12 ก.พ. 2021 เวลา 14:03 • ความคิดเห็น
การปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน กับการปฏิบัติธรรมในสถานปฏิบัติธรรม..ในทัศนะของข้าพเจ้า
cr: Mthai
ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดของทั้งสองสถานที่คือสภาพแวดล้อมที่ต่างกันอย่างสุดขั้ว
.
ปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน ถูกแวดล้อมไปด้วยสิ่งแวดล้อม ที่มีสิ่งเร้ากระตุ้นกิเลสตลอดเวลา ตามสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้น เราต้องสนองความต้องการทั้งของตนเอง ของคนในครอบครัว และของสังคมที่คาดหวังให้คนในสังคมปฏิบัติตามค่านิยมของสังคมนั้นๆ ซึ่งก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละสังคม ซึ่งเรายังต้องทำหน้าที่ของเราต่อไปในขณะพิจารณาธรรมะ
1
ส่วนการปฏิบัติธรรมที่สถานปฏิบัติธรรมต่างๆนั้น ย่อมมีความสงบ วิเวก ไร้ซึ่งสิ่งรบกวนใดๆ ผู้มาปฏิบัติปิดวาจา ปิดโทรศัพท์มือถือ จิตใจจดจ่ออยู่กับการปฏิบัติอย่างเดียว ละทิ้งภาระหน้าที่ของตนไว้ชั่วคราว
1
ด้วยสิ่งแวดล้อมที่ต่างกันทั้งสองแบบ แบบไหนที่จะทำให้เราแข็งแกร่ง และต้านทานต่อกิเลสในใจได้มากกว่ากัน
1
คนที่ไม่เคยลงน้ำ ไฉนเลยจะว่ายน้ำเป็นได้
คนที่เคยอยู่แต่ในที่สงบ ไร้สิ่งรบกวน เมื่อต้องพบกับความสับสนวุ่นวาย ไฉนเลยจะสามารถทนทานต่อสิ่งเร้าได้
1
เป็นคำถามที่ทำให้ข้าพเจ้าต้องหยุดคิดพิจารณา
ผู้ที่ฝึกตนทั้งหลายในทุกๆสาขาอาชีพ หรือแม้แต่นักกีฬา หากต้องการจะเป็นผู้เชี่ยวชาญเป็นพิเศษในงานนั้นๆ ย่อมต้องฝึกตน และพบกับงานที่ต้องการฝึกนั้นเป็นประจำทุกวันจนเกิดความเคยชินและชำนาญ
1
นักกีฬาวอลเลย์บอล ถ้าอยากรับลูกตบได้ ก็ต้องถูกลูกบอลตบใส่วันละหลายร้อย หลายพันครั้งจนกว่าจะชินกับวิถีของลูกบอล รู้จักการผ่อนน้ำหนักมือ ไม่ให้รับแรงเกินไปจนลูกกระฉอกออกนอกสนาม หรือเบาไปจนกำหนดทิศทางของลูกไม่ได้
2
คนที่ไม่เคยโดนลูกบอลตบใส่เลยแม้แต่ครั้งเดียว จะรับลูกบอลที่ถูกตบมาด้วยความรุนแรงอย่างแม่นยำได้อย่างไร
1
แต่เป็นเพราะเหตุใดบรรดาพระอริยสงฆ์ผู้มีคุณวิเศษทั้งหลายจึงพากันหนีเข้าป่า ออกธุดงค์ ไปอยู่ในถ้ำบ้าง หรืออยู่ในป่าช้าบ้าง
2
ซึ่งก็ล้วนเป็นสถานที่อันสงบ วิเวก ที่เรียกว่า สัปปายะ ทั้งสิ้น แล้วจะได้ไปเผชิญกับบททดสอบของกิเลสได้ที่ไหน
1
ข้าพเจ้าจึงนึกพิจารณาเปรียบเทียบกับการศึกษาของตนเอง ในขณะที่ข้าพเจ้าเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบ หรือแม้แต่การเรียนหนังสือในห้องเรียนก็ตาม
1
ข้าพเจ้าจำเป็นต้องอยู่ในความสงบก่อน ถ้าเรียนไปด้วยเล่นไปด้วยก็คงจะห่วงเล่นมากกว่าจะสนใจเรื่องที่ครูกำลังสอนอยู่แน่ๆ
1
เมื่อขณะกำลังเรียนจำเป็นต้องใช้ความสงบ เพื่อตัดเรื่องรบกวนจิตใจ ให้จิตเป็นสมาธิ จดจ่ออยู่กับสิ่งที่เรียนมากที่สุด เมื่อเข้าใจในเรื่องที่เรียนจนแจ่มแจ้งแล้ว เราก็สามารถทำข้อสอบที่ครูออกสอบได้
1
แต่ไม่ได้แปลว่าเราจะสามารถนำความรู้ในห้องเรียนนั้นไปใช้ในชีวิตจริงได้อย่างคล่องแคล่วและชำนาญทันทีหลังจากออกจากห้องสอบ
1
เราต้องผ่านการไปฝึกงาน ที่เป็นเหมือนการทดลองใช้ความรู้ที่เรียนมาไปปฏิบัติงานจริงแบบเด็กฝึกหัดใหม่ ก็จะได้รับการเอ็นดูจากพี่ๆที่สอนงานให้ ว่าเรายังไม่เก่ง เรายังต้องการคำแนะนำ ทั้งที่เราสอบผ่านมาแล้ว แต่เราก็ยังต้องเป็นเด็กฝึกงานอีก
1
เมื่อผ่านการฝึกงานจนเราเคยชินกับสภาพการทำงานในสถานที่จริง เคยชินกับการมีผู้ร่วมงาน เราก็จะสามารถปฏิบัติงานได้เป็นเรื่องปกติ สามารถใช้ความรู้ที่เรียนมาในการทำงานได้อย่างเต็มความรู้ ความสามารถที่มี
1
ดังนั้น การที่จู่ๆเราจะลุกขึ้นมาปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวันโดยที่ไม่เคยอบรมข้อธรรมมาก่อนเลย ไม่เคยถูกอบรมชี้แนะจากครูบาอาจารย์ หรือผู้รู้มาเลย
1
มันก็จะกลายเป็น on the job learning การเรียนรู้โดยการปฏิบัติงานจริง ซึ่งโดยปกติถ้าเป็นการทำงานจริง ก็จำเป็นจะต้องมีพี่เลี้ยงคอยประคับประคองเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดร้ายแรงขึ้นในงานนั้น
1
ดังนั้นการไปปฏิบัติธรรมในสถานที่อันสงบวิเวก มีครูบาอาจารย์คอยให้คำแนะนำ จึงเปรียบเหมือนการไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนที่ต้องมีเครื่องแบบ มีความสงบเรียบร้อย มีกฎ กติกาการอยู่ร่วมกัน เพื่อให้เกิดความเรียบร้อย ก่อนที่จะออกไปเผชิญหน้ากับงานจริงในชีวิตประจำวัน
1
ส่วนคนที่มีความเพียรด้วยตนเอง และปฏิบัติธรรมด้วยตนเองตามแบบแผนของครูบาอาจารย์ ก็ย่อมทำได้ เพียงแต่ต้องมีสถานที่อันเป็น สัปปายะ ที่พระพุทธเจ้าเรียกว่า เรือนว่าง
1
ไม่ได้แปลว่าเรือนเปล่า แต่หมายถึงเรือนอันสงบที่เหมาะจะใช้ในการพิจารณาข้อธรรม เหมาะที่จะสังเกตุดูสภาพธรรม ตามความเป็นจริง
1
เหมาะที่จะพิจารณาความเคลื่อนไปของจิตใจของผู้ปฏิบัติ ที่จำเป็นต้องใช้สถานที่ และสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการปฏิบัติจริงๆเท่านั้น จึงจะได้ผลดี
1
ที่บ้านของเราอาจมีมุมอันสงบ ที่เราสามารถใช้เป็นที่ส่วนตัวหรือถ้ามีห้องพระก็จะเป็นการดีที่สุด เพราะเราจะได้สวดมนต์ไหว้พระไปด้วย
1
ดังนั้นการที่เราจะสรุปเอาเองว่าไม่จำเป็นต้องไปปฏิบัติธรรมที่วัดหรือที่ซึ่งจัดให้มีการปฏิบัติธรรม ที่เรียกกันว่าสถานธรรมต่างๆ นั้นอาจไม่เป็นการถูกต้องเสียทีเดียวนัก เพราะถึงอย่างไรสถานที่อันสงบ วิเวก ก็ยังเหมาะที่เราจะใช้ในการพิจารณามากกว่าสถานที่อึกทึก วุ่นวาย
1
หลังจากที่เราปฏิบัติจนชำนาญดีแล้ว เราก็สามารถออกไปเผชิญกับสภาวะธรรมอันแท้จริงของสังคมโลก โดยมีหลักคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอาวุธ ใช้พิจารณาหาหนทางเพื่อจัดการกับกระแสกิเลสที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต เพื่อให้เราพบหนทาง ที่จะพ้นจากความทุกข์ได้อย่างแท้จริง ต่อไปได้นั่นเอง
1
ธรรมะสวัสดี
โฆษณา