Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Machine Logic
•
ติดตาม
17 ก.พ. 2021 เวลา 04:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
EP3: หนูมาลีกับการวางแผนการเงินในวัยเริ่มทำงาน
หนูมาลีกับการวางแผนการเงินในวัยเริ่มทำงาน
จริงๆแล้ววันนี้ Machine Logic ตั้งใจไว้ว่าจะพาทุกท่านเข้าสู่สนามลงทุนกันเลย แต่ว่ามีหลายๆคำถามส่งเข้ามาซึ่งทำให้เรารู้ว่า มีคนอยากได้ตัวอย่างวิธีการวางแผนการเงินที่เห็นภาพมากกว่านี้อีกซักหน่อย จะได้เอาวิธีการไปปรับใช้กับตัวเอง วันนี้เราจึงอยากขอเสริมเนื้อหาด้านการเตรียมความพร้อมอีกหนึ่งบทความ ในบทความนี้เราจะลองสมมติชีวิตของหนูมาลีวัยเริ่มทำงาน ควรคิดและวางแผนอะไรบ้างมาลองดูกัน
หนูมาลี อายุ 21 ปี พึ่งเริ่มทำงาน ในตำแหน่ง Software Tester อาชีพยอดฮิตของคนรุ่นใหม่ในอุตสาหกรรม IT แม้จะเป็นเด็กจบใหม่แต่มาลีก็มีความพร้อมในการทำงานอย่างมาก หลังผ่านโปรจึงได้รับเงินเดือน 25,000 บาท ไม่มีภาระส่งบ้านส่งรถ ด้วยความที่อยากให้พ่อแม่ที่ต่างจังหวัดสบายขึ้นจึงส่งเงินให้พ่อแม่ใช้เดือนละ 5,000 บาท มาลีเป็นคนลำปาง จึงต้องเช่าหอพักอยู่เดือนละ 5,000 บาท ค่ากินใช้เดือนละ 10,000 จึงทำให้มาลีมีเงินเหลือเก็บเดือนละ 5,000 บาท
จะเห็นว่าค่าใช้จ่ายประจำเดือนของมาลีนั้นอยู่ที่ 20,000 บาท หากว่าวันใดวันนึงมาลีไม่สามารถไปทำงานได้ หรือมีเหตุจำเป็นให้ต้องออกจากงาน สิ่งแรกที่มาลีควรต้องมีก็คือเงินสำรอง ว่าแต่มาลีจะสำรองเท่าไหร่ดีนะ? มาลีคิดทบทวนกับตัวเองแล้วว่าตัวเองเป็นคนขยันตั้งใจทำงาน ได้รับงานที่มอบหมายมาก็สามารถใช้ความรู้ความสามารถที่มีทำงานให้สำเร็จได้ มาลีจึงไม่กังวลกับการเลิกจ้างนัก เพราะหากมีเรื่องต้องออกจากงานจริงๆคนที่มีความสามารถอย่างมาลีก็คงหางานใหม่ได้ไม่ยาก
แต่ด้วยความไม่ประมาทหากเจ็บป่วยมีอันต้องหยุดงานไปจริงๆ มาลีก็เลยอยากมีเงินสำรองไว้ซัก 3 เดือน ซึ่งก็คิดเป็น 60,000 บาท ซึ่งน่าจะเพียงพอในเบื้องต้นให้มาลีได้อุ่นใจ ใช้เวลาเก็บซัก 3 ปีก็น่าจะพอ หลังจากนั้นหากมาลีจะพัฒนาความสามารถขึ้นไปตามสายงาน และหารายได้ทางอื่นเสริมค่อยมาวางแผนเงินส่วนนี้กันอีกทีเพราะจริงๆแล้วอยากมีสำรองซัก 6 เดือนจะอุ่นใจมากขึ้น
มาลีตัดสินใจแบ่งเงินเดือนละ 2,000 บาท เพื่อเก็บเข้าบัญชีเงินทุนสำรอง ด้วยความที่มาลีหาข้อมูลเรื่องเงินฝากมาเป็นอย่างดีก็ได้พบว่า หากเปิดบัญชีเงินฝากธรรมดาแล้วจะได้ดอกเบี้ยเพียงปีละ 0.5% แต่ถ้าเปลี่ยนไปฝากประจำ 24 เดือน มาลีจะได้รับดอกเบี้ยมากถึง 2% มาลีจึงเลือกเปิดบัญชีฝากประจำแทน ถึงแม้ดอกเบี้ยจะถูกตีออกมาเป็นจำนวนเงินไม่ต่างกันมาก แต่สิ่งที่มาลีน่าจะได้มาจากบัญชีนี้จริงๆอาจจะเป็นเรื่องของการเริ่ม “มีวินัย” ต่อตัวเองมากขึ้น ถ้าออมได้ครบแล้วมาลีก็ตั้งใจจะเอาไปฝากสลากออมสินเผื่อลุ้นรางวัลได้อีก
การจัดสรรเงิน
มาลีพบว่าอีกปัจจัยที่พอควบคุมได้คือเรื่องสุขภาพ ดังนั้นมาลีเลยรักษาสุขภาพเป็นอย่างดีควบคู่ไปด้วย แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองเข้ามาทำงานได้ 6 เดือนแล้ว เริ่มได้รับสวัสดิการของบริษัท โดยประกอบไปด้วยประกันสังคม และประกันกลุ่ม มาลีทำการสำรวจสวัสดิการของตัวเองเลยพบว่า
เงินที่ถูกหักเข้าประกันสังคมไปทุกๆเดือนนั้นมีสิทธิ์ดังนี้
1. รักษาพยาบาลฟรี ตามโรงพยาบาลที่ระบุเลือกไว้ในบัตร (ยกเว้นกรณีฉุกเฉิน)
2. กรณีผู้ป่วยใน ค่าห้องและค่าอาหาร โรงพยาบาลรัฐบาล เบิกได้ไม่เกินวันละ 700 บาท ในส่วนของค่าห้องและค่าอาหาร โรงพยาบาลเอกชน เบิกได้ไม่เกินวันละ 2,000 บาท (ICU 4,500)
3. ทำฟัน 900 บาท/ครั้ง/ปี
4. ในกรณีทุพพลภาพร้ายแรง รับเงินทดแทนขาดรายได้ร้อยละ 50 ของค่าจ้างเป็นรายเดือนตลอดชีวิต
5. หากจากไปมีค่าทำศพ 40,000 บาท และเงินสงเคราะห์เสียชีวิตเท่ากับค่าจ้างเฉลี่ย 2 ถึง 6 เดือน
6. ในกรณีที่ถูกเลิกจ้าง ได้รับเงินชดเชย 50% ของเงินเดือน (สูงสุดไม่เกิน 180 วัน คำนวณจากฐานเงินเดือน 15,000 บาท)
ส่วนสวัสดิการที่ได้จากบริษัทนั้นเป็นประกันกลุ่ม
1. เสียชีวิต ทุพพลภาพ อุบัติเหตุ 300,000 บาท
2. ค่าห้อง&อาหาร / วัน 2,000 บาท
3. ค่าใช้จ่ายทั่วไป 40,000 บาท
4. ค่าผ่าตัด(ตามจริง) 40,000 บาท
5. ค่าแพทย์เยี่ยม 1,400 บาท
6. อุบัติเหตุฉุกเฉิน 24 ชม. 6,000 บาท
7. ผู้ป่วยนอก 30 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 1,000 บาท
มาลีตัดสินใจว่าประกันสุขภาพน่าจะเพียงพอแล้ว แต่ยังเป็นห่วงพ่อแม่หากเกิดเหตุตัวเองต้องจากไปก็อยากทำประกันชีวิตให้พ่อแม่ได้มีเวลาปรับตัว เพราะพ่อแม่ที่ต่างจังหวัดนั้นก็ไม่ได้มีบำนาญอะไร มีเพียงอาชีพทำไร่ทำนาซึ่งแก่ตัวไปก็มีความเสี่ยงที่จะต้องหยุดทำงาน หากถึงเวลานั้นมาถึงจริงอย่างไม่คาดฝันพ่อแม่จะได้ไม่ลำบาก มาลีจึงอยากทำประกันชีวิตทุนซัก 1 ล้านบาทหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น พ่อแม่จะยังเสมือนได้เงินเดือนจากมาลีเดือนละ 5,000 บาท อีกซักราวๆ 20 ปี มาลีตัดสินใจซื้อประกันชีวิตแบบ term fund เนื่องจากเป็นประกันที่จ่ายทิ้งแต่คุ้มครองสูง จ่ายเบี้ยประมาณ 5,000 บาทต่อปี คุ้มครอง 1 ล้านบาท
หลังจากนี้มาลีก็ยังมีเงินเก็บอีกเดือนละ 2,000-3,000 บาท และจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นตามประสบการณ์ ความรู้ความสามารถ บทความต่อไปเราไปดูกันว่าในโลกสินทรัพย์ทางการเงินมีอะไรให้มาลีลงทุนได้บ้าง
อย่างที่ผมเคยบอกไปในบทความก่อนหน้านี้
EP2: บริหารความเสี่ยงก่อนเข้าสนามลงทุน
https://www.blockdit.com/posts/601fc90f34255a0bcee5a6a3
ถ้าเราเตรียมรากฐานของตัวเองยังไม่เสร็จ ซักวันที่เงินเราร้อนขึ้นมาก็ต้องออกจากสนามลงทุนก่อนเวลาอยู่ดี หวังว่าวันนี้จะเห็นภาพมากขึ้นครับ ที่สำคัญรู้แค่ไหนก็เริ่มทำแค่นั้น ไม่จำเป็นต้องรอให้ทุกอย่างพร้อมค่อยเริ่ม อย่างเรื่องตั้งเงินสำรองวันนี้เราก็สามารถเริ่มวางแผนกันได้ทันที
เนื้อหาของมาลีนั้นเป็นเพียงตัวอย่างวิธีวางแผนการเงินส่วนบุคคล เราเชื่อว่าชีวิตของแต่ละคนมีความต้องการและความจำเป็นที่แตกต่างกัน ลองเปลี่ยนพ่อแม่ของมาลี เป็นลูกของเรา บางคนมีหนี้ บางคนปลอดภาระ ดังนั้นทุกคนมีโจทย์และแผนที่ไม่อาจลอกกันได้ ต้องลองทบทวนชีวิตของตนเองดูครับ
“May the Wealth be with You”
— Machine Logic —
https://www.facebook.com/machinelogics
บันทึก
1
5
1
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย