20 ก.พ. 2021 เวลา 03:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Snowpiercer
(2013)
1
Snowpiercer
" คิดว่าแค่ได้เศษแท่งโปรตีนจากพวกหัวขบวนนี่เรียกว่าความเมตตาแล้วหรอ!? "
" ลืมตาตื่นซะเถอะ! พวกแกน่ะมันเป็นแค่ทาส! "
วันนี้ผมขอนำเสนอหนังAction Drama ที่โคตรเดือดที่สุดเรื่องหนึ่งจากปี 2013 หนึ่งในหนังที่แฝงไปด้วยประเด็นสุดหนักอึ้งในโลกใบนี้
'Snowpiercer'
และประเด็นหลักที่หนังเรื่องนี้นำเสนอคือ 'อิสรภาพ' และ 'ความเป็นมนุษย์'
หนังเรื่องนี้เป็นแนว Action Drama กำกับโดย Bong Joon Ho ผู้กำกับหนังดังรางวัลOscarปีล่าสุดอย่าง Parasite
ตัวหนังได้นักแสดงระดับท็อปอย่าง Chris Evans (คริส อีแวนส์) หรือที่เรารู้จักในนาม 'Captain America' จาก Marvel Cinematics Universe มาเป็นพระเอกของเรื่อง ซึ่งเรื่องนี้พี่แกแสดงได้เยี่ยมสุดๆไปเลย
คริส อีแวนส์ (นั่งลงไอ้นักโทษ!)
เรื่องราวจะกล่าวถึงโลกหลังยุคล่มสลายเนื่องจากความพยายามหยุดภาวะโลกร้อนนั้นประสบความล้มเหลว ทำให้โลกทั้งใบถูกเปลี่ยนเข้าสู่ยุคนํ้าแข็งอีกครั้ง ทางรอดเดียวของมวลมนุษยชาติคือการขึ้นรถไฟขบวนสุดท้ายที่สร้างโดยมหาเศรษฐีนามว่า Wilford (วิลฟอร์ด) รถไฟขบวนนี้จะวิ่งวนไปตามเส้นทางรอบโลก บนรถไฟนั้นจะมีอาหารและระบบสาธารณูปโภคครบทุกอย่าง แต่ก็ใช่ว่าทุกคนนั้นจะได้ขึ้นรถไฟขบวนนี้ ตั๋วที่นั่งบนรถไฟนั้นถูกเปิดขายให้แค่บุคคลสำคัญของโลกและมหาเศรษฐีเท่านั้น นั่นหมายความว่า ถ้าคุณไม่มีชื่อเสียงมากพอหรือไม่มีเงินมากพอ คุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้ขึ้นรถไฟขบวนนี้! (Auto death นั่นแหละ)
ขบวนรถไฟที่ยังคงวิ่งอยู่ แม้ว่าโลกภายนอกจะล่มสลาย
แต่แล้วเมื่อข่าวของรถไฟขบวนนี้หลุดออกไป ประชาชนทั้งที่มีตั๋วและไม่มีตั๋วต่างพากันแห่ไปแย่งขึ้นรถไฟ ทุกคนต่างต่อสู้กันเพื่อที่จะได้ขึ้นไปบนรถไฟ จากการชุลมุนกลายเป็นการจราจล บ้างก็ขึ้นไปได้สำเร็จ บ้างก็ถูกหน่วยรักษาความปลอดภัยยิงตาย ส่วนคนที่ขึ้นไปไม่ได้ก็ทำได้แค่รอคอยความตายอย่างเดียว
2
เมื่อรถไฟออกเดินทาง มีการจัดระเบียบขึ้นในรถไฟ ถ้าในโลกปกติคุณมีเงินเยอะหรือเป็นบุคคลสำคัญก็จะได้อยู่ใน'หัวขบวน' ไล่ระดับลงมาหน่อยก็จะอยู่กลางขบวน ส่วนพวกที่ลักลอบขึ้นมาได้ก็จะถูกต้อนไปอยู่รวมกันที่'ท้ายขบวน'ซึ่งก็คือกลุ่มประชากรที่มีมากที่สุดเช่นกัน
พวก'ท้ายขบวน'นั้นไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรเลย ชีวิตวันๆของพวกเขานั้นรอคอยแค่'เศษแท่งโปรตีน'ที่พวก'หัวขบวน'นำมาแจก พวกเขาถูกปฏิบัติราวกับว่าเป็นแค่ทาส ชีวิตของพวกเขาไม่มีความหมายอะไรทั้งสิ้น เมื่อพวก'หัวขบวน'สั่งอะไรมาพวกเขาก็ต้องทำตาม มิเช่นนั้นพวก'หัวขบวน'จะลงโทษโดยการส่งกองกำลังติดอาวุธมาตบหรือใช้วิธีการลงโทษที่โหดร้ายทารุณ อาทิเช่น การบังคับยื่นแขนออกไปนอกขบวนให้แขนเกิดอาการแช่แข็ง ก่อนจะใช้ค้อนทุบให้แขนแตกเป็นชิ้นๆ
