14 ก.พ. 2021 เวลา 11:24 • เกม
นั่งเล่นและใช้นิ้วกดจอย… แล้วทำไมโปรอีสปอร์ตต้องมีรองเท้าเฉพาะทาง ?
ช่วงก่อนหน้านี้แบรนด์รองเท้าสนีกเกอร์ หรือกระทั่งรองเท้ากีฬาชื่อดังระดับโลกหลายแบรนด์มองเห็นส่วนแบ่งก้อนโตในตลาดอีสปอร์ต และนั่นทำให้พวกเขาเลือกที่กระโจนลงมาร่วมวงไพบูลย์พร้อมด้วยการผลิตรองเท้าผ้าใบ "สำหรับเกมเมอร์โดยเฉพาะ"
พวกเขากล่าวอ้างว่าหากใส่รองเท้าคู่นี้แล้วจะเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นได้หรือเรียกง่าย ๆ ว่า "จะทำให้เล่นดีขึ้น!" ...
แต่นั่นมันจริงหรือ ? ในเมื่ออีสปอร์ตคือการแข่งขันในแบบที่ผู้เข้าแข่งขันต้องนั่งอยู่บนเก้าอี้แทบจะ 100% และอวัยวะที่ใช้บังคับก็เป็น 1 สมอง 2 ตา และมือ 2 ข้าง ดังนั้นแล้ว "รองเท้าสำหรับเกมเมอร์" ช่วยอะไรได้จริงหรือไม่? ติดตามได้ที่นี่
#ทำไมต้องมีรองเท้าเฉพาะทาง?
"กฎของการแข่งขันคือต้องใส่ยูนิฟอร์มของทีม ส่วนกางเกงต้องเป็นกางเกงสุภาพขายาว รองเท้าก็ใช้รองเท้าผ้าใบ กฎสากลเขาบังคับแบบนั้น แต่ในความจริงก็ไม่ถึงกับบังคับเข้มงวดนัก"
"โดยปกติแล้วในการแข่งขันระดับโลกที่พบเจอมา ผู้เล่นส่วนใหญ่มักจะใส่สนีกเกอร์แฟชั่นทั่วไปหรือไม่ก็ราคาแพงๆ ของยี่ห้อดังๆ หรือบางคนก็ถนัดแบบถอดรองเท้าเลยก็มี" ยุรนันท์ แสนกุรัง หรือ "Obibea" โค้ช CS:GO (Counter-Strike: Global Offensive) ที่เคยผ่านเวที World Electronic Sports Games 2018 (WESG 2018) เล่าให้ทีมงาน Main Stand Gaming ถึงหลายประสบการณ์ที่เขาเคยได้เห็นมาจากการแข่งขันของผู้เล่นระดับโลก
นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพราะในเวลานั้นยังไม่มีใครรู้จัก "รองเท้าสำหรับอีสปอร์ต" ทว่าเมื่อเข้าถึงเดือน กรกฎาคม 2019 ที่ผ่านมา ได้กำเนิดรองเท้าสำหรับนักกีฬาอีสปอร์ตขึ้น ทว่ามันจะเป็นไปได้หรือที่มีรองเท้าผ้าใบที่ทำให้คนเล่นเกมสามารถทำผลงานในเกมให้ดีขึ้นได้?
แบรนด์ K-Swiss คือเจ้าแรกที่กระโดดลงมาร่วมหารส่วนแบ่งจากวงการเกมมิ่ง และได้ออกรองเท้าสำหรับเหล่าเกมเมอร์ภายใต้ชื่อรุ่น "One Tap" โดยให้คำจำกัดความของมันว่าเป็นรองเท้าที่ใช้สำหรับเหล่านักเล่นเกมทั้งหลาย และได้รับการออกแบบโดยนักกีฬาอีสปอร์ตทีม Immortal Gaming Club (IGC) เพื่อทำให้มันเหมาะกับคำจำกัดความที่ตั้งไว้มากที่สุด
K-Swiss อธิบายว่ารองเท้ารุ่น One Tap เป็นรองเท้าที่ระบายอากาศได้ดีผ่านช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ที่ติดไว้บริเวณหลังเท้าและด้านข้าง โดยเรียกระบบนั้นว่า "Flow Cool"
เนื่องจากการแข่งขันหรือเล่นเกมนั้นส่วนใหญ่จะเป็นเกมที่ยืดเยื้อใช้เวลาเป็นชั่วโมง ๆ พวกเขามองว่าอาจจะมีเหงื่อเกิดขึ้นในรองเท้าและอาจจะทำให้ผู้เล่นเกิดอาการหงุดหงิดไม่สบายตัวได้ ดังนั้น One Tap จึงทำมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังระบุว่า One Tap สามารถใช้งานได้ดีในห้องที่มีอากาศหนาวด้วยเช่นกัน ซึ่งสาเหตุนั้นก็มาจากช่องระบายอากาศและขนแกะ ที่จะช่วยรักษาอุณหภูมิภายในรองเท้าให้เหมาะสมกับร่างกายเสมอ
นี่คือ 2 จุดเด่นที่แบรนด์พยายามจะชูว่ามันช่วยให้การแข่งขันของคุณมีประสิทธิภาพและมีผลงานที่ดีขึ้นได้
#ใส่แล้วช่วยได้จริงหรือ?
"One Tap เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการวิจัยและพัฒนามาเป็นเวลาหลายเดือน ด้วยวิธีการที่ซับซ้อนและทำความเข้าใจลูกค้าของเราทั้งในเกมและนอกเกม และเราพยายามทำให้มันเป็นรองเท้าที่ใช้งานได้จริงในการแข่งขัน" นี่คือสิ่งที่ อารี เซกัล ซีอีโอของ IGC ได้ว่าไว้ พร้อมขยายความถึง 3 สิ่งที่คุณจะได้จากการหยิบมันมาสวมใส่ในเวลาเล่นเกม
1. คือรองเท้าออกแบบมาให้พับส้นได้สำหรับเพิ่มความสบายเท้าให้กับใครที่เล่นเกมยาวนานหลายช่วงโมง
2. ควบคุณอุณหภูมิที่แตกต่างกันภายใต้โต๊ะของเหล่าเกมเมอร์ทั้งหลาย ทำให้อากาศถ่ายเทได้ดี และมีขนแกะสำหรับสนามที่มีอากาศหนาวเกินไปเพื่อทำให้เท้าอบอุ่นขึ้น
3. น้ำหนักเบามากเหมาะสำหรับการเล่นหรือการแข่งที่กินเวลานานหลายชั่วโมง
หลังจากที่เริ่มวางขายในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาก็เริ่มมีเกมเมอร์หลายคนหาซื้อรองเท้ารุ่น One Tap ในราคา 125 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,900 บาท) มารีวิวกันมากขึ้นเรื่อยๆและผลที่ออกมาก็แน่นอนว่ามีทั้งคนชอบและไม่ชอบ
แมธิว กัลท์ เกมเมอร์และนักเขียนของเว็บไซต์ Vice ได้ให้คำอธิบายว่า One Tap ถือเป็นรองเท้าที่ยอดเยี่ยมสำหรับเขา ก่อนขยายความว่าที่เป็นเช่นนั้นเพราะเมื่อสวมใส่แล้วเขาไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นรองเท้าผ้าใบเลย แต่มันเหมือนกับเป็นรองเท้าแตะที่มีรูปลักษณ์เป็นรองเท้าผ้าใบมากกว่า ด้วยความที่ใส่สบายและยังสามารถใช้งานได้ดีกับการเดินไปไหนมาไหนใช้ชีวิตประจำวันได้สบายกว่าการใส่รองเท้าอย่าง "คอนเวิร์ส ออลสตาร์" อีกด้วย เขาสรุปความว่าแม้ใครจะมองว่ามันไม่น่าช่วยอะไรได้มากนักแต่ One Tap ถือเป็นรองเท้าที่ดีกว่าที่เขาคิดไว้
อย่างไรก็ตามมันถูกแย้งด้วยการรีวิวของ เบน กิลเบิร์ต จากเว็บไซต์ดังอย่าง Business Insider ซึ่งตัวของ กิลเบิร์ต บอกว่าติดลบตั้งแต่ดีไซน์แล้ว การออกแบบรองเท้าที่แข็งเกินไปทำให้มีการเจ็บที่เท้าโดยอธิบายความรู้สึกว่าเหมือนการ "ใส่ถุงเท้าคู่ที่คับเกินไป" ซึ่งข้อนี้เขาละไว้ในฐานที่เข้าใจว่าอาจจะเป็นเพราะความไม่เคยชินเพราะปกติเขาเป็นคนที่ถอดรองเท้าเวลาเล่นเกมเสมอ
ตัวของ กิลเบิร์ต นั้นขยายความอีกว่าเขาทดสอบใส่รองเท้านี้เป็นเวลา 1 สัปดาห์ และพบว่ามันไม่ได้ช่วยทำให้เขาเล่นเกมดีขึ้นเลย นอกจากนี้ยังเอาไปเปรียบเทียบว่ามันเป็นแค่เรื่องของ "การตลาด" เท่านั้น เพราะทุกอย่างที่ทำมาใส่คำว่า "เพื่อเกมเมอร์" นั้นมักจะมีราคาแพงขึ้นแทบทั้งสิ้น เขาเริ่มยกตัวอย่างเกี่ยวกับ "เก้าอี้เกมเมอร์" ที่จะมีราคาแพงกว่าเก้าอี้ผู้บริหารหรือเก้าอี้เพื่อสุขภาพ ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วความรู้สึกแทบไม่ต่างกันเลยด้วยซ้ำ
เขาทิ้งท้ายว่า K-Swiss รุ่น One Tap เองก็เป็นแบบนั้น เพราะถือว่ามีราคาแพงกว่ารองเท้ายี่ห้อเดียวกันรุ่นอื่น ๆ ทว่าที่สุดแล้วในแง่ของการใช้งานทั้งการเคลื่อนไหวและฟีลลิ่งในการสวมใส่แล้วก็ไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าไรนัก
#การตลาดจริงหรือ?
