18 ก.พ. 2021 เวลา 09:50 • ดนตรี เพลง
Steve Lukather กับ Michael Jackson และ เพลง Beat It
Steve Lukather เล่าถึงการได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของอัลบั้มในตำนานของ Michael และเรื่องราวเบื้องหลังเพลง Beat It
“ผมได้ร่วมงานกับ Qunicy Jones ผ่านการแนะนำของ Davis Foster ตอนนั้นผมอายุ22-23 และ ควินซี่ก็บอกกับผมว่าเดี๋ยวเราจะทำอัลบั้มใหม่ของ Michael Jackson กัน (ซึ่งก็คืออัลบั้ม Thriller) ผมคิดมันจะต้องเป็นอัลบั้มที่สุดยอดแน่ๆ ศิลปินที่จะมาร่วมงานด้วยคนแรกคือ Paul McCartney ... ผมแบบ อึ้งไปเลย นี่คือเหตุผลที่ผมยังมีชีวิต ยังหายใจ และยังเล่นดนตรี ผมกำลังจะได้เล่นกับสมาชิกของ The Beatle
วันแรกที่เราได้แจมดนตรีกัน ในห้องนั้นมี Michael Jackson, Paul McCartney, Qunicy Jones, George Martin (Producer ในตำนานของ The Beatle ที่ถูกเรียกว่า Beatle คนที่ 5), Geoff Emerick (อีกหนึ่งสุดยอด Producer ที่ได้ทำงานกับ The Beatles ) ... ผมมองไปให้ห้องแล้วก็บอกกับตัวเองว่า นี่มันสุดยอดฝันเปียกทางดนตรีชัดๆ (ครับน้าาา 🤣🤣🤣)
ไมเคิลโทรมาหาผม 3 ครั้ง “สวัสดี นี่ไมเคิล (ทำเสียงแบบไมเคิล)” ผมก็คิดว่ามีคนโทรมาล้อเล่น ผมเลยวางสายไปทั้ง 3 ครั้งเลย
3 ชั่วโมงต่อมาผมควินซี่โทรมาบอกผมว่านั่นไมเคิลตัวจริง นายควรโทรกลับไปนะ ผมนี่แบบ โอ้พระเจ้า ผมทำอะไรลงไป ผมเลยโทรกลับไปหาไมเคิลบอกเขาว่าผมไม่คิดว่ามันจะเป็นคุณจริงๆ ไมเคิลตอบว่า “ไม่เป็นไรเลย มันตลกดีนะ” เขาน่ารักมากๆ
เพลง Beat It นั้น ควินซี่อยากได้ Eddie Van Halen มาเล่นท่อนโซโล่ ซึ่งผมรู้จักกับเอ็ดดี้อยู่แล้วนะ เราเป็นเพื่อนกัน พอเอ็ดดี้มาถึงเขาไม่อยากโซโล่บนคอร์ด E คอร์ดเดียว (น่าจะเป็นวินาทีที่ 2.45 ใน MV ) เขาอยากจะเล่นบนทางเดินคอร์ดชุดเดียวกับท่อน Verse
ยุคนั้นเรายังใช้เทปในการอัดเสียงอยู่ เราเลยต้องทำการตัดเทปเพื่อเปลี่ยนท่อนกัน ซึ่งมันเสี่ยงมากๆเลยนะ ถ้าทำไม่ดีทุกอย่างจะพังหมด (รายละเอียดการตัดอยู่ในคลิปส้มภาษณ์ ขอไม่แปลนะครับ มันเป็นเรื่องทางเทคนิค) ซึ่งเสียงที่ไมเคิลเคาะเพื่อให้จังหวะยังอยู่ในเพลงเลย
หลังจากเอ็ดดี้โซโล่เสร็จแล้ว ผมก็มาอัดไลน์กีตาร์ Rhythm อัดไป 4 รอบเพื่อให้ได้เสียงที่ใหญ่ แต่มันไม่มีเบสในท่อนนั้น ผมเลยบอกเอาเบสมา เดี๋ยวผมจัดการเอง ผมอัดเสร็จแล้วส่งงานไป เค้าบอกว่าเสียงกีตาร์มันโหดไปนะ เพลงนี้จะต้องเปิดวิทยุคลื่น R&B และ Pop ได้ด้วย กีตาร์ Overdub แค่ 2 รอบก็พอ ผมก็จัดการแก้กีตาร์ไป
จากนั้น ควินซี่ ก็เรียกผมมาอีกครั้ง เพราะไมเคิล อยากจะเพิ่ม Riff อีกหน่อย เราเริ่มอัดเสียงแล้ว ควินซี่ยังไม่ค่อยพอใจ บอกให้ผมเล่นแบบอินกว่านี้หน่อย พอผมเล่นไปเรื่อยๆ แล้วเห็น ไมเคิล เริ่มเต้น ผมก็คิดว่ามันคงได้แล้วหละ แล้วผมก็อัด Overdub เข้าไป จากนั้นก็เป็น Beat It อย่างที่เราได้ฟังกัน”
ดูสัมภาษณ์เต็มๆได้ที่
โฆษณา