20 ก.พ. 2021 เวลา 12:00 • กีฬา
เป็ป กวาดิโอล่ากับแชมป์ UCL?
นับตั้งแต่ที่ Pep Guardiola เริ่มงานโค้ชครั้งแรกที่สโมสรบาร์เซโลนาถือว่าเป็นหนึ่งในโค้ชที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก โดยเขาเป็นโค้ชคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าได้ 6 แชมป์ในหนึ่งฤดูกาล นอกจากนี้ไม่ว่าเขาย้ายไปทีมไหน ทีมนั้นประสบความสำเร็จทุกทีม ทั้งบาเยิร์น มิวนิคและแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ทว่านับตั้งแต่ที่เขาพาบาร์เซโลน่าคว้า UCL ในปี 2011 หลังจากนั้นเขายังไม่เคยพาทีมคว้าแชมป์ UCL ได้อีกหรือแม้แต่พาทีมเข้ารอบชิงชนะเลิศได้เป็นระยะเวลากว่า 10 ปี #UCL #mancity
บาร์เซโลน่า ฤดูกาล 2011-2012
ช่วงนั้นบาร์เซโลน่ากำลังขับเคี่ยวแย่งแชมป์กับเรอัล มาดริดในลาลีกา และใน UCL ทีมเข้าถึงรอบรองชนะเลิศเจอกับเชลซีที่ตอนนั้นมีโค้ชคือ โรแบร์โต ดิมัตเตโอ โดยเกมแรกนั้นเชลซีสามารถเปิดบ้านเอาชนะบาร์เซโลน่า 1-0 ด้วยการยิงประตูชัยของ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ทำให้เงื่อนไขการเข้ารอบคือต้องชนะด้วยผลต่างตั้งแต่ 2 ประตูขึ้นไป และเกมที่สองก็เป็นใจให้กับบาร์ซาเพราะขึ้นนำ 2-0 อย่างรวดเร็วและกัปตันทีมเชลซีอย่าง จอห์น เทอร์รี่ โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม แต่ทว่าจุดเปลี่ยนมาเกิดขึ้นในช่วงก่อนหมดเวลาครึ่งแรก รามิเรสหลุดเข้าไปยิงประตูตามตีไข่แตกมาเป็น 2-1 โดยถ้าจบตรงนี้เชลซีจะเข้ารอบชิง ทำให้บาร์ซานั้นโหมบุกอย่างหนักในครึ่งหลังจนมาได้ลูกจุดโทษ แต่เมสซี่ดันยิงจุดโทษไม่เข้า และในช่วงทดเวลาบาดเจ็บตอนที่บาร์ซาบุกทั้งทีม ทำให้ตอร์เรสนั้นหลุดเดี่ยวมาดวลหนึ่งต่อหนึ่งกับผู้รักษาประตูและยิงประตูตีเสมอ 2-2 ได้สำเร็จ รวมผลสองนัดเชลซีชนะ 3-2 ผ่านเข้ารอบชิงและเป็นแชมป์ในบั้นปลายหลังจากที่ตกรอบได้ไม่นาน เป็ปได้ประกาศลาออกจากการโค้ช ปิดจากการคุมทีม 4 ปี โดยฤดูกาลนั้นบาร์เซโลน่าได้แชมป์แค่รายการเดียวคือ โคปา เดล เรย์
credit: https://www.irishmirror.ie/sport/soccer/soccer-news/frank-lampard-explains-fernando-torres-12179618
บาเยิร์น มิวนิค ฤดูกาล 2013-2014
หลังจากพักงานไปหนึ่งปี เป็ป กวาดิโอล่ากลับมารับงานโค้ชอีกครั้ง โดยมารับงานคุมบาเยิร์น มิวนิคต่อจากจุ๊ป ไฮน์เกส ที่พึ่งพาทีมคว้า 3 แชมป์ และทีมยังคว้าตัวมาริโอ เกิตเซ จอมทัพของดอร์ทมุนท์มาอีกทำให้บาเยิร์นนั้นแข็งแกร่งสุดในลีค และคว้าแชมป์ลีคด้วยคะแนนสูงถึง 90 คะแนน แต่ทว่าในรอบรองชนะเลิศ UCL บาเยิร์นไม่สามารถหยุดความร้อนแรงของสามประสานของเรอัลมาดริดได้ (โรนัลโด้,เบนเซม่า,เบล) ทำให้แพ้ด้วยสกอร์รวม 5-0 ตกรอบ UCL อย่างน่าเสียดาย และเรอัล มาดริดก็เป็นแชมป์ UCL สมัยที่ 10 ด้วยการชนะแอตเลติโก มาดริด 4-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ
cerdit: https://www.sbnation.com/soccer/2014/4/29/5665552/bayern-munich-vs-real-madrid-2014-uefa-champions-league-final-score-result
บาเยิร์น มิวนิค ฤดูกาล 2014-2015
ฤดูกาลนี้ทีมได้สุดยอดกองหน้าในลีคเยอรมันอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้มาร่วมทีม ทำให้ทีมได้แชมป์ลีคไปอีกสมัย ส่วนใน UCL ทีมเข้าถึงรอบรองชนะเลิศอีกครั้งโดยพบกับบาร์เซโลน่าที่มีสามประสานที่ร้อนแรงอย่าง MSN(เมสซี่,ซัวเรส,เนย์มาร์) โดยแรกเกมแรกเป็นบาร์ซาที่เปิดบ้านเอาชนะบาเยิร์นด้วยสกอร์ 3-0 และมีหนึ่งประตูที่น่าจดจำนั่นคือลูกที่เมสซีล็อคหลบเจอโรม บัวเต็งแล้วเข้าไปชิพผ่านมานูเอล นอยเออร์อย่างง่ายๆ แม้ว่าในเกมสองบาเยิร์นจะเอาชนะบาร์ซาด้วยสกอร์ 3-2 แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะผ่านเข้ารอบ และบาร์เซโลน่าก็เป็นแชมป์ UCL สมัยที่ 5 ด้วยการชนะยูเวนตุส 3-1
cerdit: https://www.mirror.co.uk/sport/football/news/jerome-boateng-hits-back-haters-5664183
บาเยิร์น มิวนิค ฤดูกาล 2015-2016
ทีมอย่างคงไร้เทียมทานในลีค คว้าแชมป์ได้อย่างง่ายดายโดยเป็นการคว้าแชมป์ลีคสามสมัยติดต่อกันของเป็ป กวาดิโอล่า แต่ในรอบรองชนะเลิศ UCL พวกเขากลับพลาดท่าตกรอบ UCL อย่างเหลือเชื่อด้วยแพ้ด้วยกฏประตูเยือนต่อแอตเลติโก มาดริด 2-2 และเป็ป กวาดิโอล่าก็ไม่ต่อสัญญากับบาเยิร์น มิวนิคแล้วย้ายไปคุมแมน ซิตี้ในฤดูกาลถัดไป ปิดฉากการคุมทีมเสือใต้ 3 ปีด้วยการคว้าแชมป์ลีค 3 ปีติดและตกรอบรองชนะเลิศ UCL 3 ปีติดต่อกัน โดยเป็นการแพ้ทีมจากประเทศสเปนทั้งหมด
credit: https://bleacherreport.com/articles/2636156
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฤดูกาล 2016-2017
ฤดูกาลนี้เป็ป ตกลงไปคุมทีมในอังกฤษอย่างแมนเชสเตอร์ซิตี้ ซึ่งทีมของเป็ปนั้นเปิดตัวในลีคได้อย่างร้อนแรงด้วยการชนะ 5 นัดรวดขึ้นเป็นจ่าฝูงแต่หลังจากที่แพ้สเปอร์สในเกมถัดมา ทำให้ฟอร์มตกลงประกอบกับการที่เชลซีของอันโดนิโอ คอนเต้มีฟอร์มที่ร้อนแรงในระบบการเล่น 3-4-3 ทำให้เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีคในบั้นปลาย ส่วนผลงานใน UCL แมนซิตี้เข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเจอกับโมนาโก ซึ่งเป็นทีมพลังหนุ่มที่ผลงานร้อนแรงในลีค แม้ในเกมแรกจะเอาชนะได้ด้วยสกอร์ 5-3 แต่ก็แพ้ในเกมสอง 3-1 ตกรอบด้วยกฏประตูทีมเยือน และถ้ายังจำกันได้นี่คือเกมแจ้งเกิดของสุดยอดดาวรุ่งฝรั่งเศสที่ชื่อว่าคิลิยัน เอ็มบัปเป้ โดยบทสรุปของฤดูกาล แมนเชสเตอร์ซิตี้จบฤดูกาลด้วยการไร้ถ้วยแชมป์ และเป็นครั้งแรกตั้งแต่คุมทีมของเป็ปที่จบฤดูกาลด้วยการไม่มีแชมป์
credit: https://www.standard.co.uk/sport/football/the-new-thierry-henry-how-arsenal-transfer-target-kylian-mbappe-played-for-monaco-vs-man-city-a3472731.html
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฤดูกาล 2017-2018
เป็นฤดูกาลสุดมหัสจรรย์ของแมนซิตี้ โดยพวกเขาคว้าแชมป์แบบม้วนเดียวจบด้วยการสะสมได้ 100 แต้ม คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีคได้อย่างง่ายดายและทิ้งห่างอันดับ 2 อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดถึง 19 แต้ม ส่วนใน UCL พวกเขาเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายอีกครั้ง โดยครั้งนี้พบทีมร่วมลีคอย่างลิเวอร์พูล ซึ่งตอนนั้นได้ซาลาห์เข้ามาเสริมทัพ สุดท้ายก็ไม่สามารถต้านความร้อนแรงของลิเวอร์พูลได้ ตกรอบด้วยการแพ้แบบไปกลับ 1-5 และลิเวอร์พูลก็สามารถหลุดเข้าไปชิงชนะเลิศ UCL ได้ แต่น่าเสียดายที่ต้องเผชิญหน้ากับสุดยอดทีมอย่างเรอัล มาดริด และด้วยคุณภาพผู้เล่นกับประสบการณ์ที่ยังเป็นรองเรอัล มาดริดที่ตอนนั้นยังมีคริสเตียโน โรนัลโด้ ทำให้แพ้ไปด้วยสกอร์ 3-1 ส่งให้เรอัล มาดริดคว้าแชมป์ UCL ได้ 3 ปีติดต่อกัน
credit: https://www.goal.com/en-gb/match/manchester-city-v-liverpool/557k6an5jqy7ipl3f4z4i0pd6
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฤดูกาล 2018-2019
ในฤดูกาลนี้ทีมได้ริยาร์ด มาห์เรซ ปีกจากเลสเตอร์มาเสริมทัพด้วยค่าตัวระดับสถิติสโมสร แต่ทว่าในฤดูกาลนี้มีคู่แข่งที่น่ากลัวอย่างลิเวอร์พูลขึ้นมาแย่งลุ้นแชมป์ เป็นผลจากฤดูกาลนี้ พวกเขาเสริมทัพได้ตรงจุดด้วยการคว้าตัว ฟาบิญโญ ชากิรี่ และที่สำคัญพวกเขาได้ผู้รักษาประตูคนใหม่อย่าง อลิสซง เบ็คเกอร์ รวมกับผู้เล่นชุดเดิมที่ดีอยู่แล้ว ทำให้ฤดูกาลนี้ลิเวอร์พูลนำเป็นจ่าฝูงตั้งแต่ต้นฤดูกาล อย่างไรก็ตามพอถึงช่วงมกราคม ลิเวอร์พูลกลับหลุดเสมอหลายนัดประกอบกับที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้นั้นชนะติดต่อกันจนสามารถปาดหน้าคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีคได้ด้วยการได้ 98 แต้มมากกว่าลิเวอร์พูลเพียง 1 แต้ม ส่วนผลงานใน UCL พวกเขาเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้อีกครั้งนี้ โดยครั้งนี้พวกเขาต้องเจอกับสเปอร์ส ทีมร่วมลีค ในเกมแรกเป็นสเปอร์สที่เปิดได้ชนะได้ 1-0 ต่อมาในเกมที่สองถือว่าเป็นที่สนุกสูสีมาก ซึ่งทั้งสองทีมผลัดกันนำผลัดกันตาม โดยสกอร์มาอยู่แมนเชสเตอร์ ซิตี้นำ 4-2 ซึ่งถ้าจบตรงนี้จะเป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่ผ่านเข้าต่อไป แต่ทว่าช่วงท้ายเกมเป็นเฟร์นานโด ยอเรนเต้ที่โหม่งประตูเข้าไปทำให้ตามมาเป็น 4-3 ซึ่งประตูนี้เป็นลูกปัญหาเพราะดูเหมือนว่าจะมีการทำแฮนด์บอลก่อนยิงประตู แต่ VAR ก็บอกว่าลูกนี้ไม่เป็นแฮนด์บอลทำให้สเปอร์สได้ประตูไป และความดราม่าก็ได้มาเกิดขึ้นในนาทีสุดท้ายของช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ราฮีม สเตอริ่งยิงประตูชัยได้สำเร็จ แต่ทว่า VAR กลับบอกว่าลูกนี้เป็นลูกล้ำหน้า ทำให้จบเกมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ชนะ 4-3 รวมผลสองนัดสเปอร์สผ่านเข้ารอบด้วยกฏประตูทีมเยือน
