17 ก.พ. 2021 เวลา 00:00 • กีฬา
#วันของเอริค
โดย มิสมาต้า
เอริค คันโตนา คือ เดอะคิงออฟแมนเชสเตอร์
แต่อีกหนึ่ง เอริค คือปูชนียบุคคล
⚽️⚽️⚽️
"เอริค แฮร์ริสัน คือ หนึ่งในโค้ชที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนนึงในยุคของพวกเรา"
ไม่เคยมีครั้งใดที่ เซอร์ ​อเล็กซ์​ เฟอร์กูสัน​ จะไม่เคยชื่นชมคุณครูของทีมเยาวชนคนนี้
เอริค แฮร์ริสัน ถูก รอน แอ็ตกินสัน เป็นผู้พามาเข้าทีมตั้งแต่ปี 1981 และ เป็นผู้ที่ขัดเกลานักเตะเยาวชนของ แมนเชสเตอร์​ ยู​ไนเต็ด​ ในยุค 80s จนถึง 90s ได้มากมายหลายคน
ในการเปลี่ยนแปลงเมื่อกลางฤดูกาล​ 1986/1987 เมื่อสองแชมป์​บอลถ้วยอย่าง เอฟเอ คัพ กับ การติดท็อปโฟร์​ 5 ฤดูกาล ไม่ทำให้ผู้บริหาร​มองเห็นอนาคตของทีมอีกต่อไป
เมื่อ รอน แอ็ตกินสัน เป็นฝ่ายเดินจากไปอย่างไม่เต็มใจ​ แล้วก็เป็น อเล็กซ์​ เฟอร์กูสัน​ ที่เพิ่งพา สกอตแลนด์​ ตกรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลก ปี 1986 เข้ามารับงานร้อนนี้แทนในช่วงกลางฤดูกาล
เอริค กับโรงเรียนเยาวชนของเขา จึงเกิดเครื่องหมายคำถามว่าจะต้องไปตามเจ้านายเก่าที่เป็นคนพาเข้ามาอยู่ที่นี่หรือไม่
การพบกันครั้งแรกของสองว่าที่ผู้สร้างตำนานแห่งแมนเชสเตอร์​ คือ สิ่งที่ เอริค เรียกว่า ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง​ประวัติศาสตร์ของสโมสร​ที่แท้ทรู
เมื่อบอสคนใหม่ถามคำถามกึ่งท้าทายแรกด้วยการโยนไฟเข้ามาใส่คนถูกถามว่า "ทีมเยาวชนของเรายังไม่ดีพอ ผมต้องการมากกว่านี้"
เอริค สวนกลับไปแบบเอาเรื่องว่า
"คุณก็จัดหานักเตะเยาวชนดีๆ มาให้ผมมากขึ้นกว่านี้สิ แล้วผมจะปั้นส่งขึ้นไปให้ทีมของคุณ เหมือนกับที่ผมเคยทำมาแล้ว"
โดยคุณตาแกบอกว่า เด็กๆ ของแกที่จัดการปลุกเสกความเป็นเด็กผีส่งขึ้นไปเล่นให้ทีมชุดใหญ่นั้น หลายคนไม่ใช่นักเตะเกรดไก่กาอราบิก้าเลยนะ
เมื่อมองไปที่ สตีฟ คอปเปล นอร์แมน ไวท์​ไซด์ หรือ มาร์ค ฮิวจ์ส ที่ทุกคนไปได้ไกลจนติดทีมชาติบ้านเกิดครบทุกคน จนคนปั้นแสนจะภาคภูมิใจ​ในผลงานของตัวเองในตอนนั้นมากๆ
ซึ่งคุณป๋าที่ชอบอยู่แล้วเรื่องแผนงานเยาวชน ท่านจึงเรียกแมวมองมาประชุม จนได้เห็นว่าจำนวนแมวมีจำนวน และเครือข่ายที่น้อยเกินไป
จึงได้จัดการส่งเรื่องไปที่ฝ่ายบริหาร เพื่อขอให้ลงทุนจ้างแมวมองเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม รวมทั้งขยายศูนย์ฝึก และปรับอุปกรณ์​ให้ทันยุคมากขึ้น
⚽️⚽️⚽️
คลาสออฟ 92 คือความดีงามที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย​ แต่คุณตาเอริคไม่เคยที่จะยกย่องแค่เด็กในโมเดลลิ่งกลุ่มนี้เท่านั้น
คุณตายังชื่นชมละอ่อนน้อยของแกทั้งรุ่นก่อนหน้า และ รุ่นหลัง แบบไม่มีใครต้องมานั่งน้อยใจที่เกิดมามีวาสนาไม่เท่ากัน
ซึ่งทุกสิ่งอย่างที่คุณตาคอยปลูกฝังทัศนคติให้เด็กๆ มิสอ่านแล้วเข้าใจว่ามีความละม้ายกับสมัยของคุณทวด จิมมี เมอร์ฟี แห่งบัสบีเบ๊บ แบบเด๊ะๆ เลยค่ะ
เพราะแกไม่ใช่คุณครูที่สอนแต่ศาสตร์ทางฟุตบอลเท่านั้น แต่แกยังสอนความรู้รักสามัคคี​ รวมทั้งสอนการใช้ชีวิตให้สมวัย และสอนให้รู้จักความรับผิดชอบในการใช้ชีวิตอีกด้วย
ดังคำสอนที่ว่า
"เรื่องการเล่นเป็นทีม คือเรื่องใหญ่​ที่ผมให้ความสำคัญ​มากๆ ผมจับเด็กๆ มาฝึกซ้อมในเรื่องนี้บ่อยจนหลายคนบ่นว่า ผมจะรีบยัดเยียด​เรื่องพวกนี้ให้เด็กพวกนี้ไปทำไม เด็กๆ ยังไม่ทันโตดีเลย จะเข้าถึงดีเทลอันแสนละเอียดพวกนี้เหรอ
ผมก้อแค่ตอบกลับไปว่า ก้อถ้าไม่อยากให้ไอ้แอ๊ดพวกนี้ (ชอบคำนี้ ขอใช้สักครั้งนะคะ)​ มันใบ้แดกเวลาขึ้นไปเล่นชุดใหญ่จนเสียเด็กก่อนวัยอันควร ผมว่าวัยนี้แหล่ะเหมาะสุดๆ ที่จะสอนแล้ว
การออกไปเล่นเกมชุดใหญ่ที่มีคนดูหลายหมื่นคนอ่ะนะ สิ่งที่สำคัญมากที่สุดก็คือเรื่องความมั่นใจ ถ้าเด็กๆ เตรียมตัวมาดี รับรองได้ว่าความประหม่า​จะทำอะไรเด็กพวกนี้ไม่ได้แม้แต่นิดนึง"
⚽️⚽️⚽️
ในช่วงบั้นปลายชีวิต คุณตาเอริคมีอาการอัลไซเมอร์เข้ามาคุกคาม จนแกจำอะไรในอดีตแทบไม่ได้เลย ซึ่งรวมถึงฟุตบอลที่เป็นแทบจะทั้งชีวิตของแก
แต่ในบางครั้งที่เสี้ยวความทรงจำนั้นจะผุดออกมา คุณตาก็จะสามารถนึกเรื่องราวในสนามฟุตบอล รวมทั้งลูกศิษย์ของแกได้เรื่อยๆ ตามที่สมองจะมีความเมตตา​ปราณี​ให้
ครอบครัวของคุณตาเล่าว่า ทันทีที่ข่าวการป่วยของครูผู้ปั้นหลุดออกไปถึงหูอดีตลูกศิษย์​ เหล่าศิษย์เก่า​ของแกจะแวะเวียนมาเยี่ยมเยียน ไม่ว่าจะศิษย์คนดัง หรือ ไม่ดัง ที่ต่างสลับกันมาเยี่ยมจนสร้างรอยยิ้มให้ครูของตัวเองได้
แม้ว่าแกจะลืมไปแล้วว่าชื่อของนักเตะที่แกพูดถึงบางคน จะเป็นคนเดียวกันกับอดีตลูกศิษย์​ที่เดินทางมาเยี่ยม แล้วแกได้ถามว่า "ไอ้หนู เอ็งเป็นใครวะ" ขณะนั่งฟังแกขุดเรื่องเก่าๆ มาเล่าให้ฟัง
จริงอยู่ที่เรื่องเล่านั้นพรั่งพรู​ออกมาจากความทรงจำแบบอัตโนมัติ​ แต่แววตาของคนเล่ายังคงมีแววของความภูมิใจ​ และ คนฟังมีความสุข​ร่วมไปด้วยเมื่อได้ย้อนเวลาไปหาอดีตที่เบาบางไปแล้ว
ผลงานที่คลาสออฟ 92 ร่วมกันสร้างสรรค์ ทุกคนต่างก็ทราบอยู่แก่ใจกันดีว่า ไม่ใช่เพียงแมนเชสเตอร์​ ยู​ไนเต็ด​เท่านั้นที่ได้รับผลบุญนี้ไป
แต่วีรกรรม​ทำเพื่อชาติตลอดสิบกว่าปีที่นักเตะที่เคยถูกตราหน้าว่า "กลุ่มเด็กกลุ่มนี้จะไม่มีวันชนะอะไร" ก็ทำให้ทุกคนได้ทราบกันดีว่าเป็นกำลังหลักของทีมชาติอังกฤษกันยกค่าย
แต่ก็ต้องรอจนปี 2018 คุณ​งามความดีที่คุณตาปั้นเพื่อชาติ จึงได้ไปเข้าตากรรมการ ให้ได้ระลึกว่าผลงานการปั้นนี้มีคุณค่า​อย่างแท้จริง
จนมีการมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์​ชั้น MBE มาให้ในที่สุด แม้ว่าคุณตาจะไม่ได้อยู่ในจุดที่รับรู้ว่ารางวัลนี้ยิ่งใหญ่มากเพียงใดในทางสังคม แต่อย่างน้อยๆ ท่านก็ได้รับรางวัลที่ควรจะได้ในวันที่ยังมีชีวิตอยู่
คำกล่าวระลึกถึงของคุณป๋าในพิธีศพของคุณตาเอริคเมื่อปี 2019 มีใจความดีๆ ที่ว่า
"ผมรู้สึกโชคดีที่มีเอริค เป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนาเยาวชน แน่นอนว่าทุกขั้นตอนของเค้าอยู่ในสายตาของผมตลอด ผมจึงทราบดีว่า เอริค ได้ทำเพื่อพวกเรามากมายแค่ไหน
ไม่ใช่แค่คลาสออฟ 92 เท่านั้นแต่ เอริคได้ผลิตนักเยาวชนชั้นยอดขึ้นมามากมาย
ซึ่งนอกจากคาแรคเตอร์ของนักสู้แห่งยูไนเต็ด​แล้ว เอริคยังช่วยให้ดาวรุ่งทุกคนพร้อมที่จะก้าวไปสู่อนาคตที่ดี ผ่านการสอนสั่งในเรื่องการใช้ชีวิตอีกด้วย ซึ่งคำสอนเหล่านี้ไม่ได้หากันได้ง่ายๆ
เอริคจึงเป็นเสมือนคุณครูผู้เป็นดั่งเทียน ที่ส่องให้นักเรียนของเค้าได้มองเห็นเส้นทางอย่างชัดเจน
ด้วยการทำงานอย่างหนัก และความเสียสละทุกสิ่งที่เขาสอนสั่งให้กับเด็กๆ จึงทำให้ผมต้องบอกกับพวกคุณว่า เอริคเป็นหนึ่งในโค้ชที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของเรา"
รวมทั้งลูกศิษย์รุ่นแรกอย่าง นอร์แมน​ ไวท์​ไซด์ ก็ได้ออกมาพูดสั้นๆ ว่า
"ถึงเอริคจากไปแล้ว แต่ผลงานของเขาจะคงอยู่ตลอดไป ผมเชื่อว่าเด็กๆ ทุกคนจะคิดเหมือนกันกับผมนี่แหล่ะ
ส่วนหนึ่งของชีวิตผมคือฟุตบอล​ และผมยังใช้ชีวิตหลังเลิกเล่นฟุตบอล​ด้วยคำสอนของเอริค อย่างระมัดระวัง​ตลอดมา"
⚽️⚽️⚽️
เกิดวันที่ 5 ตายวันที่ 13
และเขียนเรื่องนี้ในวันวาเลนไทน์
ด้วยความระลึกถึงค่ะ
#มิสมาต้า #แมนยู #เอริคแฮร์ริสัน #พรีเมียร์ลีก #ข่าวบอล #ผลฟุตบอล #ผลบอล #ฟุตบอล #Football #Soccer #PlayNowThailand #KhelNowThailand
อัพเดตข่าวสารกีฬา
พร้อมมีของรางวัลพิเศษให้ร่วมสนุกกันเป็นประจำ
ร่วมไลค์ ร่วมแชร์ Play Now Thailand
ฝากติดตาม https://www.youtube.com/c/KhelNowThailand

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา