15 ก.พ. 2021 เวลา 06:41 • หนังสือ
‣ รู้ทัน ‘สัญชาตญาณความว่าง่าย’ ของมนุษย์ ที่มีต่อผู้มีอำนาจ - กับส่วนหนึ่งของหนังสือ 𝐏𝐥𝐞𝐚𝐬𝐞𝐝 𝐭𝐨 𝐌𝐞𝐞𝐭 𝐌𝐞 ; 𝐵𝑖𝑙𝑙 𝑆𝑢𝑙𝑙𝑖𝑣𝑎𝑛
‣ เคยสงสัยกันมั้ยครับ... ว่าสัญชาตญาณเเละศีลธรรมของมนุษย์นั้นทำงานอย่างไร ? ทำไมสงครามทำให้คนคนหนึ่งถึงยอมทำสิ่งที่ดูเหมือนจะพร่องศีลธรรมอย่างร้ายเเรง
1
‣ น่าคิดนะครับว่า... ‘ในสถานการณ์ปกติ’ เเล้วอาชญากรสงครามคนเดียวกันนี้ มีภาวะพร่องศีลธรรมเเละนิยมความรุนเเรงโหดร้ายมาตั้งเเต่ต้นหรือ ? - หากไม่ใช่... เเล้วอะไรคือช่องว่างที่ทำให้ต่อมศีลธรรมเเละความรู้สึกรับผิดชอบชั่วดีของของเขาเกิดไม่ทำงานชั่วคราวในห้วงเวลาเเห่งสงคราม ?
∙ ต้องเกริ่นก่อนว่า... ในทางชีววิทยาพัฒนาการน้ัน - สัตว์ในตระกูลที่เป็นบรรพบุรุษของเรานั้นมีลักษณะสังคมที่มีโครงสร้างลำดับ ‘สูง-ต่ำ’ อยู่เเล้วโดยธรรมชาติ ประกอบกับวิวัฒนาการของสมองเรานั้นถูกวิวัฒน์ขึ้นมาเพื่อให้ตอบโจทย์ด้านชีววิทยาวิวัฒนาการ... คือเพื่อให้สามารถ ‘มีชีวิตรอด’ อยู่ได้จนถึงช่วงระยะเวลาสืบพันธุ์
∙ ...เเละการไหลไปตามน้ำ เเละยอมทำตามคำสั่งของผู้มีอำนาจ ดูเหมือนจะมีประโยชน์กับการเอาชีวิตรอดไปจนถึงวัยเจริญพันธุ์ - ทำให้เรามีเเนวโน้มที่จะ ‘เชื่อฟัง’ ผู้ที่อยู่ในลำดับขั้นที่สูงกว่าตามสัญชาตญาณราวกับว่าสิ่งเหล่านี้นั้นฝังอยู่ในพันธุกรรม
∙ อ่านมาถึงตรงนี้ทุกท่านอาจจะเริ่มคิดว่า - ก็เเน่นอน... โบราณก็บอกอยู่เเล้วว่า ‘เดินตามผู้ใหญ่ - หมาไม่กัด’ ...หากท่านคิดเช่นนี้ขอให้ลองอ่านต่อไปจนจบก่อน
∙ ...เพราะบางครั้ง - การเชื่อฟังผู้ที่อยู่ในลำดับขั้นที่สูงกว่า (เช่น ครูอาจารย์ นักบวช ตำรวจ ฯลฯ) โดยไม่ไตร่ตรองใด ๆ ก็หาได้พาท่านไปสู่หนทางที่ดีเเละเปี่ยมศีลธรรมเสมอไป
‣ ในปี 1963, 𝑆𝑡𝑎𝑛𝑙𝑒𝑦 𝑀𝑖𝑙𝑔𝑟𝑎𝑚 พยายามทำการทดลองเพื่อทดสอบ ‘ความว่าง่าย’ ของเราที่มีต่อผู้มีอำนาจ เพราะอยากจะดูว่า... คนเรานั้นจะสามารถทำสิ่งที่เลวร้ายได้ขนาดไหน เมื่อได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ?
(งานวิจัยนี้ได้เเรงบันดาลใจจากการพิจารณาคดีอาชญากรรมสงครามที่ 𝑁𝑢𝑟𝑒𝑚𝑏𝑒𝑟𝑔... ที่ผู้ถูกกล่าวหากล่าวอ้างเป็นอยู่คำเดียวว่า ‘ผมเเค่ตามทำคำสั่ง’ ราวกับเป็น ‘หุ่นเชิด’ ของผู้มีอำนาจ เเละสถานะการเป็น ‘หุ่นเชิด’ ของ ‘ผู้มีอำนาจ’ นี่เองที่ฝังกลบสติรู้คิดเเละสำนึกทางจริยธรรมของตัวผู้ถูกเชิดเสียมิด)
∙ โคตรน่าสนใจนะครับ - Limit ของคนปกติที่ไม่ได้มี passion ในความรุนแรงใด ๆ จะสามารถเป็น ‘หุ่นเชิด’ ในการทำเรื่องแย่ ๆ ให้กับผู้มีอำนาจได้ถึงขั้นไหน ?
∙ การทดลองของ 𝑀𝑖𝑙𝑔𝑟𝑎𝑚 นี้ ทำคัดเลือกคนมากลุ่มหนึ่ง เเละหลอกให้คนกลุ่มนี้เชื่อว่าพวกเขากำลังเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาทักษะของเด็กนักเรียน (ซึ่งจริง ๆ เเล้วเป็นนักเเสดง) หลังจากนั้น ให้นักเรียน(ปลอม ๆ )แกล้งตอบโจทย์ปัญหาผิด เเละทุกครั้งที่นักเรียนตอบผิดนั้น ทีมวิจัย(สมมติ) จะบอกให้ผู้เข้าร่วมการทดลองทำการลงโทษนักเรียนโดยการกดปุ่มเพื่อช๊อตไฟฟ้าใส่เด็กนักเรียน - หากนักเรียนยังตอบผิดอยู่อีก ให้ช๊อตเเรงขึ้น เเละหากนักเรียนยังตอบผิดซ้ำอีก ก็จะถูกช๊อตไฟฟ้าแรงขึ้นเรื่อย ๆ
∙ เมื่อนักเรียน (ปลอม ๆ) เหล่านี้แกล้งตอบผิดไปเรื่อย ๆ พวกเขาถูกลงโทษรุนเเรงขึ้นเรื่อย ๆ (ตามความเข้าใจของผู้เขาร่วมการทดลอง) และแสดงหน้าตาเจ็บปวดทุรนทุรายพร้อมกับ (แกล้ง)ร้องออกมาอย่างทนทุกข์ทรมาน - เชื่อไหมครับ... ว่ากว่าสองในสามของผู้ที่เข้าร่วมการวิจัยนั้น ‘เลือก’ ที่จะกดปุ่มช๊อตไฟฟ้าเเละทนดูเด็กนักเรียนทุรนทุราย เเละยังทำไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดที่ผู้วิจัยบอกให้หยุด เพราะขู่ว่าถ้าช้อตแรงกว่านี้อาจทำให้นักเรียนเสียชีวิตได้ ! (จึงยอมหยุดตาม ‘คำสั่ง’)
∙ งานวิจัยนี้ทำให้เราเห็นว่า จริง ๆ เเล้วผู้เข้าร่วมวิจัยเหล่านี้อาจจะมีศีลธรรมไม่ต่างจากคนอื่นในสถานการณ์ปกติ - เเต่การถูกหล่อหลอมให้มีสถานะกลายเป็น ‘หุ่นเชิด’ นั้น การทำเรื่องแย่ ๆ นั้นจะง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก เพราะสมองของผู้ถูกเชิดจะทำงานน้อยลงเเละรับรู้ถึง ‘ตัวตนผู้ปฏิบัติการ’ (𝑠𝑒𝑛𝑠𝑒 𝑜𝑓 𝑎𝑔𝑒𝑛𝑐𝑦) น้อยลง เเละรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบเรื่องเเย่ ๆ เหล่านี้น้อยลง
∙ จริง ๆ เเล้วผมคิดว่าในสถานการณ์แบบนี้ - ‘การไม่ค่อยรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบ’ นั้น ไม่ได้เกิดเเต่เพียงกับ ‘ผู้รับคำสั่ง’ เท่านั้น หากเเต่เกิดกับ ‘ผู้สั่ง’ ด้วยเช่นกัน
∙ เเน่นอนว่า - สำหรับผู้ออกคำสั่ง... การที่ไม่ต้องลงมือปฏิบัติเองนั้น ย่อมง่ายกว่า
∙ เเละเมื่อทั้ง ‘ผู้เชิด’ เเละ ‘ผู้ถูกเชิด’ รู้สึกตรงกันทั้งคู่ว่าตนเองนั้น ‘ไม่ได้เป็นผู้กระทำ’ เสียทีเดียว - ความสัมพันธ์ในลักษณะนี้จึงเป็นเหมือนกับความสัมพันธ์ที่ลงตัวหากจะต้องทำเรื่องเลวทรามเเละไร้ศีลธรรมใด ๆ ให้ราบรื่น เพราะความสัมพันธ์เเบบนี้ลดเเรงเสียดทานที่เกิดจากการสู้รบกับศีลธรรมในใจ (ของทั้ง ‘ผู้เชิด’ เเละ ‘ผู้ถูกเชิด’) ของเราไปได้มากโข
∙ ความสัมพันธ์เเบบนี้ทำให้ทั้งสองฝ่ายสามารถร่วมมือกันทำเรื่องที่เลวร้ายสุด ๆ ได้... โดยไม่รู้สึกว่าเลวมากนัก
∙ นี่อาจเป็นความจริงของการทำงานของสมองของมนุษย์ในระดับสัญชาตญาณ - เเต่จริง ๆ เเล้วสมองเราไม่ได้วิวัฒน์มาเเค่ส่วนของการตอบสนองแบบอัตโนมัติเท่านั้น เเต่มันวิวัฒน์ขึ้นมาพร้อมกับความสามารถในการวิเคราะห์ เเยกเเยะ เเละมีสติกำกับสัญชาตญาณอัตโนมัติของตัวเองด้วย
∙ มนุษย์จึงเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่สามารถ ‘เลือก’ ที่จะไม่ทำตามสัญชาตญาณของตัวเองได้
.
.
.
.
.
“หาก ‘สัญชาตญาณ’ นั้น - ทำให้ ‘มนุษย์’ เดินออกห่างจากความเป็น ‘มนุษย์’”
1
"คนทำก็ไม่ได้รู้สึกว่าผิด คนสั่งก็ไม่ได้รู้สึกว่าผิด... นี่มัน win - win scenario ชัด ๆ 😏" //ลอย
ปล. ตอนนี้ THE BRIEFBOOK มี LINE Official แล้วนะครับ !
คลิ้กที่ลิงก์นี้ได้เลย : https://lin.ee/35IQCbj
โฆษณา