credit: https://www.calciomercato.com/en/news/ucl-man-city-vs-tottenham-live-the-confirmed-lineups-and-live-co-30308
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฤดูกาล 2019-2020
หลังจากนี้พวกเขาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีคได้ 2 ฤดูกาลติดต่อกัน มาในฤดูกาลนี้พวกเขามีผลงานที่ตกลง และลิเวอร์พูลที่เก็บเอาความผิดหวังในฤดูกาลที่แล้วมาเป็นแรงผลักดันทำให้สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีคได้แบบม้วนเดียวจบ สำหรับผลงานใน UCL พวกเขาสามารถผ่านเข้ารอบ 8 ทีมได้เป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน โดยครั้งนี้ทีมที่พวกเขาเผชิญหน้าคือโอลิมปิก ลียงที่มีเมมฟิส เดอปายเป็นตัวความหวัง ซึ่งจุดที่น่าสนใจคือการแข่งขัน UCL ในรอบนี้นั้นแข่งในสนามกลางแบบนัดเดียวจบ และเป็นโอลิมปิก ลียงที่พลิกล็อคด้วยการชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ด้วยสกอร์ 3-1 จากการยิงคนเดียว 2 ประตูของมุสซ่า เดมเบเล่ ทำให้ทีมของเป็ป กวาดิโอล่าต้องตกรอบอย่างน่าเสียดาย
credit: https://www.bangkokpost.com/sports/1969059/lyon-stun-guardiolas-man-city-to-reach-champions-league-semis
ถึงตรงนี้แล้วพบว่าการตกรอบ UCL ทีมของเป็ป กวาดิโอล่านั้นมีหลายเหตุดังนี้
1.แพ้ทีมที่คุณภาพผู้เล่นดีกว่า
2.แพ้เพราะกฏประตูทีมเยือน
3.แพ้เพราะ VAR
โดยปีนี้ก็ครบ 10 ปีพอดีที่เป็ปยังไม่ได้พาทีมเข้าชิง UCL อย่างไรก็ตามฤดูกาลนี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่พวกเขาจะคว้าแชมป์ UCL เนื่องด้วยขุมกำลังทีมและฟอร์มการเล่นที่ถือว่าดีที่สุดนยุโรปแล้วก็สามารถพูดได้เต็มปาก นอกจากนี้ทีมใหญ่ๆนั้นยุโรปนั้นไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุด ยักษ์ใหญ่จากสเปนทั้งเรอัล มาดริดและบาร์เซโลน่าไม่ได้มีผู้เล่นที่ดีเหมือนเดิมและยังไม่ได้เป็นจ่าฝูงในลีคด้วยซ้ำ ยูเวนตุสปีนี้ก็มีผลงานที่ตกลงไปมากเนื่องจากเปลี่ยนกุญซือใหม่ หรือแม้แต่บาเยิร์น มิวนิคที่เป็นแชมป์เก่ารายการนี้เชื่อว่าแรงกระหายในการคว้าแชมป์ย่อมลดลงเป็นเรื่องปกติ ที่พอจะสูสีหน่อยอาจะเป็น ปารีส แซง แช็งแม็งจากฝรั่งเศสที่นำทีมโดยเอ็มบัปเป้และเนย์มาร์ ซึ่งถ้าเป็ปอยากจะคว้าแชมป์ UCL อีกครั้ง ปีนี้ถือเป็นปีนี้โอกาสดีที่สุดในรอบ 10 ปีก็ว่าได้ แล้วมาลุ้นกันว่าเป็ป กวาดิโอล่าจะได้แชมป์ UCL อีกครั้งหรือไม่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้จะคว้าแชมป์ UCL เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรได้หรือไม่ โปรดติดตามจนจบฤดูกาล
โฆษณา