รู้ไว้ใช่ว่า: นี่คือเรื่องจู๋สั้น แต่เราจะเขียนยาวๆ - ว่าด้วย Small Dick Shaming ‘จู๋เล็ก’ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย
.
“ผมมีจู๋เล็กและผมอยากฆ่าตัวตาย” - โพสต์จากเว็บบอร์ด ‘Reddit’ โดยมีเนื้อหาว่าเขาต้องการฆ่าตัวตายเพราะโดนล้อเรื่องจู๋เล็ก และต้องการจะให้คนเห็นประเด็นเรื่องนี้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะ “ถ้าคุณไปล้อคนเรื่องจู๋เล็กบ่อยๆ เข้า เขาอาจรู้สึกแบบเดียวกับที่ผมรู้สึกตอนนี้ก็ได้”
.
การล้อเลียนเรื่องขนาดอวัยวะเพศไม่ใช่เรื่องตลก เพราะบางครั้งอาจทำให้คนที่โดนล้อเกิดความวิตกกังวล จนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าตัวตายเนื่องจากความภาคภูมิใจของตัวเองต่ำเลยก็ได้ จนเกิดเป็นอาการที่ว่าเรียกว่า ‘Small Penis Syndrome’ หรือสภาวะวิตกกังวลจากขนาดอวัยวะเพศชายของตัวเอง
.
สภาวะกังวลว่า ‘จู๋เล็ก’ - สภาวะนี้คือการรู้สึกว่าของตัวเองมีขนาดเล็กกว่าปกติ ซึ่งอาจส่งผลทำให้ไม่มีความมั่นใจมากพอที่จะมีเซ็กซ์ เพราะตัวเอง ‘ไม่สามารถทำให้ผู้หญิงพึงพอใจผ่านการมีเพศสัมพันธ์ได้’ รวมไปถึงรู้สึกอับอายเมื่อจะแก้ผ้า เพราะอาจถูกดูถูกเหยียดหยามได้
.
ความวิตกกังวลดังกล่าวอาจเกิดขึ้นจาก ‘มุมมอง’ ที่มีต่อเรื่องทางเพศ และสำหรับคนรักต่างเพศก็คือมุมมองที่ไม่สมจริงต่อ ‘ผู้หญิง’ ซึ่งอาจเป็นผลสืบเนื่องมาจากสภาวะหวาดกลัวสังคม (Social Phobia) หรือ วิตกกังวลทางสังคม (Social Anxiety Disorder) ไปจนถึงพฤติกรรมหลีกหนีความจริงก็ได้ โดยสภาวะกังวลว่าจู๋เล็กนี้สามารถส่งผลไปจนทำให้คนที่มีสภาวะดังกล่าวรู้สึกสิ้นหวัง หดหู่ และในบางกรณีอาจถึงขั้นคิดฆ่าตัวตายเลยก็ได้
.
แม้ว่าความเป็นจริงแล้วพวกเขาอาจไม่ได้ ‘จู๋เล็ก’ จริงๆ ก็ได้ แต่เพียงแค่ขาดงานศึกษาทางสถิติ หรือขาดประสบการณ์ในความสัมพันธ์ทางเพศที่มากพอ เพราะในหลายๆ ครั้งพวกเราศึกษาเรื่องเพศกันผ่าน ‘หนังโป๊’ ซึ่งดาราส่วนใหญ่มักจะมี ‘จู๋’ ที่ขนาดใหญ่หรือยาวมากกว่าปกติ
.
“จู๋เล็กไม่ใช่จุดจบของโลกทางเพศ” - กลุ่มคนที่มีขนาดอวัยวะเพศเล็กกว่าปกติที่เรียกว่า ‘จู๋จิ๋ว’ (micropenis) จะมีขนาดยาวน้อยกว่าประมาณ 2.75 นิ้วเมื่อแข็งตัว แต่นั่นเป็นเพียงคนกลุ่มน้อยนิด และพวกเขาก็มีเซ็กซ์กันเป็นปกติ จากบทความของ VICE ที่ไปสัมภาษณ์คนที่มีสภาวะจู๋จิ๋ว พบว่า บางคนก็ใช้เซ็กซ์หมู่เข้าช่วย ‘Jessi’ วัย 23 ปี เขาแต่งงานแล้วและใช้วิธีการมีเซ็กซ์หมู่เข้าเติมเต็มให้ภรรยาของเขา “อันที่จริงภรรยาก็ชอบขนาดของเขา เพราะเธอเคยมีเซ็กซ์กับคนที่มีขนาดใหญ่มาแล้วและมันเจ็บเกินไป”
.
หรือการมีจู๋จิ๋วก็ทำให้บางคนพัฒนามันกลายเป็น ‘เฟติช’ ที่ชอบให้คนดูถูกเหยียดหยามขนาดของเขา “ฉันคิดว่ามันอาจเป็นจิตใต้สำนึกที่พัฒนาจากความไม่มั่นคงทางจิตใจ เพราะผู้ชายก็คงอยากให้จู๋ของเขาได้รับการมองเห็นมาก และถ้ามันเล็กจริงๆ เราก็คงไม่เชื่อถ้ามีใครมาบอกว่า ‘เฮ้ย จู๋มึงใหญ่จัง’ ตอนฉันเดทกับคนนึง ฉันชอบให้เธอมัดฉันและล้อเลียนขนาดของจู๋ฉัน” - ‘Jack’ อายุ 29 ปีมีเฟติชแบบนี้ และไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่มี เพราะเฟติชดังกล่าวมีคำอธิบายเป็นเรื่องเป็นราวในวิกิพีเดียว่าเป็น ‘Small penis humiliation’
.
ทว่าแม้ขนาดมันจะไม่ได้เป็นปัญหากับเซ็กซ์ แต่ 45% ของผู้ชายก็อยากมีขนาด ‘จู๋’ ที่ใหญ่ขึ้นอยู่ดี
.
ทำไมคนถึงอยากจู๋ใหญ่ - เพราะความเชื่อว่า ‘จู๋’ เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นชาย และเมื่อเราอยู่ในสังคมชายเป็นใหญ่ การเปรียบเทียบกันด้วยขนาดจู๋จึงเป็นการเปรียบเทียบกันว่า ‘ความเป็นชาย’ ของใคร ‘ใหญ่’ กว่าใคร จนทำให้ผู้ชายหลายคนรู้สึกกดดันและบั่นทอนความภาคภูมิใจของตนเอง ดังนั้นหลายคนจึงอยากจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าเดิม จะได้ทำให้พวกเขารู้สึกถึง ‘ความเป็นชาย’ ที่มากขึ้น ซึ่งบางคนอาจมีความเชื่อว่ามันจะทำให้ประสิทธิภาพทางเพศดีขึ้นกว่าเดิม
.
ทว่าจริงๆ แล้ว ขนาดที่ใหญ่กว่าไม่ได้หมายความว่าจะดีกว่า เพราะการที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ อันที่จริงมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการบาดเจ็บได้มากกว่าที่คิด เพราะเมื่อขนาดใหญ่นั่นจะทำให้อวัยวะเพศของคู่นอนเกิดการฉีกขาดได้ แม้กระทั่งการมีเซ็กซ์ทางปากก็อาจทำให้คู่มีปัญหาในกรามและสำลักได้ และนั่นก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่สนุกเลย รวมไปถึงมันไม่ได้ส่งผลต่อเรื่องอื่นๆ ในเซ็กซ์แม้แต่น้อย
.
แต่หลายคนก็ยังล้อเลียนขนาดจู๋ของคู่นอนอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นจากกรณีคนรักเพศเดียวกันหรือคนรักต่างเพศ ทว่าโดยส่วนใหญ่จะเป็นปัญหามากกว่าหากพวกเขาโดน ‘ผู้หญิง’ ล้อเลียนขนาดจู๋ของเขา
.
“ฉันเคยพยายามจะมีเซ็กซ์สองครั้ง แต่มันเป็นไปไม่ได้ พวกผู้หญิงเอาแต่หัวเราะและนั่นทำให้ฉันเลิกคาดหวังกับสิ่งนี้ไปแล้ว” - ‘Neil’ ไบเซ็กชวลวัย 50 ปี กล่าวในบทความของบทความ VICE
.
“เราเคยมีเซ็กซ์กับผู้หญิงคนนึง เขาก็พูดเรื่องขนาดเราต่อหน้าด้วย ไม่พอเขาก็เอาไปบอกกับเพื่อนว่า ‘เชี่ย จู๋คนนี้แม่งเล็ก เอาแล้วไม่รู้สึกอะไรเลย’ ซึ่งมันทำให้เราขาดความมั่นใจกับเรื่องเซ็กซ์อะ” - เพื่อนคนหนึ่งของผู้เขียน จริงๆ การเล่าเรื่องว่าขนาดของคนที่เคยมีเซ็กซ์ด้วยในวงผู้หญิงนั้นมีอยู่บ่อยๆ แต่การระบุเฉพาะเจาะจงอย่างนี้ก็ทำให้ผู้ที่ถูกพูดถึงนั้นอาจถูกล้อเลียนต่อ และกลัวการมีเซ็กซ์ไปเลยก็ได้
.
#DonotSmallDickShaming - จู๋เล็กไม่ใช่เรื่องน่าอาย คนที่ล้อต่างหากควรจะอาย เพราะนี่เป็นการส่งเสริม ‘Toxic Masculinity’ ที่ชัดเจน เนื่องจากการล้อขนาดจู๋คือการโจมตี ‘ความเป็นชาย’ ของเขา ทำให้เขารู้สึกว่าอ่อนแอกว่าและไม่สมเป็นชาย แล้วการล้อเรื่องดังกล่าวนั้นก็เกิดมาจากค่านิยม ‘ความเป็นชาย’ ที่ต้องดูยิ่งใหญ่ ดูดุดัน ทว่านั่นเป็นการมองความเป็นชายในมาตรฐานเดียวเท่านั้น ไม่เพียงแค่นั้นการล้อเลียนดังกล่าวคือการเพิกเฉยกับอัตลักษณ์ทางเพศอื่นๆ อย่างผู้หญิงข้ามเพศและอินเตอร์เซ็กซ์ที่ก็มีจู๋เหมือนกัน
.
ที่จริงแล้วขนาดจู๋ที่เล็กก็ไม่ได้ส่งผลกับการเสร็จของผู้หญิงขนาดนั้น ในปี 2012 มีงานวิจัยออกมาพบว่า ผู้หญิงที่มีประสบการณ์ถึงจุดสุดยอดจากช่องคลอดบ่อย อาจสนใจใน ‘ขนาด’ แต่คนกลุ่มอื่นนั้นขนาดไม่ใช่ส่ิงสำคัญเลย และแน่นอนว่า ‘ขนาด’ ที่เราพูดถึงกันเนี่ยเป็นขนาดที่ ‘เหมาะสม’ ของร่างกายคู่ต่างหาก เพราะบางคนก็ไม่ได้ชอบคนจู๋ใหญ่เสมอไป
.
สุดท้ายนี้รู้หรือไม่? ถ้าย้อนไปเมื่อสมัยกรีกโบราณ คนยุคนั้นกลับมองตรงกันข้ามว่า ‘อวัยวะเพศใหญ่’ เป็นเรื่องแปลกประหลาดและน่าหัวเราะ - จริงๆ แล้วความนิยมจู๋เล็กนั้นสามารถย้อนไปได้จนถึง 8 ศตวรรษก่อนคริสตกาลเลยด้วยซ้ำ โดยนักวิชาการประวัติศาสตร์ศิลป์ ‘Ellen Oredsson’ เชื่อว่าเพราะกรีกให้คุณค่ากับความ ‘พอดี’ ไม่ควรมีสิ่งไหนที่ใหญ่เกินไปจนขาดสมดุล และในหลายๆ คนเชื่อว่ากรีกโบราณมองจู๋เล็กในฐานะ ‘การมีเหตุผล’ และ ‘การควบคุมตัวเอง’ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาให้คุณค่า กลับกันกับจู๋ใหญ่เป็น ‘การขาดความยับยั้งชั่งใจ’ ปล่อยให้ตัณหาเข้ามาครอบงำ