8 ก.พ. 2021 เวลา 09:17 • การเกษตร
มารู้จัก นกกระจอกเทศ (Ostrich) นกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก กันเถอะ
วันนี้ขอเล่าถึง ที่มาและรายละเอียดของภาพหน้าปกของ เพจ “นานาสาระ by Dr. TC” นะคะ ภาพนี้ เป็นภาพของ นกกระจอกเทศ (Ostrich) ทีผู้เขียนได้ถ่ายไว้ เมื่อไปเที่ยวที่ เมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ และมีโอกาสได้ไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองเคปทาวน์ เมื่อผู้เขียนเริ่มทำเพจนี้ใน blockdit ตั้งใจจะเขียนเรื่อง การท่องเที่ยวทั้งใน และต่างประเทศด้วย เลยนำภาพนี้มาขึ้นหน้าเพจเพราะนกเหล่านี้น่ารัก จึงทำให้ประทับใจค่ะ
1
เครดิตภาพ: Dr. TC
เรามารู้จัก กับ นกกระจอกเทศ (Ostrich) กันดีกว่าค่ะ
นกกระจอกเทศ (Ostrich) มีชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Struthio camelus เป็นนกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และไม่สามารถบินได้เพราะไม่มีกระดูกทรวงอกสำหรับใช้บิน นกกระจอกเทศเป็นนกที่สูง และมีน้ำหนักมากที่สุด เมื่อโตเต็มที่จะหนักประมาณ 160 กิโลกรัม บางตัวสูงถึง 9 ฟุต วิ่งเร็วได้ถึง 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งทำให้เป็นนกที่มีขนาดใหญ่และวิ่งเร็วมากที่สุดในโลก เท้าของนกกระจอกเทศนั้นจะมีนิ้วเท้าทั้ง 2 ข้างอยู่ข้างละ 2 นิ้ว ซึ่งจะช่วยในเวลาวิ่งไปไหนมาไหนค่อนข้างสะดวกและรวดเร็ว และเป็นนกที่มีไข่ใบใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย (ดังภาพ ไข่นกกระจอกเทศซึ่งเปรียบเทียบกับไข่ห่าน ใหญ่มาก!!!)
เครดิตภาพ: Pixabay
นกกระจอกเทศ มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแอฟริกา ส่วนใหญ่อาศัยอยู่บริเวณเขตสงวนบนภาคพื้นทวีปทางตะวันออก มีการปรับตัวในการดำรงชีวิตได้ดี ภายใต้สภาวะที่แห้งแล้งแต่น้ำหนักจะลดลงไป 25% เพราะมีการสูญเสียน้ำ
นกกระจอกเทศมีอายุยืนได้ถึง 65-75 ปี ตัวผู้ตัวโตกว่าตัวเมีย ตัวผู้มีขนสีดำ ส่วนขนปีกและขนหางจะเป็นสีขาวสวยงามมาก ตัวเมียจะมีขนสีน้ำตาล สีเทาอ่อน ปากมีลักษณะแบนและกว้างมาก ดวงตากลมโต หัวเล็ก ศรีษะล้าน มีขนอ่อนบางสีเทา น้ำตาลอ่อนคล้ายสีครีมหรือผลมะอึก คอยาวและมีขนอ่อนเช่นเดียวกับหัว ปีกเล็กไม่สมตัว ขนที่ปีกยาวพอสมควรแต่ก็ไม่ใช่ขนสำหรับการบิน ซึ่งขนปีกมีไว้เพื่อความสวยงามเท่านั้น ขาและโคนขาเป็นขาเกลี้ยงๆ ไม่มีขน
นกตัวผู้มีลำคอหย่อนยานกว่าตัวเมีย จึงโป่งคอและทำเสียงร้องเลียนแบบสิงโตได้ นกตัวผู้หนึ่งตัวจะคุมนกตัวเมียหลายตัว มันมักจะอยู่รวมกันประมาณ 10-50 ตัว
อาหารหลักของนกกระจอกเทศประกอบไปด้วย ใบไม้ ก้านดอกไม้ และเมล็ดพืช หรือพวกแมลงตัวเล็กๆ
ปัจจุบัน นกกระจอกเทศได้รับความนิยมในการเลี้ยงเพื่อเป็นสัตว์เศรษฐกิจ ในการนำเนื้อนกกระจอกเทศมารับประทาน ทำให้การเลี้ยงนกกระจอกเทศนั้นถูกเลี้ยงด้วยอุณหภูมิและสภาวะแวดล้อมที่ดี อากาศไม่ชื้นแฉะ น้ำและอาหารสะอาดมีคุณภาพ เลี้ยงแบบอิสระเพื่อไม่ให้นกกระจอกเทศรู้สึกตึงเครียด ซึ่งจะทำให้สามารถเจริญเติบโตได้ดี ผสมพันธุ์ได้อย่างต่อเนื่อง และไม่สูญพันธุ์ สำหรับนกกระจอกเทศตัวเมีย จะออกไข่เมื่อมีอายุได้ 3 ปีขึ้นไป และสามารถออกไข่ได้มากสุดถึง 85 ฟอง ใช้เวลาฟักประมาณ 45 วัน
1
ไม่เพียงแต่การนำเนื้อมารับประทานเป็นอาหารเท่านั้น โดยใช้เนื้อทำสเต็กชั้นดี รสชาติ คล้ายเนื้อวัวแต่อร่อยและหวานกว่าแล้ว ไข่ใบหนึ่งสามารถนำมาทอดเป็นไข่เจียว ให้คนกินได้ถึง 20 คน ขนนกกระจอกเทศยังใช้ทำเครื่องประดับ ส่วนหนังทำรองเท้า กระเป๋า และของที่ระลึกอื่น ๆ เปลือกไข่สามารถนำมา วาดรูป ระบายสี ลวดลาย สวยงามได้ จึงทำให้นกกระจอกเทศ เป็นธุรกิจอุตสาหกรรมที่ทำรายได้
ธุรกิจฟาร์มนกกระจอกเทศเคยเจริญรุ่งเรืองมากในต้นศตวรรษที่ 19 ประมาณ ค.ศ. 1910 ในยุคนั้นทั่วโลกนิยมขนนกกระจอกเทศนำมาทำเครื่องประดับ และของใช้สตรี อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน ประเทศไทยมีฟาร์มนกกระจอกเทศอยู่หลายแห่ง ในหลายจังหวัด เช่น พิจิตร นครสวรรค์ เป็นต้น ซึ่งทำเป็นแหล่งท่องเที่ยว และสามารถนำมาใช้เป็นอาหารและส่วนประกอบต่างๆ เช่น ขน หนัง ยังสามารถใช้ทำเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP และส่งขายทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งทำรายได้ให้แก่ประเทศด้วยเช่นกัน
โฆษณา