Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ย้อนอดีต
•
ติดตาม
12 ก.พ. 2021 เวลา 12:00 • ประวัติศาสตร์
ย้อนอดีต การค้าทาสข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก
“ทาส” ไม่มีสถานะเท่ากับมนุษย์ ทาสคือสินค้า
ที่มีชีวิต
จุดกำเนิดของทาสนั้นมีมาตั้งเเต่
สมัยประวัติศาสตร์โบราณ
จากการทำสงครามกันระหว่างชนเผ่า ฝ่ายแพ้จะต้องตกเป็นทาสของฝ่ายชนะ
ในสมัยอียิปต์ ก็มีเอาเชลยศึกจำนวนมหาศาลไปแบกหินสร้างพีระมิดที่คนธรรมดาที่ไม่ใช่ทาสสร้างไม่ได้
กองทัพโรมันรบชนะสิบทิศนำเชลยศึกนับแสนไปสร้างตึกรามบ้านช่องใหญ่โตในกรุงโรม
1
การค้าทาสข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก
มีการค้าขายขนส่งทาสจากแอฟริกันที่ถูกกดขี่ประมาณ 10 ล้านถึง 12 ล้านคน
1
ทาสแอฟริกันที่ถูกย้ายไปยังเรือตามชายฝั่ง Slave เพื่อการค้าทาสข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกในปี ค.ศ.1880
ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไปยังอเมริกาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ถึงศตวรรษที่ 19
1
ซึ่งอาวุธสิ่งทอและไวน์จะถูกส่งจากยุโรปไปยังแอฟริกา
2
จากนั้นทาสจากแอฟริกาจะถูกส่งไปที่อเมริกา
เเละอเมริกาจะส่งน้ำตาลกับกาแฟไปยังยุโรป
ซึ่งจะถูกเรียกว่า สามเหลี่ยมการค้าทาสเเห่งเเอตเเลนติก
ในช่วงปี ค.ศ.1480 เรือของโปรตุเกสได้ขนส่งชาวแอฟริกันเพื่อนำไปใช้เป็นทาสในสวนน้ำตาลในหมู่เกาะเคปเวิร์ดและมาเดราในมหาสมุทรแอตแลนติกตะวันออก
1
เเละต่อมาพ่อค้าชาวสเปนก็ได้พาทาสชาวแอฟริกันไปยังทะเลแคริบเบียน
แต่พ่อค้าชาวโปรตุเกสกฌยังคงมีอิทธิพลเหนือการค้าทาสข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกต่อไปอีกกว่าศตวรรษครึ่ง
โดยเเหล่งค้าทาสของโปรตุเกสอยู่ในพื้นที่คองโก - แองโกลาตามชายฝั่งตะวันตกของแอฟริกา
ต่อมาชาวดัตช์กลายเป็นพ่อค้าทาสที่สำคัญที่สุดในช่วงศตวรรษที่ 16
และในศตวรรษต่อมาอังกฤษและพ่อค้าชาวฝรั่งเศสได้เอามาควบคุมการค้าทาสข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกกว่าครึ่งหนึ่งในเเอฟริกา
1
โดยได้ทาสส่วนใหญ่จากเเอฟริกาตะวันตกระหว่างแม่น้ำเซเนกัลและไนเจอร์
มีจำนานทาสแอฟริกันไม่กี่เเสนที่ถูกนำไปอเมริกาในช่วงก่อนศตวรรษที่ 16
เเต่ในศตวรรษที่ 17 ก็มีความต้องการใช้แรงงานทาสเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกับการเติบโตของสวนตาลในแคริบเบียนและพื้นที่เพาะปลูกยาสูบในทวีปอเมริกาเหนือ
1
ทาสจำนวนมากที่สุดถูกพาไปยังทวีปอเมริกาในช่วงศตวรรษที่ 18 เมื่อตามการคาดการณ์ของนักประวัติศาสตร์พบว่าเป็นจำนวนเกือบสามในห้าของปริมาณการค้าทาสข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก
การค้าทาสส่งผลกระทบร้ายแรงในแอฟริกา
1
การเพิ่มของจำนวนประชากรในเเเเอฟริกาและความหวาดกลัวต่อการที่ถูกนำขาย ใช้งานใน
การพัฒนาทางเศรษฐกิจและการทำเกษตร
ผู้คนส่วนใหญ่ที่ถูกจับเป็นทาสจะเป็นผู้หญิงใน
วัยสาว
และชายหนุ่มที่โดยปกติจะเริ่มสร้างครอบครัว
เเต่จะทิ้งคนที่เป็นผู้สูงอายุหรือคนพิการ
ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีส่วนช่วยในด้านเศรษฐกิจของสังคมได้น้อยที่สุด
ซึ่งปัจจุบันนักประวัติศาสตร์ได้ถกเถียงถึงลักษณะและขอบเขตของจำนวนทาสในแอฟริกาที่ถูกนำไปขาย
ในช่วงปีแรก ๆ ของการค้าทาสข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ชาวโปรตุเกสได้ซื้อชาวแอฟริกันที่ถูกจับไปเป็นทาสในช่วงสงครามชนเผ่า
เเต่เมื่อความต้องการทาสเพิ่มขึ้นพ่อค้าชาวโปรตุเกสก็เริ่มเข้ามาในแอฟริกาเพื่อกวาดต้อนทาสไปขาย
ซึ่งในขณะนั้นพ่อค้าชาวยุโรปจากชาติอื่นๆ ได้เริ่มเข้ามาเกี่ยวข้องกับการค้าทาส
เเต่พวกเขายังคงอยู่เรือเเละซื้อทาสจากเผ่าชาวเเอฟริกันที่ขนมาขายให้
2
ซึ่งเหล่าทาสที่จับกุมมาขายต้องเดินมาที่ชายฝั่งซึ่งเป็นการเดินทางที่ไกลถึง 300 ไมล์ (485 กม.)
โดยปกติทาสจะถูกล่ามโซ่ไว้ที่ข้อเท้าและเสาของทาสถูกมัดด้วยเชือกรอบคอ
ทาสประมาณ 10 ถึง 15 เปอร์เซ็นต์จะเสียชีวิตระหว่างเดินทางไปยังชายฝั่ง
เส้นทางแอตแลนติก (หรือ Middle Passage ) เป็นที่เลื่องลือในเรื่องความโหดเหี้ยมและสภาพที่แออัดและไม่ถูกสุขอนามัยบนเรือทาส
1
ซึ่งทาสแอฟริกันหลายร้อยคนต้องอยู่อัดกันแน่นในชั้นที่ต่ำกว่าชั้นดาดฟ้า
สำหรับการเดินทางจะประมาณ 5,000 ไมล์ (8,000 กม.)
2
โดยปกติแล้วทาสจะถูกล่ามโซ่ไว้ด้วยกันและจะไม่อนุญาตให้นั่งตัวตรง
1
ทั้งความร้อนที่เเออัดกันและระดับออกซิเจนที่ต่ำ
ทาสแอฟริกันได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอก
ที่ชั้นบนได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงในแต่ละวัน
นักประวัติศาสตร์คาดการณ์ว่าระหว่าง 15 ถึง 25 เปอร์เซ็นต์ของทาสชาวแอฟริกันที่ผูกมัดเสียชีวิตบนเรือทาสระหว่างมายังอเมริกา
บัญชีอัตชีวประวัติของแอฟริกาตะวันตก Olaudah Equiano ซึ่งตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1789
1
ที่ได้บรรยายถึงภาพของความทุกข์ทรมานที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากการเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก
การทารุณกรรมและการล่วงละเมิดทางเพศของทาสที่ถูกกดขี่เป็นที่แพร่หลาย
ในปี ค.ศ.1781 ได้เหตุการณ์ที่น่าอับอายของเรือทาสซง เมื่อทั้งชาวแอฟริกันและลูกเรือเสียชีวิตด้วยโรคติดเชื้อ
ร.อ.ลุคคอล ลิงวูด หวังที่จะหยุดยั้งโรคนี้สั่งให้ชาวแอฟริกันมากกว่า 130 คนถูกโยนลงน้ำ
จากนั้นเขาก็ยื่นเรื่องประกันมูลค่าทาสที่ถูกสังหาร
เเละเหตุการณ์ที่โด่งดังที่เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1839 เมื่อมีทาสเเอฟริกันชื่อ Joseph Cinqué เป็นผู้นำการกบฏกับทาสอีก 53 คนที่ซื้อมาอย่างผิดกฎหมายบนเรือทาสของสเปน
1
พวกเขาได้ทำการสังหารกัปตันและสมาชิกสองคนของลูกเรือ
ในที่สุดศาลสูงสุดของสหรัฐก็มีคำสั่งให้ปล่อยทาสแอฟริกันเหล่านั้นกลับบ้านไป
ในช่วงเวลาของ การปฏิวัติอเมริกา ประมาณปี ค.ศ. 1775–1783 ได้มีการสนับสนุนอย่างกว้างขวางในอาณานิคมทางตอนเหนือของอเมริกา
เพื่อห้ามไม่ให้มีการนำเข้าทาสมากขึ้น หลังจากการปฏิวัติด้วยการยืนกรานของรัฐทางใต้สภาคองเกรสรอนานกว่าสองทศวรรษก่อนที่จะทำให้การนำเข้าทาสเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
1
จากนั้นบริเตนใหญ่ได้มีสั่งเลิกทาส ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายทั่วทั้งอาณาจักรในปี ค.ศ.1833
กองทัพเรืออังกฤษได้ต่อต้านการค้าทาสในมหาสมุทรแอตแลนติกและใช้เรือของตนเพื่อพยายามขัดขวางการดำเนินการค้าทาส
ซึ่งทำให้บราซิลได้ยกเลิกการค้าทาสในปี ค.ศ.1850 แต่ก็ยังมีการลักลอบนำทาสใหม่เข้ามาในบราซิลอยู่บ่อยครั้ง
3
จนในที่สุดบราซิลก็ประกาศปลดปล่อยทาสทั้งหมดในปี ค.ศ.1888
อ้างอิง
https://www.google.com/url?sa=t&source=web&rct=j&url=https://www.britannica.com/topic/transatlantic-slave-trade&ved=2ahUKEwiDqenx3eHuAhV37XMBHQmCBX0QFjAdegQIFxAB&usg=AOvVaw1UwYT-qFZ2Uu5inN2RKis-&cshid=1613048768778
20 บันทึก
31
2
14
20
31
2
14
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย