ทุกวันนี้เราคงรู้จัก BMW ในฐานะแบรนด์รถหรูจากยุโรปที่คนมีฐานะทั่วโลกนิยมซื้อกันเป็นอันดับต้นๆ เป็นแบรนด์ยนตรกรรมหรูหราจากเยอรมันที่มีคนติดตามมากมาย เราทั้งหลายก็รู้จักกับรุ่นรถของ BMW ไปก็เยอะแล้ว วันนี้เราจะมาดูประวัติความเป็นมาของรถยนต์ค่ายนี้กันบ้างนะเพื่อนๆ ว่าเจ้าแบรนด์รถยนต์เชื้อสายเยอรมันนี้ มีประวัติความเป็นมาอย่างไรบ้าง เขาต้องเจอกับอะไรมาบ้างกว่าจะมาถึงจุดนี้ แล้วเชื่อไหมว่าแรกเริ่มก่อตั้งธุรกิจของ BMW ไม่ได้เริ่มจากรถยนต์ทีเดียว แถมเคยผ่านสงครามโลกครั้งที่สองมาแล้วด้วย แล้วประเทศไทยของเราเริ่มนำเข้าแบรนด์ BMW ตั้งแต่เมื่อไหร่ เราไปดูกันเลยน้า
BMW ที่เคยผลิตแต่เครื่องยนต์เครื่องบินมาโดยตลอด ต้องหันไปผลิตเครื่องมือทำฟาร์ม และเบรกรถไฟ เพื่อให้กิจการอยู่รอด แต่ในระหว่างนั้น Max Friz หัวหน้านักออกแบบของ BMW ก็กางแผนออกแบบ รถมอเตอร์ไซค์ ไปด้วย การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นในปี 1922 เมื่อ Camillo Castiglioni ซึ่งในตอนนั้นยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท Bayerische Flugzeugwerke หรือ BFW เข้ามาซื้อกิจการด้านเครื่องยนต์เครื่องบินของ BMW ไป BFW ย้ายสินทรัพย์ทั้งหมดของ BMW ทั้งคนงานและเครื่องมือการผลิต มาที่ศูนย์การผลิตของตัวเอง และได้เปลี่ยนชื่อจาก BFW มาเป็น BMW แทน
ศูนย์การผลิตที่ถือเป็นบ้านหลังใหม่ของ BMW ตั้งอยู่ในเมืองมิวนิค และยังมีให้เห็นจนถึงทุกวันนี้
เพราะตอนนี้ ที่ตั้งนั้นคือ สำนักงานใหญ่ของ BMW Group ปี 1923 รถมอเตอร์ไซค์คันแรกของ BMW ที่มีชื่อรุ่นว่า R 32 เปิดตัวที่งาน Berlin Motor Show โดยรูปแบบการวางเครื่องของ R 32 ยังถือเป็นต้นแบบให้กับรถมอเตอร์ไซค์ของ BMW ในรุ่นใหม่ๆ ด้วย
ก้าวแรกของ BMW ในวงการรถยนต์ เริ่มขึ้นในปี 1928 หลังจากเข้าไปซื้อกิจการ Fahrzeugfabrik Eisenach ของ Heinrich Ehrhardt (ผู้ผลิตรถยนต์รุ่นบุกเบิกของเยอรมันต่อจาก Daimler และ Benz) ซึ่งเป็นเจ้าของรถ Dixi หรือก็คือรถ Austin Seven ที่ซื้อ Licence การผลิตมาจากบริษัท Austin Motor ของอังกฤษ BMW 3/15 PS คือรถยนต์รุ่นแรกที่ใช้ชื่อของ BMW ซึ่งเปิดตัวในปีต่อมา และก็กลายเป็นที่ฮือฮาทันที เพราะสามารถชนะการแข่งขันรายการ Alpine Rally ตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้าร่วม หลังจากนั้นในปี 1933 BMW 303 คือรถรุ่นแรกที่มาพร้อมกับกระจังหน้าแบบไตคู่ (Kidney Grille) ที่กลายมาเป็นเอกลักษณ์ของรถ BMW ทุกรุ่นในปัจจุบัน
เหตุการณ์ที่เหมือนจะเป็นเดจาวูก็เกิดขึ้น ขณะที่รถยนต์และมอเตอร์ไซค์กำลังจะไปได้สวย ก็เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 BMW ก็ไปผลิตเครื่องยนต์เครื่องบินให้กับกองทัพอากาศ และเยอรมนีก็แพ้อีกแล้ว โรงงานรวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆพังเกือบหมด และ BMW ต้องกลับไปผลิตของใช้ในครัวเรือน ก่อนจะกลับมาสร้างมอเตอร์ไซค์ได้อีกครั้งในปี 1948 และรถยนต์ในปี 1951 หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 BMW กลับมาขายรถที่จัดเต็มเรื่องสมรรถนะ ซึ่งถือว่าเป็นรถที่มีเทคโนโลยีล้ำสุดในช่วงเวลานั้น
แต่ดูเหมือนว่า จุดสูงสุดของวิศวกรรมจะเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับจุดต่ำสุดของ BMW เนื่องจากช่วงหลังสงคราม คนสนใจแต่ปากท้องของตัวเอง และคงไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อรถคันใหญ่ที่มีวิศวกรรมล้ำหน้าราคาแพง ทำให้รถของ BMW ขายได้ไม่ค่อยดี ส่วนตลาดมอเตอร์ไซค์ก็เริ่มซบเซา สุดท้ายบริษัทมีปัญหาด้านการเงินอย่างหนัก จนถึงขั้นที่ว่าบอร์ดของบริษัท ตอบรับข้อเสนอการควบรวมกิจการกับทาง Daimler-Benz อย่างไรก็ตาม ดีลนี้ไม่เกิดขึ้น เพราะหลังจากถูกต่อต้านจากทั้งคนงานและผู้ถือหุ้นรายย่อย Herbert Quandt หนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัท ตัดสินใจหาเงินมาซื้อหุ้นในส่วนที่จะขายให้ทาง Daimler-Benz นั้นเอาไว้เอง ทำให้ BMW ยังคงเป็นบริษัทคู่แข่งกับ Benz ต่อไป รู้หรือไม่ว่า ผ่านมา 59 ปี ปัจจุบันคนตระกูล Quandt ก็ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน BMW Group อยู่
หลังจาก Herbert Quandt เข้ามาถือหุ้น ทุกอย่างใน BMW ก็ดีขึ้น เมื่อได้รับบทเรียนมาแล้วครั้งนึง BMW ก็มีการปรับเปลี่ยนให้รถที่ทำออกมามีขนาดเล็กลง สามารถตอบโจทย์คนทั่วไปมากขึ้น โดยออกรถยนต์รุ่น 1500 ออกมา และกลับมาขายดีได้อีกครั้ง กิจการของ BMW ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ผ่านการซื้อและขายบริษัทอื่นๆ ตามมาอีกหลายครั้ง ปัจจุบัน BMW Group จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แฟรงก์เฟิร์ต มีมูลค่าบริษัท 56,373 ล้านยูโร หรือราว 2,184,163 ล้านบาท มีพนักงานรวม 124,729 คน และนอกจากรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ของ BMW เองแล้ว ยังเป็นเจ้าของแบรนด์ MINI และ Rolls-Royce ด้วย
รถรุ่นแรกที่เข้ามาจำหน่ายในเวลานั้นเป็น BMW 700 ต่อมาเป็น BMW 2002 ที่มียอดจำหน่ายสูง มาจากการจำหน่ายให้แก่สำนักงานตำรวจ เพื่อใช้เป็นรถตรวจการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล
เป็นยังไงกันบ้าง กับประวัติของ BMW ที่กว่าจะประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้ ต้องผ่านอะไรมาโชกโชนเลยทีเดียว เรียกว่าไม่ได้สำเร็จมาง่ายๆแน่นอน และสำหรับเพื่อนๆคนไหนที่ต้องการเช่ารถ BMW เพื่อสัมผัสกับความสำเร็จของแบรนด์นี้ เรามีรถ BMW X1 sDrive18d xLine, BMW 320d Sport และ BMW 520d M Sport ให้เพื่อนๆได้เช่าไปขับกันด้วย ราคาเริ่มต้นที่ 7,490 บาท/วัน เองนะ เติมน้ำมันให้เต็มถัง แถมขับไปได้ทั่วไทยด้วย สมัครใช้บริการง่าย ไม่ต้องมีบัตรเครดิตอีกต่างหาก