนที่ก่อเหตุจริงหรือไม่ จอห์นจึงรับปากว่าจะส่งชุดนอนของหนูน้อยมาให้เพื่อเป็นการพิสูจน์
1
ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา คอนดอนได้รับชุดนอนเด็ก ซึ่งส่งมาทางไปรษณีย์ และเมื่อลินด์เบิร์กมาดู ก็ยืนยันว่านี่คือชุดนอนของลูกตน และขอให้คอนดอนทำหน้าที่เป็นคนกลางต่อไป
ตลอดเวลาของการสอบสวน ลินด์เบิร์กและคอนดอนได้รับจดหมายเรียกค่าไถ่ถึงเจ็ดฉบับ โดยมีการเรียกร้องเงินจำนวน 50,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.5 ล้านบาท) และให้ส่งไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
1
จดหมายฉบับแรกมีสัญลักษณ์บางอย่างลงท้ายจดหมาย ฉบับที่สองและสามก็ยังมี หากแต่จดหมายที่เหลือนั้นไม่มีสัญลักษณ์ลงท้าย
สัญลักษณ์ที่พบท้ายจดหมาย
ตำรวจได้จัดการให้คอนดอนนัดส่งมอบเงินค่าไถ่ โดยธนบัตรทุกใบมีการจดหมายเลขธนบัตรอย่างดีเพื่อใช้ในการสืบหา
คอนดอนได้ไปพบจอห์นอีกครั้งในวันที่ 2 เมษายน ค.ศ.1932 (พ.ศ.2475) เพื่อส่งมอบเงินค่าไถ่ ซึ่งจอห์นก็ได้บอกว่าหนูน้อยอยู่ในความดูแลของผู้หญิงสองคน แต่ก็ไม่ได้บอกอะไรเพิ่มเติมจากนี้
1
ตำรวจรีบแกะรอยจากตัวเลขธนบัตรที่จดไว้ และได้ส่งจดหมายหาบริษัทห้างร้านต่างๆ หากพบธนบัตรที่มีตัวเลขดังกล่าว ให้แจ้งตำรวจทันที
1
มีการพบเห็นธนบัตรดังกล่าวกระจัดกระจายไปตามจุดต่างๆ และตำรวจก็ตามสืบจนได้พบกับฮอพท์แมนน์
ถึงแม้จะพบศพหนูน้อยในภายหลัง อีกทั้งฮอพท์แมนน์ก็ถูกจับและประหารไปแล้ว หากแต่หลายคนที่เชื่อในเรื่องของทฤษฎีสมคบคิดก็ไม่เชื่อ คิดว่าเรื่องนี้มีอะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้น
หลายคนที่ไม่เชื่อได้แย้งว่าไม่มีการพบลายนิ้วมือของฮอพท์แมนน์บนธนบัตรหรือหลักฐานในบ้านลินด์เบิร์ก อีกทั้งหลักฐานในบ้านของลินด์เบิร์กก็ได้สูญหายและเละเทะไปตั้งแต่แรกเนื่องจากฝูงชนที่มาบ้าน จึงไม่มีหลักฐานชัดเจนที่จะกล่าวหาฮอพท์แมนน์
1
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าฮอพท์แมนน์เป็นเพียงแพะรับปาก และตัวลินด์เบิร์กก็ทราบดีว่าใครคือคนร้ายตัวจริง หากแต่มีเหตุผลบางอย่างที่ไม่พูด
ฮอพท์แมนน์ขณะขึ้นศาล
หนึ่งในทฤษฎีที่โด่งดังที่สุดก็คือ จริงๆ แล้วผู้อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวนี้คือตัวลินด์เบิร์กเอง โดยเขาอาจจะหยอกล้อกับลูก หากแต่พลั้งมือฆ่าลูกตัวเองตาย จึงจัดฉาก ทำทีว่าเกิดการลักพาตัวเพื่ออำพรางคดี
1
บางรายเชื่อว่าลินด์เบิร์กจัดฉากการลักพาตัวขึ้นเพื่อเรียกร้องความสนใจจากสื่อมวลชน แต่เมื่อลงมือลักพาตัวลูกตัวเองแล้ว เกิดตกลงเรื่องเงินกับคนที่จ้างให้มาลักพาตัวไม่ได้ คนที่จ้างมาจึงโมโหและฆ่าลูกของลินด์เบิร์ก
แน่นอนว่าทั้งลินด์เบิร์กและตำรวจต่างปฏิเสธ ตัวลินด์เบิร์กก็กล่าวว่าตนนั้นไม่รู้เรื่อง และเรื่องทั้งหมดเกิดจากโจรลักพาตัว
แต่ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร คดีนี้คือคดีหนึ่งที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์อเมริกัน และยังเป็นที่ถกเถียงกันจนถึงทุกวันนี้
References:
https://allthatsinteresting.com/lindbergh-baby-kidnapping
https://www.pbs.org/wgbh/americanexperience/features/lindbergh-kidnapping/
https://www.mnhs.org/lindbergh/learn/kidnapping
https://www.britannica.com/event/Lindbergh-baby-kidnapping
https://www.fbi.gov/history/famous-cases/lindbergh-kidnapping
10 บันทึก
29
6
9
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
บทความประวัติศาสตร์, ข่าวสารทั่วๆ ไป , นอกเรื่อง, ๆลๆ , วันที่ 19 ธันวาคม ค.ศ.2020-ปัจจุบัน
10
29
6
9
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย