11 ก.พ. 2021 เวลา 05:38 • ความคิดเห็น
“เงื่อนไขแห่งทุกข์ที่เราสร้างขึ้นมาด้วยความไม่รู้”
กรรม คือกาย วาจา ใจ
และมันมีบทลงโทษมากมาย หากเราไม่รู้วิธีใช้มัน ไม่ต่างอะไรกับการพลาดไปเซ็นต์สัญญาเงินกู้กับผู้มีอิทธิพลที่รอจะเอาเปรียบเรา
ความไม่รู้ในธรรมชาติของกายใจนี้คือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด
มนุษย์ไม่รู้ว่า การคิด การพูด การทำ มีพลังมากมายแค่ไหน
ยกตัวอย่างเช่น หากเราด่า หรือขโมยของคนที่ยิ่งใหญ่ เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำ หรือมูลค่าของของที่ขโมยมาไม่กี่บาท อาจจะต้องแลกกับอิสรภาพทั้งชีวิต หรือแลกด้วยชีวิตเลยก็เป็นได้
แต่ในภาพรวมของเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับ การคิด การพูด การทำ ที่สืบต่อมาจากจุดเริ่มต้นคือความไม่รู้ ไม่เข้าใจ และคิดเอา เชื่อเอาเองของมนุษย์นี้
เมื่อพวกเค้าสร้างเงื่อนไขบางอย่างขึ้นมาให้กับชีวิตของตน และเชื่อตามๆกันมา
จึงมีคลื่นพลังแห่งความไม่รู้ถูกสะสมอยู่มากมาย และดึงดูดภาวะแบบนั้นเข้ามาหากัน และเพิ่มจำนวนมากขึ้นๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
คลื่นพลังงานแห่งความไม่รู้อันเป็นจุดเริ่มต้นแห่งทุกข์เกิดขึ้นเมื่อมนุษย์สร้างเงื่อนไขต่างๆให้กับตนเองแบบผิดๆเช่น
การสร้างเงื่อนไขว่า
ชั้นจะมีความสุขต่อเมื่อชั้นมีเงิน 10 ล้าน = เค้าจะไม่มีความสุข ณ.ช่วงเวลาก่อนหน้านั้น
ชั้นจะอยู่ต่อไปยังไงถ้าไม่มีเค้า = ชั้นจะอยู่ด้วยความกังวลที่จะเสียเค้าไป จนกลายเป็นความทุกข์ใจ น่าเบื่อหน่ายจนเค้าไม่อยากอยู่ด้วย และจากชั้นไปจริงๆ
ชั้นต้องป่วยเป็นมะเร็งเหมือนคุณตาและแม่แน่ๆเพราะมันเป็นกรรมพันธุ์ = ชั้นจะกังวล จนเลือดเสีย ออกซิเจนน้อยลง คลอติซอลหลั่งมากมายจนเป็นมะเร็งตามคุณตาและแม่
ชั้นต้องมีรถก่อนเธอถึงจะชอบ = ชั้นจะไม่สามารถทำให้ใครรักหรือชอบชั้นอย่างที่ชั้นเป็น แต่จะชอบวัตถุที่ชั้นมี เมื่อไม่มี เธอก็จากไป
ชั้นจะต้องนั่น ชั้นจะต้องนี่
จนมันกลายเป็นเงื่อนไขที่ถูกสร้างมาจากการที่เชื่อแบบนั้นจริงๆ
“ทั้งๆที่มันไม่ใช่ความจริง”
จริงๆแล้ว ความเชื่อแบบผิดๆ ส่งผลต่อชีวิตของผู้คนมามากมายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งๆที่มันไม่ใช่ความจริงเลย
ความจริงคือสิ่งที่จะผ่านไปนานแค่ไหน มันก็ไม่เปลี่ยนแปลง
แต่อะไรก็ตามที่เมื่อวันเวลาผ่านไปแล้วมันไม่คงเดิม แสดงว่าสิ่งนั้นไม่จริง
ยกตัวอย่างเช่นคนสมัยก่อนเชื่อว่า ผู้หญิงคือช้างเท้าหลัง ผู้หญิงอ่อนแอ ผู้หญิงไม่สามารถหาเงินหรือทำธุรกิจใหญ่โตได้
ความเชื่อเหล่านี้มีอิทธิพลจนทำให้สังคมทั้งชายหญิงเชื่อแบบนั้นจริงๆ ถึงขั้นที่ว่า บางคนมีลูกสาวแล้วเกลียดลูก มองว่าลูกเป็นตัวซวย ไม่รักลูก ทิ้งลูกหรือฆ่าลูกเลยก็มี จากเงื่อนไขที่พวกเค้าสร้างขึ้น
จวบจนถึงยุคนี้ เราได้เห็นแล้วว่า ผู้หญิงที่ไม่ง้อผู้ชาย แข็งแรงกว่าผู้ชาย และหาเงินได้มากมายมหาศาลได้ด้วยตัวเองนั้นมีอยู่จริง และมีอยู่มาก
นั่นก็แสดงว่า สิ่งที่คนเชื่อกันมาแต่ก่อน
“ไม่ใช่ความจริง”
แต่ก็ยังมีคนที่จะเชื่อแบบนั้น จนมันส่งผลให้ชีวิตเป็นแบบนั้น
“โดยเฉพาะผู้หญิงมากมายที่ไม่เชื่อว่าตัวเองสามารถยืนด้วยสองขาของตัวเองโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาผู้ชาย”
นี่คือความน่ากลัวของความไม่รู้ และหลงเชื่อสิ่งที่ไม่จริงว่าจริง เพียงแค่ตัวอย่างเดียว
ยังมีอะไรที่หนักหนาสาหัสกว่านี้อีกมากมาย จากการที่มนุษย์สร้างเงื่อนไขต่างๆขึ้นมาแล้วเลือกที่จะเชื่อมันแบบนั้น
และทั้งหมดนี้คงจะไม่แรงเกินไปที่จะขอพูดว่า
มนุษย์สร้างหลุมพรางแห่งความทุกข์ด้วยตัวเองทั้งสิ้น ก่อเกิดเป็นอุปาทานหมู่ และอวิชชาหมู่ ที่มีเครือข่ายเป็นกระแสพลังงานเข้าไปเล่นงานมนุษย์ที่พร้อมจะเชื่อในแบบเดียวกันจริงๆ
แทนที่จะเข้าถึงภาวะที่ไร้ขอบเขตของจิต และรู้ว่าจิตนี้มีพลังมากมายมหาศาลแค่ไหน
กลับต้องมาติดอยู่ในโลกของความเชื่อผิดๆ ความเห็นผิดๆ วนเวียนอยู่กับสภาพเดิมๆแบบนี้ซ้ำๆหาทางออกให้กับตัวเองไม่เจอ
ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก
ขอให้มนุษย์ตระหนักรู้ และพาความเชื่อไปรวมกับความจริง
ขอให้จิตของมนุษย์มีกำลังมากขึ้น จากการที่กลับมาอยู่และรู้จักกับโลกภายในในระดับที่ปราศจากความคิด และเห็นธรรมชาติที่แท้จริงของกายและใจตนเอง
ขออวิชชาจงเบาบางจางคลาย จากใจที่เข้าใจผิดไปของมนุษย์ทั้งหลาย
“ออกจากการสร้างเงื่อนไขที่จะทำให้ทุกข์มาก และชีวิตยากขึ้นกันเถิด”
❤️
ป้อง
โฆษณา