Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Book Gossip: เล่มนี้ต้องขยาย
•
ติดตาม
13 ก.พ. 2021 เวลา 12:09 • หนังสือ
#ปีศาจยามวิกาล จาก แพรวสำนักพิมพ์ เป็นหนังสือที่มีพล็อตเรื่องน่าสนใจมากๆสำหรับเรา เล่าเรื่องราวของอัจจี้คุง เด็กชายคนหนึ่งที่เมื่อตกกลางคืนก็จะกลายร่างเป็นปีศาจรูปลักษณ์น่าเกลียดน่ากลัว มีแปดตา หกขา สี่หาง อีกทั้งยังเปลี่ยนรูปร่างได้ วันหนึ่งอัจจี้แอบลอบเข้าไปเอาการบ้านที่ลืมไว้ที่โรงเรียน และบังเอิญได้พบกับ ยาโนะ เพื่อนร่วมชั้นเรียนที่ตกเป็นเป้าของการกลั่นแกล้งมาโดยตลอด เนื่องจากเธอมักมีพฤติกรรมประหลาดๆ ทั้งสองทำข้อแลกเปลี่ยนกันว่าจะช่วยปิดเรื่องที่เจอกันที่นี่ไว้เป็นความลับ
ฉากหลังของเรื่องจะเป็นชีวิตในโรงเรียนมัธยมต้นของนักเรียนปีที่สาม หรือก็คือชั้น ม.3 ของไทยเรานั่นเอง ในเรื่องก็จะเปิดเผยความสัมพันธ์รูปแบบต่างๆ คนประเภทต่างๆที่แน่นอนว่าในห้องเรียนหนึ่งห้องจะต้องมีแบบนี้ ดำเนินเรื่องผ่านอัจจี้ ตัวเอกของเรื่อง โดยจะเป็นการเล่าถึงเหตุการณ์ต่างๆในแต่ละวัน แบ่งเป็นกลางวันและกลางคืน ซึ่งเราก็จะได้ค่อยๆทำความเข้าใจและเรียนรู้ข้อคิดบางอย่างไปพร้อมๆกับอัจจี้
ธีมหลักของเรื่องนี้คือการรังแกกันภายในโรงเรียน ซึ่งเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก ส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้ที่ถูกรังแกไม่น้อย แต่กลับถูกเพิกเฉยได้ง่ายที่สุด ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศไทยเองที่การกลั่นแกล้งกันของเด็กๆถูกมองว่าเป็นเรื่องปกติ เป็นแค่การเล่นหยอกล้อ ส่วนตัวแล้วเราค่อนข้างอินกับเรื่องนี้พอสมควรเพราะน้องสาวของเราเคยถูกเพื่อนบุลลี่ในประเด็นที่มันไร้สาระมากๆ ซึ่งช่วงวัยของเธอในตอนนั้นมันซ้อนทับกับตัวละครในเรื่องพอดิบพอดี และเราก็เห็นผลกระทบของคนที่เป็นเหยื่อว่ามันเลวร้ายขนาดไหน
ไม่ใช่แค่เด็กวัยมัธยมต้นเท่านั้น ในทุกสังคมเรามักจะพบเห็นการแบ่งพรรคแบ่งพวก แบ่งฝักแบ่งฝ่ายอยู่เสมอ ถ้าแกอยู่กับชั้น แกต้องเกลียดคนนั้น ถ้าชั้นไม่ชอบคนนั้น คนในกลุ่มก็ต้องไม่ชอบด้วย ถ้าแกทำดีกับมัน แกก็ไม่ใช่เพื่อนชั้น อาจจะดูขำ แต่ลองนึกดีๆว่าคุณไม่เคยเจอคนประเภทนี้จริงหรอ คนมักกล่าวกันว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม แต่ทำไมเรามักตีกรอบสังคมโดยผลักดันคนบางส่วนที่เราไม่ชอบออกไป จะบอกว่าเป็นการคัดสรรทางธรรมชาติ เราว่ามันก็ไม่น่าจะใช่ เพราะมนุษย์มีสมองที่ซับซ้อนกว่าสัตว์ชนิดอื่น เราไม่จำเป็นต้องให้ธรรมชาติเป็นตัวตัดสินการอยู่รอดของเราเหมือนที่เป็นไปในสังคมของสัตว์ชนิดต่างๆ
"แต่ละคนไม่เหมือนกันหรอก ความแตกต่างเป็นเรื่องธรรมดานะ" นี่คือประโยคหนึ่งในเรื่อง และเป็นชนวนเหตุของการกลั่นแกล้งที่อาจจะพบได้บ่อยที่สุด เพราะเราไม่ยอมทำความเข้าใจความแตกต่างกันในด้านต่างๆ ทำให้เรามองว่าคนที่ไม่เหมือนเรานั้นแปลกแยก คนส่วนใหญ่จึงมีความคิดว่าเพื่อนทุกคนต้องคิดเหมือนกัน ต้องเห็นดีเห็นงามในสิ่งเดียวกัน ต้องชอบและทำอะไรเหมือนๆกัน หรือถ้าไม่อย่างนั้นก็ต้องไม่ทำตัวเด่นดังให้เป็นจุดสนใจ เพื่อจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับภาพรวมของสมาชิกในห้อง
มีบางตอนที่ตัวละครในเรื่องนึกสงสัยว่าทำไมอาจารย์ถึงไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือสถานการณ์ในตอนนี้ ซึ่งก็จริงส่วนหนึ่งที่ว่าอาจารย์นั้นเปรียบเสมือนคนนอกหากมองจากมุมของนักเรียน การมาห้ามปราม ลงโทษนักเรียนที่เป็นหัวโจกรังแกคนอื่น มีแต่จะเพิ่มความรุนแรงในการกลั่นแกล้งก็เท่านั้น ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เว้นเสียแต่ตัวผู้กระทำตระหนักรู้ขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง ซึ่งนั่นแสดงให้เห็ณว่าการอบรบสั่งสอนจากครอบครัวและครูในระดับชั้นแรกๆมีความสำคัญอย่างมาก เพราะจะเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกในตัวเด็กๆให้มีความเข้าอกเข้าใจและยอมรับกันและกันได้มากขึ้น
คำถามหลักๆต่อมาที่พบในเรื่องคือใครคือคนที่เลวร้ายที่สุดกันแน่ คนที่ลงมือกระทำ คนที่ถูกกระทำ หรือคนที่นิ่งเฉย จริงอยู่ว่าบางครั้งสาเหตุของการกลั่นแกล้งก็เริ่มมาจากคนที่เป็นเหยื่อ แต่คนที่ตอบโต้คนอื่นด้วยความรุนแรง แม้จะไม่ใช่ทางกายก็เลวร้ายกว่าอยู่เห็นๆไม่ใช่เหรอ แล้วคนที่นิ่งเฉยไหลตามกระแสของคนหมู่มากโดยไม่คิดทักท้วงความอยุติธรรมที่เกิดตรงหน้า แม้ว่าตัวเองจะไม่เห็นด้วยก็ตามล่ะ? คนแบบนี้เป็นคนดีหรือคนไม่ดีกันแน่
ประเด็นข้างต้นนี้ถูกนำเสนอผ่านอัจจี้คุงที่กลางวันเป็นมนุษย์ กลางคืนเป็นปีศาจ การแสดงออกทั้งสองของเขาช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง จนนำมาสู่การตั้งคำถามที่ว่ามนุษย์หรือปีศาจคือตัวตนที่แท้จริงของเขากันแน่ มนุษย์ที่ร่วมวงกลั่นแกล้งเหยื่อไปพร้อมกับคนอื่น เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องกลายเป็นเป้าเสียเอง หรือปีศาจที่แสดงความเห็นอกเห็นใจ และปกป้องเหยื่อไว้ด้วยพละกำลังทั้งหมดที่ตัวเองมี ถ้าร่างจริงของเขาเป็นปีศาจแล้ว "ทำไมถึงกลายเป็นมนุษย์ล่ะ?"
"เรื่องยากๆให้ช่างมัน จงเติบโตต่อไป อย่างน้อยพอเป็นผู้ใหญ่แล้วก็จะมีอิสระ" สำหรับเราแล้วร่างปีศาจของอัจจี้คือสิ่งตอกย้ำความอัดอั้นตันใจ ความละอาย ความสับสนของเด็กคนหนึ่งที่ยังต้องการการยอมรับจากคนในสังคมที่ตนเองอยู่ แต่ก็ยังต้องการที่จะลุกขึ้นมาแก้ไขสิ่งที่ไม่ถูกต้องไปพร้อมๆกัน เป็นร่างที่ซ้อนทับอยู่ในตัวของคนทุกคนไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ชายหรือหญิง ในทุกๆช่วงจังหวะของชีวิต เราทุกคนต่างมีร่างอีกร่างที่ดิ้นรนจะเป็นอิสระจากการกดทับของกระแสสังคมด้วยกันทั้งนั้น
สิ่งหนึ่งที่หนังสือเล่มนี้ไม่ได้สะท้อนออกมาอย่างเด่นชัดคือเรื่องราวเบื้องหลังของยาโนะ เด็กสาวที่ตกเป็นเหยื่อของการบุลลี่ในโรงเรียน แต่ถ้าคุณได้อ่านแล้วคุณจะพบความเจ็บปวดอันลึกล้ำที่ซัดกระแทกใจ เมื่อคุณได้รู้วิธีรับมือกับความกลัวของเธอ
หนังสือที่นำเสนอปัญหาที่พบเห็นเป็นประจำได้ทรงพลังที่สุดเล่มหนึ่ง
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย