เหตุการณ์ในวันที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สวรรคตนั้น ที่ทำให้เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ ซึ่งเป็นองค์รัชทายาทที่จะต้องขึ้นทรงราชย์ในคืนวันนั้น (คือคืน วันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๔๕๓) ทรงรำคาญพระราชหฤทัยอยู่ไม่น้อย ดังที่พระองค์ทรงตัดพ้อไว้ในจดหมายเหตุรายวันส่วนพระองค์ว่า “ความรำคาญต่างๆ ในวันแรก”
“ในวันแรกแห่งรัชกาลของฉันนั้น เห็นจะไม่จำเป็นที่จะต้องบอกว่าฉันมิได้เปนสุขเลยซึ่งไม่อัศจรรย์ เพราะฉันต้องเสียทั้งพ่อทั้งเจ้านายที่รัก ในวันนั้นฉันได้เป็นพระราชาขึ้นก็จริง แต่สำหรับส่วนตัวกลับต้องมีคนรับใช้น้อยลงไปกว่าเมื่อเปนยุพราช ในเมื่อฉันออกจากวังสราญรมย์เมื่อเวลาเช้าวันที่ ๒๒ ตุลาคม เข้าไปในวังสวนดุสิตนั้น มีคนใช้ตามเข้าไปแต่หม่อมหลวงเฟื้อคนเดียวเท่านั้น ฉนั้นเมื่อขึ้นไปนอนในเวลาดึกก็ไม่มีใครขึ้นไปรับใช้นอกจากหม่อมหลวงเฟื้อ เพราะคนใช้อื่นๆ ติดวงล้อมเข้าไปในวังสวนดุสิตไม่ได้จนเช้าวันที่ ๒๓ แต่ฉันได้อาศัยหลวงศักดิ์นายเวร (ม.ร.ว.ลพ อรุณวงศ์ ณ กรุงเทพ ซึ่งต่อมาในรัชกาลนี้ได้เปนพระยาไพชยนต์เทพ) เปนกำลังช่วยวิ่งเต้นรับใช้ จึ่งไม่ใคร่ต้องเดือดร้อนปานใดนัก ที่สุดกางเกงที่จะผลัดนุ่งนอนก็ไม่มี ต้องให้หลวงศักดิ์ขึ้นไปเอาพระสนับเพลาทูลกระหม่อมมาองค์ ๑ ข้อที่ว่าขึ้นไปนอนนั้นก็สักแต่ว่านอน เพราะหาใคร่จะได้หลับไม่ นอกจากความเศร้าโศก ฉันไม่วายโกรธในเคื่องที่พวกผู้หญิงเข้ารุมปล่ำพระบรมศพ ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ในตอนดึกน้องหญิง (สมเด็จเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินทร) ได้ออกไปพบกับฉันที่ห้องอาวุธ เล่าให้ฟังว่าตัวของเธอก็มีความเดือดร้อนรำคาญแสนสาหัส จนเธอเองร้องไห้ไม่ออกเพราะความโกรธ ใครๆก็มัวแข่งกันว่าใครจะร้องไห้ได้ดังกว่ากัน ใครจะเข้าปล้ำปลุกพระบรมศพได้มากกว่ากัน ปล้ำกันไปปล้ำกันมาจนพระบังคนเบาที่คั่งอยู่นั้นไหลออกมาได้ ฉันได้สั่งน้องหญิงให้ช่วยดูแลบังคับบัญชาการงานต่างๆ ในพระนามของเสด็จแม่ เพราะจะทิ้งให้งานยุ่งไปหมดนั้นไม่ได้ ยังมีความรำคาญอีกข้อง ๑ ซึ่งฉันต้องรับในเวลาดึกนั้น คือเมื่อฉันขึ้นไปบนห้องดุริยางค์ได้พบพวกผู้หญิงบางคนมีหน้าคอยดักเฝ้าฉันอยู่ถึงแก่เข้าไปซ่อนอยู่ในห้องน้ำก็มี อัปปีย์เหลือทน ฉันต้องสั่นหลวงศักดิ์ให้ไล่ไปให้หมด และให้คาดโทษว่าถ้าใครมาเพ่นพ่านอีกฉันจะจับเฆี่ยน”