การรุกรานของญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ในยุค 30 (พ.ศ.2473-2482) และ 40 (พ.ศ.2483-2492) ญี่ปุ่นได้มีความตั้งใจที่จะยึดครองดินแดนและขึ้นเป็นใหญ่ในเอเชีย
ในเวลานั้น ญี่ปุ่นได้เข้ารุกรานดินแดนและเกาะหลายแห่ง โดยเกาหลีก็ตกอยู่ใต้อำนาจของญี่ปุ่นแล้ว ประเทศอื่นๆ ในเอเชียต่างก็ไม่สามารถต้านอำนาจของญี่ปุ่นได้ แสนยานุภาพของญี่ปุ่นนั้นแผ่ไปไกลถึงทางใต้ของออสเตรเลีย ฐานทัพอเมริกาในฮาวาย และแผ่ไปไกลถึงอินเดีย
สำหรับสาเหตุที่ทำให้ประเทศที่เป็นเกาะเล็กๆ อย่างญี่ปุ่น กล้าที่จะขยายอำนาจไปยังดินแดนต่างๆ น่าจะมีสาเหตุสำคัญสามประการ
1.ความหวาดกลัวการรุกรานจากดินแดนอื่น
2.ลัทธิชาตินิยมที่กำลังเติบโต
3.ความต้องการทรัพยากรธรรมชาติ
ความหวาดกลัวการรุกรานจากดินแดนอื่นนั้น หลักๆ คือจากประสบการณ์ของญี่ปุ่นในคราวที่ “แมททิว เพอร์รี (Commodore Matthew Perry)” นายทหารเรือแห่งกองทัพเรืออเมริกัน นำทัพเรือเข้ามาในอ่าวโตเกียวเมื่อปีค.ศ.1853 (พ.ศ.2396)
ในเวลานั้น แสนยานุภาพของกองทัพเรืออเมริกันนั้นยิ่งใหญ่กว่าของญี่ปุ่น เหล่าโชกุนผู้เป็นใหญ่จึงไม่สามารถทำอะไรนอกจากเซ็นสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมกับสหรัฐอเมริกา
แมททิว เพอร์รี (Commodore Matthew Perry)
นอกจากนั้น ญี่ปุ่นยังเห็นตัวอย่างจากจีน ประเทศที่ยิ่งใหญ่ในเอเชียตะวันออก เมื่อคราวต้องพ่ายแพ้ในสงครามฝิ่น
ความพ่ายแพ้ของจีนทำให้ญี่ปุ่นหวาดกลัวและไม่วางใจเหล่ามหาอำนาจตะวันตก
เพื่อที่จะให้ญี่ปุ่นรอดจากอำนาจของจักรวรรดินิยมตะวันตก ญี่ปุ่นจึงทำการปฏิรูประบอบการเมืองในคราว “การปฏิรูปเมจิ (Meiji Restoration)” และยังทำการปรับปรุงกองทัพและอุตสาหกรรมต่างๆ เริ่มเปิดรับความเป็นตะวันตกมากขึ้น
ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตชาวญี่ปุ่น ตั้งแต่แฟชั่นไปจนถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเมื่อจีนถูกต่างชาติขยายอิทธิพลเข้าแทรกแซงในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ญี่ปุ่นเองก็ได้รับประโยชน์จากจีนไปด้วย
ชัยชนะของญี่ปุ่นในคราวสงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง (First Sino-Japanese War) และสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น (Russo-Japanese War) ทำให้ญี่ปุ่นเริ่มผงาดในฐานะชาติมหาอำนาจ ซึ่งญี่ปุ่นก็อาศัยชัยชนะของตนเป็นโอกาสในการขยายดินแดน
สงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง (First Sino-Japanese War)
สงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น (Russo-Japanese War)
ด้วยความที่ญี่ปุ่นเริ่มจะประสบความสำเร็จในหลายด้าน ทั้งการสงคราม เศรษฐกิจ ทำให้กลุ่มปัญญาชนและทหารบางส่วนเชื่อว่าญี่ปุ่นนั้นเป็นชนชาติที่เหนือกว่าชนชาติอื่นๆ
ชาวญี่ปุ่นชาตินิยมหลายรายเชื่อว่าชาวญี่ปุ่นนั้นสืบสายมาจากเทพเจ้าชินโต องค์จักรพรรดิก็เป็นลูกหลานของเทพเจ้า ดังนั้นหากญี่ปุ่นจะปกครองเอเชีย ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว
เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ปะทุขึ้น ญี่ปุ่น เยอรมนี และอิตาลี ซึ่งทั้งสามชาตินี้ก็ได้เล็งเห็นถึงอำนาจของจักรวรรดินิยมในยุโรป ได้ร่วมมือกัน เป็น “กลุ่มอักษะ (Axis)”
กลุ่มอักษะ (Axis)
ไม่ใช่ว่าชาวญี่ปุ่นจะเป็นชาตินิยมทุกคน หากแต่นักการเมือง ทหาร ส่วนใหญ่จะเป็นชาตินิยม และหลายคนก็ชาตินิยมสุดโต่ง มองว่าชาติอื่นด้อยกว่าและญี่ปุ่นก็เปรียบเหมือน “พี่ใหญ่” ที่ต้องคอยดูแลชาติอื่นๆ ในเอเชีย โดยให้สัญญาว่าจะหยุดลัทธิจักรวรรดินิยมตะวันตกให้ได้
เมื่อญี่ปุ่นเริ่มบุกจีน ญี่ปุ่นก็พบว่าตนนั้นขาดแคลนทรัพยากรสำคัญหลายอย่าง เช่น น้ำมัน ยาง เหล็ก
เมื่อสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง (Second Sino-Japanese War) เริ่มขึ้น ญี่ปุ่นก็สามารถยึดครองเมืองชายทะเลของจีนไว้ได้ หากแต่กองกำลังของจีนก็ต้านญี่ปุ่นอย่างสุดกำลัง และที่เลวร้ายกว่านั้น การที่ญี่ปุ่นรุกรานจีนทำให้ชาติตะวันตกเริ่มจะเลิกส่งทรัพยากรต่างๆ เข้าญี่ปุ่น และญี่ปุ่นก็ไม่มีทรัพยากรเพียงพอ
สงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง (Second Sino-Japanese War)
เพื่อที่จะยึดครองจีนได้สำเร็จ ญี่ปุ่นจำเป็นต้องยึดพื้นที่ๆ จะผลิตน้ำมัน เหล็ก ยางในปริมาณมาก โดยบริเวณที่ใกล้ที่สุดอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในเวลานั้นก็อยู่ในการครอบครองของอังกฤษ ฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์
เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มขึ้น ญี่ปุ่นก็ได้เข้ากับเยอรมนี และได้ตัดสินใจจะทำลายฐานเพิร์ล ฮาร์เบอร์ (Pearl Harbor) ของสหรัฐอเมริกาเพื่อตัดกำลังสหรัฐอเมริกาไม่ให้มาวุ่นวายกับการรุกรานประเทศต่างๆ ของตน
การโจมตีเพิร์ล ฮาร์เบอร์ตรงกับวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ.1941 (พ.ศ.2484) และสร้างความเสียหายให้สหรัฐอเมริกาอย่างสาหัส (อ่านได้ในซีรีส์เพิร์ล ฮาร์เบอร์ที่ผมเคยเขียนไว้ได้ครับ)
การโจมตีเพิร์ล ฮาร์เบอร์
กองทัพญี่ปุ่นได้เข้ายึดครองบ่อน้ำมันในอินโดนีเซียและมาเลเซีย และยังชิงทรัพยากรต่างๆ ในพม่า แม้แต่ไทยเองก็ยังต้องอ่อนข้อให้ญี่ปุ่น
สำหรับพื้นที่อื่นๆ ญี่ปุ่นก็ได้ยึดข้าวและเสบียงต่างๆ ไปจนหมด
หากแต่ความเกรียงไกรของกองทัพญี่ปุ่นก็อยู่ได้ไม่นานนัก โดยผู้นำทหารญี่ปุ่นประเมินสหรัฐอเมริกาผิดไป ต่างคิดว่าการโจมตีเพิร์ล ฮาร์เบอร์จะทำให้สหรัฐอเมริกาไม่ขวางทางตน และไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว หากแต่ผลกลับตรงกันข้าม
สหรัฐอเมริกาที่กำลังโกรธแค้นได้ประกาศตนเป็นศัตรูกับญี่ปุ่นอย่างเต็มตัว และญี่ปุ่นก็ประสบกับความพ่ายแพ้ในปีค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) ในที่สุด
- 22
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
