11 ก.พ. 2021 เวลา 05:03 • หนังสือ
หนังสือเขาตั้งราคากันอย่างไรถึงได้กำไรสูงสุด
เศรษฐศาสตร์ว่าด้วยการเลือกปฏิบัติในการตั้งราคา
เขียนโดย ดร.ยิ่งยศ เจียรวุฑฒิ
ต้องเกริ่นก่อนว่าที่ผมเลือกอ่านหนังสือเล่มนี้ เพราะตอนนี้ผมกำลังจะทำธุรกิจเกี่ยวกับเทียนหอมตัวเองที่ชื่อว่าNeferma จึงอยากหาวิธีการตั้งราคาว่าเราจะตั้งราคากันอย่างไรให้มันได้กำไรสูงที่สุดและก็ลูกค้ารู้สึกว่าอยากจ่ายสินค้าตัวนี้กับของเรา ผมเลยหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน
หนังสือจะบอกว่าอ่านง่ายก็ไม่เชิงเพราะเราต้องเข้าใจคำศัพท์หรือความหมายบางอย่างทางเศรษฐศาสตร์ อย่างเช่นอุปสงค์หรือ demand ความเต็มใจในการจ่าย การเลือกปฏิบัติทางราคา ถ้าเราเข้าใจเรื่องเหล่านี้มันจะทำให้การอ่านหนังสือเล่มนี้ง่ายมากขึ้น
หนังสือเริ่มต้นด้วยคำถามที่ค่อนข้างใหญ่ที่ผมว่าทุกคนอาจจะต้องเคยสงสัยกันมาแล้วบ้าง ด้วยคำว่า
เวลาเราซื้อของหรือบริการสักอย่าง เราจ่ายราคาเดียวกับคนอื่นหรือเปล่าหรือว่าเราจ่ายราคาที่แพงกว่าคนอื่นเขา??
อ่านหนังสือเล่มนี้ผมแนะนำให้เข้าใจคำว่าการเลือกปฏิบัติทางราคาก่อน เพราะตลอดทั้งเล่มจะมีคำคำนี้อธิบายในแต่ละประเด็น ของการตั้งราคาของตัวอย่างแต่ละแบรนด์ โดยการเลือกปฏิบัติหรือการเลือกปฏิบัติราคา คือ การที่แต่ละคนได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกันแม้จะอยู่ภายใต้สถานการณ์เดียวกัน
ถ้าให้ยกตัวอย่างแบบเห็นภาพชัดเจนที่สุด เช่น เราเคยเห็นการที่นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องเข้าชมสถานที่อุทยานในราคาที่แตกต่างจากคนไทยไหมครับ?? ทั้งๆที่คนเหล่านั้นเขาก็ได้รับการปฏิบัติเหมือนกันกับเรา แต่เพียงแค่เขาเป็นชาวต่างชาติ เขาเลยต้องจ่ายแพงกว่าเรา อันนี้คือตัวอย่างของการเลือกปฏิบัติทางราคาที่เห็นภาพชัดเจนที่สุด
หนังสือก็จะอธิบายถึงเรื่องของอุปสงค์
ซึ่งในหนังสืออธิบายว่า ความยินดีที่จะจ่าย + ความสามารถในการจ่าย = กับอุปสงค์
ในขณะที่ความยินดีที่จะจ่าย + ไม่มีความสามารถในการจ่าย = ความต้องการ
หรือกระทั่งของความยืดหยุ่นทางราคา ถ้าความยืดหยุ่นทางราคาต่ำ ความเต็มใจในการจ่ายจะสูง
ในขณะที่ถ้าความยืดหยุ่นทางราคาสูง ความเต็มใจในการจ่ายจะต่ำ
หนังสือจะพาเราไปทำความเข้าใจว่าทำไมต้องคิดราคาที่แตกต่างกัน ถ้ามองในมุมของคนทำธุรกิจ การคิดราคาที่แตกต่างกันอาจจะทำให้เราได้กำไรและรายได้สูงที่สุด
ตัวอย่างเช่น
ถ้าเราคิดบริการ 2 อย่าง อย่างแรกให้บริการครบวงจรในราคา 200 บาท กลับอีกอย่างให้บริการเหมือนกัน แต่ตัดบางบริการออกไป แต่คิดราคา 100 บาท ทำให้กลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้อยากจะใช้บริการครบวงจรแต่ซื้อแค่บริการบางอย่าง ยังคงสามารถเป็นลูกค้าเราได้ แต่ถ้าเราคิดราคาเดียวคือ 200 บาท และแบบครบวงจรเท่านั้น จะทำให้เราเสียกลุ่มลูกค้า 100 บาทไป
จริงๆในหนังสือเล่มนี้มีเทคนิคหลายอย่างที่ผมค่อนข้างชอบ และคงจะได้เอาไปปรับใช้จริงด้วย ผมเลยอยากขอยกตัวอย่างเทคนิคการคิดราคา เผื่อสำหรับคนที่ลังเลว่าจะซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านหรือไม่ ตัวอย่างเช่น
เรื่องด่วนจ่ายเท่าไหร่ก็ยอม
เคยสังเกตไหมครับว่าลูกค้าที่ซื้อตั๋วเครื่องบินจะยอมจ่ายแพงที่สุดวันไหน??
ไม่ใช่วันเสาร์หรือวันอาทิตย์หรือวันหยุด
แต่เป็นวันที่มีเรื่องด่วนที่ต้องเดินทางโดยทันที ทำให้การคิดราคาตั๋วเครื่องบินที่เราจะบินในวันพรุ่งนี้หรือภายในสัปดาห์นี้จะค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับที่เราวางแผนว่าจะบินในอีก 4 เดือน 5 เดือนข้างหน้าแล้วเราจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้านานๆ เราจะได้ตั๋วราคาที่ถูก ในกรณีนี้เราสามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจโรงแรม ห้องประชุม เช่ารถยนต์ สามารถนำเอาเทคนิคนี้ไปปรับใช้ได้
การคิดราคาแบบโรงหนัง
อย่างกรณีการคิดราคาในโรงหนัง เราจะสังเกตเห็นว่าแถวหน้าแถวกลาง และแถวหลังสุด ราคาจะแตกต่างกัน จากการวิเคราะห์ข้อมูลของโรงหนัง จะพบว่า ผู้คนจะชอบจองตั๋วหนังแถวบนสุด ไล่ลงมาจนถึงแถวล่างสุด ถ้าเกิดว่าเราคิดค่าบริการที่แตกต่างกัน ในขณะที่ยังได้รับชมหนังเรื่องเดียวกัน เราจะสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับธุรกิจได้เพิ่มขึ้น และนี่ก็เป็นหนึ่งในเรื่องของการเลือกปฏิบัติทางราคา
ผมแนะนำว่า ถ้าใครกำลังเริ่มสร้างธุรกิจ หรืออยากให้ธุรกิจตัวเองเติบโตและยังไม่ได้รู้ว่าต้องตั้งราคายังไง ลองหาหนังสือเล่มนี้อ่านดูนะครับจะได้ประโยชน์อย่างมากเลย
แนะนำ ครับ
จำนวนหน้า 197 หน้า
ราคา 215 บาท
โฆษณา