เมื่อเสียงของนักรีวิวแตกเป็น 2 ทางก็คงต้องย้อนกลับไปดูที่มาว่ามันเป็นไปได้หรือไม่ที่เรื่องนี้จะเป็นเรื่องของการตลาดโดยเฉพาะ
K-Swiss นั้นถือเป็นผู้สนับสนุนหลักของทีม CS:GO ชื่อดังของโลกอย่าง IGC พาร์ทเนอร์ในการพัฒนารองเท้า One Tap รวมถึงทีมในเครือ IGC อย่าง MIBR (Made in Brazil) ซึ่งแน่นอนว่าปัจจุบันอิทธิพลของเหล่าเกมเมอร์หรือนักกีฬาอีสปอร์ตนั้นสูงขึ้นทุกวัน และการออกรองเท้ารุ่น One Tap ให้กับนักกีฬาทีมระดับโลกใช้ก็เป็นการกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบจากแฟนคลับหรือผู้เล่นรุ่นหลังอีกด้วย
บาร์นี่ย์ วอเตอร์ส ซีอีโอของ K-Swiss ยอมรับว่าเรื่องกระแสอีสปอร์ตนั้นเป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ และจะกลายเป็นกระแสหลักที่คนยอมรับในเวลาอันใกล้นี้ด้วย
"คอนเทนท์เกี่ยวกับเกมใน Twitch มียอดวิวสูงกว่า HBO, Netflix, Hulu และ ESPN รวมกันเสียอีก ยอดผู้ชมในรายการแข่งขันอีสปอร์ตใหญ่มากกว่ารอบชิงชนะเลิศบาสเกตบอล NBA ถึง 2 เท่าเลยทีเดียว"
ในอนาคตคาดว่าอุตสาหกรรมอีสปอร์ตจะมีมูลค่ามากถึง 2.7 พันล้านดอลลาร์ (ราว 83,000 ล้านบาท) ภายในระยะเวลาแค่ 1 ปีจากนี้หรือปี 2022 นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมตอนนี้แบรนด์ดังต่างๆ ที่ไม่เคยหยิบจับหรือเกี่ยวข้องกับ อีสปอร์ต จึงเริ่มลงมาแบ่งเค้กในวงการนี้มากขึ้น ไม่ใช่แค่ K-Swiss ที่ทำรองเท้าเท่านั้น ปัจจุบันแบรนด์อย่าง Nike ได้เซ็นสัญญาโปรเกมเมอร์ LoL (League of Legends) คนดังของจีนอย่าง เจี้ยน 'Uzi' ซีเหา รวมถึงทีม T1 ที่มี อี 'Faker' ซัง-ฮยอก พระเจ้าแห่ง LoL อยู่ในสังกัด
ส่วน adidas ก็เซ็นสัญญากับอดีตโปรเกมเมอร์ ที่ปัจจุบันคือสตรีมเมอร์ระดับท็อปของโลกอย่าง ไทเลอร์ 'Ninja' เบลวินส์ แถมยังออกรองเท้ารุ่นพิเศษให้โดยเฉพาะ ซึ่งแม้ตอนนี้จะเป็นการนำเอารองเท้ารุ่นดัง ๆ มาทำเป็นรุ่นซิกเนเจอร์ แต่อนาคต สตรีมเมอร์หัวฟ้าอาจจะมีรองเท้ารุ่นของตัวเองจริง ๆ ก็เป็นได้
ไม่ว่าผลลัพธ์ของรองเท้าเฉพาะทางสำหรับเกมเมอร์ จะช่วยยกระดับขีดความสามารถหรือการเล่นจะเป็นอย่างไร… แต่สิ่งหนึ่งที่เรารับรู้ได้ คือ มูลค่าทางการตลาดกำลังเกิดขึ้นอย่างมหาศาล ถึงคนจะมองข้ามคุณสมบัติของมันไป แต่หากเหล่าเกมเมอร์ชื่อดังเลือกสวมใส่พวกมัน จนเท่ระเบิดแล้วล่ะก็…แฟน ๆ นับแสนนับล้านคนของพวกเขา ก็ย่อมพร้อมจะแห่มาซื้อใส่ตามไม่มากก็น้อย
#MainStandGaming #MainStand #เรื่องเล่นเราจริงจัง
โฆษณา