7 ก.พ. 2021 เวลา 10:39 • ไลฟ์สไตล์
Fixed Mindset, Growth Mindset และ Self-awareness
Mindset คือชุดความคิด ทัศนคติ ความเชื่อที่เรามีต่อเรื่องต่าง ๆ อาทิเช่น Mindset ของการเลี้ยงลูก คือแนวคิดและวิธีการสอน การวางระเบียบวินัย การดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของลูก เรามี Mindset อย่างไร การเลี้ยงลูกก็จะเป็นแบบนั้น
หากเราเชื่อว่า การทำโทษรุนแรงทั้งทางวาจา และการกระทำ จะทำให้ลูกเข็ดหลาบ และไม่ทำอีก นั่นคือ Mindset ในการเลี้ยงลูกของเรา
ทั้งนี้ Mindset นั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้อยู่เสมอ ขึ้นอยู่กับการเรียนรู้ที่เพิ่มขึ้นของชีวิต คำว่า Mindset นี้เพิ่งมาใช้แพร่หลายในไทยได้ไม่นาน แต่ได้รับความนิยมเพราะเป็นคำสั้น ๆ แต่เข้าใจง่าย พูดออกไปแล้วสื่อสารได้ครอบคลุม
มันมีการทดลองนึง ซึ่งทำกับเด็กประถมสองกลุ่มในระดับไอคิวใกล้เคียงกัน โดยให้โจทย์เลขง่าย ๆ มาชุดนึง เมื่อเด็กทั้งสองกลุ่มทำเสร็จแล้ว กลุ่มนึงจะได้รับคำชมว่า “เก่งมาก หนูมีพรสวรค์ในการคิดเลขมากเลย” ส่วนเด็กอีกกลุ่มนึงจะได้รับคำชมว่า “พยามยามได้ดีมาก โจทย์นี้ไม่ง่ายเลย”
จากนั้นก็เพิ่มโจทย์ให้ยากขึ้นทีละนิด เมื่อทำเสร็จเด็กทั้งสองกลุ่มก็จะได้รับคำชมแบบเดิม จนถึงจุดนึงเด็กกลุ่มที่ได้รับคำชมว่า “เก่งมาก หนูมีพรสวรรค์ในการคิดเลข” จะหยุดทำโจทย์เลขที่ยากเกินไป แต่เด็กกลุ่มที่ได้รับคำชมว่า “มีความพยายามดี” จะยังทำต่อไปอีกหลายชุด ทั้งที่โจทย์นั้นยากขึ้นมาก
นักวิจัยสรุปว่า เด็กกลุ่มแรกมี Fixed Mindset ต่อโจทย์เลข และเด็กกลุ่มที่สองมี Growth Mindset ซึ่งมดฟังเรื่องการวิจัยนี้แล้ว ก็ทำให้ตัวเองต้องระวังในการพูดชมเชยลูก หรือแม้กระทั่งชมเชยตัวเอง
อธิบายง่าย ๆ เป็นภาษาไทยได้ว่า fixed Mindset คือ ชุดความคิดที่ยึดติด ยึดมั่นถือมั่น ว่าสิ่งใดเป็นแบบนั้น ก็จะเป็นเช่นนั้นไปตลอด เช่น เราเกิดมาตัวเตี้ย เล่นบาสเก็ตบอลไม่ได้หรอก กีฬานั้นมันเหมาะสำหรับคนตัวสูง / ผู้หญิงไทยที่เดินกับฝรั่งแถวพัทยาก็เมียเช่าทั้งนั้น / คนอายุมากแล้วเล่นกีฬาไม่ได้ ฯ เหล่านี้ล้วนเป็นทัศนคติที่ปิดกั้นทุก ๆ อย่าง และเรียกรวม ๆ ว่า Fixed Mindset คือมัน Fixed มันติด มันยึดไปแล้ว
แต่ Growth Mindset คือชุดความคิดที่เชื่อว่า เราสามารถพัฒนาต่อยอดทัศนคตินั้น ๆ ไปได้เรื่อย ๆ ไม่สิ้นสุด เป็นขั้วตรงข้ามกับ Fixed Mindset นั่นเอง เช่น แทนที่เราจะเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่า คนที่จะเก่งภาษาอังกฤษได้ต้องไปเรียนต่อเมืองนอกเท่านั้น แต่เรามี Growth Mindset อยู่เต็มล้นว่า ถึงแม้เราจะไม่ได้เรียนโรงเรียนนานาชาติ ไม่ได้ไปเรียนต่อเมืองนอก แต่เราก็สามารถจะเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ โดยมีประสิทธิภาพเทียบเท่าคนที่จบนอก ซึ่งเมื่อ ​Growth Minset เราแข็งแรง เราก็จะขวนขวายที่จะเรียนรู้ภาษาอังกฤษอย่างไม่มีขอบเขตจำกัด
วันก่อนเปิดดูคลิปรายการสอนภาษาอังกฤษของครูลูกกอล์ฟ ซึ่งมีแขกรับเชิญเป็นเบเบ้ อาจารย์สาวอดีตเน็ทไอดอล ที่ตอนนี้หันมาออกกำลังกายอย่างจริงจัง จนรูปร่างแข็งแรงสวยงาม ครูลูกกอล์ฟก็สัมภาษณ์ชื่นชมในเรื่องนี้ พร้อมกับบอกว่า “ลูกกอล์ฟวิดพื้นไม่ได้ ทำไม่ได้ ยังไงก็ทำไม่ได้” (นี่คือ Fixed Mindset ที่ครูลูกกอล์ฟฝังแน่นในหัวตัวเอง) เบเบ้หัวเราะอารมณ์ดีแล้วบอกว่า “No, No! don’t say that.” แล้วตอบอีกประโยคแบบเน้น ๆ คำว่า You can’t do it YET!! คำว่า YET ที่เบเบ้เน้นตอนท้าย เป็นคำที่จะค่อย ๆ เปลี่ยน Fixed Mindset ของครูลูกกอล์ฟให้เป็น Growth Mindset ต่อไป
เพราะอย่างที่คนออกกำลังกายด้านเวทเทรนนิ่งรู้กันว่า เมื่อเราฝึกเป็นประจำสม่ำเสมอ จากน้อยไปมาก การวิดพื้นนั้น แม้แต่ผู้หญิงก็ทำได้ คนอ้วนก็ทำได้ คนแก่ก็ทำได้ ไม่ใช่เรื่องยาก หรือเรื่องที่ต้องร้องว่า “ยังไงก็ทำไม่ได้” เพราะมันคือการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
นี่คือตัวอย่างของ Fixed และ Growth Mindset แบบคร่าว ๆ ที่น่าจะทำให้เห็นภาพว่า ในชีวิตเรา Mindset แบบไหนที่เราควรมีให้มากกว่า ในความเป็นจริงมนุษย์เรามีทั้ง Fixed และ Growth ขับเคลื่อนชีวิต คนที่มี Growth มากหน่อย เราจะเห็นชีวิตเค้าทะยานไปเรื่อย ๆ เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ไม่สิ้นสุด ดูสดใสและสนุกกับชีวิตเสมอ
มันมีตัวช่วยอีกตัวในการสำรวจ ​​Mindset ก็คือ Self-awareness เป็นคำที่นักคิดนักเขียนชื่อดังหลายคนบอกว่า ควรเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องปลูกฝังให้กับเด็กรุ่นใหม่ “การรู้จักตนเอง” คือกุญแจไปสู่ทุกอย่าง
การรู้จักตัวเอง ไม่เห็นจะยากใครบ้างไม่รู้จักตัวเอง ชอบกินอะไร ชอบทำอะไร ชอบไปที่ไหน ถามปุ๊บตอบได้ทันทีอยู่แล้ว แต่ในความหมายที่ลึกซึ้งนั้น การรู้จักตัวเอง คือการได้นั่งลงทบทวนอย่างสม่ำเสมอลึกลงไปในตัวตนและจิตวิญญาณ คำถามจะมีมากกว่า “เราชอบอะไร” แต่จะมีรายละเอียดปลีกย่อยลงไปมากมาย ทำไม เพราะอะไร เกิดแบบนี้ต้องไปทางไหน หาทางแก้ไขคืออะไร ฯ คำถามที่มีมากมายเหล่านั้น จะทำให้เรารู้จักตัวเองอย่างลึกซึ้งและแท้จริง
ยกตัวอย่างง่าย ๆ ถ้าเราบอกคนอื่นว่า “ชอบถ่ายรูป” เราต้องบอกตัวเองให้ได้ว่า ทำไมถึงชอบถ่ายรูป ความรู้สึกที่เราชอบคือตอนถ่ายรูปหรือตอนที่ได้เห็นผลงานหลังจากถ่ายรูป ถ้าไม่ได้ถ่ายรูป เราจะทำอะไรได้อีก เราอยากพัฒนาการถ่ายรูปไปถึงขั้นไหน ถ่ายเล่นเป็นงานอดิเรก หรือถ่ายจริงจังสร้างเนื้อสร้างตัวได้ คำถามเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องให้ใครมานั่งถามเรา แต่เป็นเราที่ต้องนั่งพูดคุยกับตัวเอง จนเข้าใจแจ่มแจ้งว่าทำไมถึงชอบถ่ายรูป ไม่ใช่เหตุผลง่าย ๆ ว่า “ก็ชอบง่ะ”
การมี Self-awareness จะทำให้เราตัดสินในเรื่อง Fixed และ Growth Mindset ได้ง่ายขึ้น เพราะชีวิตมันไม่ได้มีแค่ขาวกับดำ อาทิเช่น เพื่อนชวนให้เริ่มออกวิ่งด้วยกัน เราไม่อยากที่จะโพล่งออกไปว่า “ไม่เอา ไม่ชอบวิ่ง วิ่งไม่ได้ วิ่งแล้วเจ็บเข่า” มันจะดูว่าเรามี Fixed Mindset ดูไม่พร้อมจะเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของตัวเอง เราจึงตั้งใจจะทดลองดูสักตั้ง ก็ออกไปวิ่งกับเพื่อน ค่อย ๆ เรียนรู้ว่าจะวิ่งอย่างไรให้ไม่เจ็บ วิ่งให้ทน วิ่งให้นาน จนสามารถวิ่งได้เป็น แต่เมื่อวิ่งไปแล้ว เราสำรวจความรู้สึกตัวเองอย่างสม่ำเสมอแล้วพบว่า การวิ่งนั้น ไม่ได้ทำให้เรามีความสุข เท่ากับการไปตีแบต ก็สามารถบอกกับเพื่อนที่ชวนวิ่งได้ว่า “ไม่ชอบวิ่งอ่ะ ชอบตีแบต”
Self-awareness จะทำให้เราไม่ทู่ซี้ทำในสิ่งที่ไม่ชอบ ไม่ทนพัฒนาตัวเองไปจนไม่มีความสุข ดังนั้นการบอกว่า “ไม่ชอบวิ่ง ชอบตีแบต” อาจจะดูเหมือนเป็น Fixed Mindset แต่ก็เป็น Fixed Mindset ที่ผ่านการทดลอง ผ่านการวิเคราะห์กับตัวเองมาแล้ว เพราะฉะนั้น Fixed Mindset ในกรณีนี้ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี แต่เป็น Mindset ที่เข้าใจตนเอง
ประโยคที่ว่า “มนุษย์เราจะทำอะไรก็ได้” เป็นประโยคคลาสิคที่เชิดชู Growth mindset อย่างเต็มที่ แต่ถ้าจะให้สมบูรณ์กว่านั้นก็ควรจะมี Self-awareness กำกับ คุยกับตัวเองให้รู้เรื่องซะก่อนว่าเราจะทำ “อะไรก็ได้” ไปเพื่ออะไร??
รูปนี้ถ่ายในเช้าตรู่ของฤดูร้อน วิวแถวบ้านตอนออกไปวิ่ง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา