8 ก.พ. 2021 เวลา 11:42 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
เอกภพ - จักรวาล (universe) Ep.1
เอกภพหรือที่เราเรียกว่าจักรวาล (universe)
เป็นระบบที่ใหญ่ที่สุดและมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล เราจะมองเห็นเอกภพในลักษณะเป็นห้วงอวกาศขนาดใหญ่ และไม่มีขอบเขตจำกัด
ในเอกภพจะประกอบไปด้วยดวงดาวจำนวนมหาศาล เราจะเรียกดวงดาวที่เกาะกันเป็นกลุ่มว่า"กาแล็กซี"
ในแต่ละกาแล็กซี ก็จะมีระบบของดาวฤกษ์
จำนวนนับแสนล้านดวง และยังมีกระจุกดาว เนบิวลา หลุมดำ อุกกาบาต ฝุ่นผง กลุ่มก๊าซ และที่ว่างอยู่รวมกันในกาแล็กซี
จากที่กล่าวมาสามารถเรียงลำดับระบบที่ใหญ่ที่สุดไปหาเล็กที่สุด ได้ดังนี้
กำเนิดเอกภพ
ทฤษฎีการเกิดเอกภพที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในปัจจุบัน คือ ทฤษฎีบิ๊กแบง (Big bang Throry) กำเนิดเอกภพเริ่มนับจากจุดที่เรียกว่าบิ๊กแบง (Big Bang)
"บิ๊กแบง" เป็นชื่อที่ใช้เรียกทฤษฎีกำเนิดเอกภพทฤษฎีหนึ่ง ในปัจจุบันทฤษฎีบิ๊กแบงเป็นที่ยอมรับมากขึ้นเพราะมีปรากฎการณ์หลายอย่าง
ที่สอดคล้องและเป็นไปตามทฤษฎีบิ๊กแบง
ก่อนการเกิดบิ๊กแบง เอกภพเป็นพลังงานล้วนๆ ภายใต้อุณหภูมิที่สูงยิ่งยวด จุดบิ๊กแบงจึงเป็นจุดที่พลังงานเริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นสสารครั้งแรก และเป็นจุดเริ่มต้นของเวลาและอวกาศ
บิ๊กแบง เป็นทฤษฎีที่อธิบายถึงการระเบิดใหญ่ที่ทำให้พลังงานส่วนหนึ่งเปลี่ยนเป็นเนื้อสาร มีวิวัฒนาการต่อเนื่องจนเกิดเป็นกาแล็กซี เนบิวลา ดาวฤกษ์ ระบบสุริยะ โลก ดวงจันทร์ มนุษย์ และสิ่งมีชีวิตต่างๆ
ขณะเกิดบิ๊กแบง มีเนื้อสารเกิดขึ้นในรูปของ อนุภาคพื้นฐานหรือมูลฐานชื่อ ควาร์ก (Quark) อิเล็กตรอน (Electron) นิวทริโน (Neutrino) และ โฟตอน
(Photon) เป็นพลังงาน
เมื่อเกิดอนุภาค (Particle) ก็จะเกิดปฏิอนุภาค (Anti-particle) ที่มีประจุไฟฟ้าตรงข้าม ยกเว้นอนุภาคนิวทริโนและแอนตินิวทริโน เพราะไม่มีประจุไฟฟ้า เมื่อปฏิอนุภาคและอนุภาคชนิดเดียวกันพบกันก็จะหลอมรวมกันทำให้"เนื้อสารเปลี่ยนกลับไปเป็นพลังงาน"
ถ้าเอกภพมีจำนวนอนุภาคเท่ากับปฏิอนุภาคพอดี เมื่อพบกันจะกลายเป็นพลังงานทั้งหมด ก็จะไม่เกิดกาแล็กซี ดาวฤกษ์และระบบสุริยะ แต่ในเหตุการณ์ครั้งนี้ อนุภาคมากกว่าปฏิอนุภาค ดังนั้นเมื่อปฏิอนุภาคพบกับอนุภาค นอกจากจะได้พลังงานเกิดขึ้นแล้ว ยังมีอนุภาคเหลืออยู่ และก่อกำเนิดเป็นสสารของเอกภพในปัจจุบัน
โฆษณา