นับวันพวก'ท้ายขบวน'นั้นต้องอดทนอดกลั้นกับความรู้สึกคับแค้นในใจที่เป็นฝ่ายถูกกระทำมาโดยตลอด ไฟในใจของพวกเขาลุกโชน ความเดือดดาลของพวกเขานั้นพร้อมที่จะระเบิดออกมาตลอดเวลา
" มันต้องเอาคืน! "
นี่คงเป็นสิ่งที่อยู่ภายในใจของพวก'ท้ายขบวน'ทุกคน และแน่นอนทุกคนย่อมมีจุดแตกหักหรือจุดเดือดของตัวเอง กาลเวลาผ่านไป โถมไปด้วยไฟภายในจิตใจของแต่ละคน พวก'ท้ายขบวน' จึงลุกขึ้นทำการ'ก่อกบฎ'
" หยั่งงี้ต้องปฎิวัติ! "
1
แน่นอนพวกเขาโดนพวก'หัวขบวน'ตบเรียบ พวก'หัวขบวน'นั้นมีทั้งอาวุธปืนและอาวุธระยะประชิด' แล้วพวก'ท้ายขบวน'ล่ะมีอะไร?
" มีแค่มือเปล่ากับส้นตี*ยังไงล่ะ! "
1
หนึ่งในกองกำลังติดอาวุธของพวก'หัวขบวน'
พวกเขาพยายาม'ก่อกบฎ'อีกหลายครั้ง แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้ง สองมือกับสองเท้าจะไปสู้ลูกปืนได้ยังไง? แต่แล้ววันหนึ่งทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยนไป เมื่อชายผู้หนึ่งนามว่า 'เคอร์ติส' (คริส อีแวนส์) นั้นมองเห็นถึงโอกาสบางอย่างที่คนอื่นมองไม่เห็น
" พวกมันไม่มีกระสุน! "
และเรื่องราวการลุกขึ้นสู้ของพวก 'ทาส' ก็ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้มันจะไม่จบเหมือนเดิม..
" ถ้าไม่ลุกขึ้นสู้.. ก็จงอยู่อย่างทาสต่อไป! "
1
เคอร์ติสและพวกพ้องยืนประจันหน้าพร้อมบวกกับอีกฝ่าย
ความรู้สึกแรกเลยที่ขอพูดถึงเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ นี่เป็นหนังที่อัดประเด็น'ความเป็นจริง'ที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ และยังเกิดขึ้นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกดขี่ข่มเหง การแบ่งชนชั้นในสังคม การดูถูกเหยียดหยามผู้ที่เราคิดว่าต่ำต้อยกว่า หนังเรื่องนี้สามารถเล่าทุกประเด็นที่กล่าวมา(และไม่ได้กล่าวถึง)ได้อย่างดีเยี่ยม
2
ประเด็นในหนังที่ผมอยากพูดถึงประเด็นแรกคือ'ความเป็นมนุษย์'ภายในเรื่อง เคอร์ติสนั้นคือผู้นำพวกกลุ่มคน'ท้ายขบวน'ที่นำพาผู้คนต่อสู้เพื่อปลดแอกตัวเองจากโลกที่พวก'หัวขบวน'สร้างขึ้น เขาต้องการเรียกคืน'ความเป็นมนุษย์'ให้กับกลุ่มคน'ท้ายขบวน' ผู้คนต่างคาดหวังและภูมิใจในตัวเขา พวกเขานั้นต่างยอมสู้ตายไปกับตัวเคอร์ติสด้วยความคิดที่ว่า "เพราะนี่คือฮีโร่ผู้กอบกู้" แต่ในทางกลับกันตัวของเคอร์ติสนั้น จะเรียกว่าเป็นแบบอย่าง'ความเป็นมนุษย์'ที่ดีเต็มปากก็ไม่ได้ เพราะในอดีตนั้น ครั้งหนึ่งตัวเขาเองก็เคยละทิ้ง'ความเป็นมนุษย์'ไปแล้ว
1
" นายรู้ไหมชั้นเกลียดอะไรเกี่ยวกับตัวชั้นเอง? "
" ชั้นรู้ว่าเนื้อคนรสชาติเป็นยังไง "
" ชั้นรู้ว่าเนื้อเด็กทารกอร่อยที่สุด "
คำสารภาพของเคอร์ติส
อีกประเด็นต่อมาที่ผมอยากพูดถึงคือ ประเด็น'ความจริง'เกี่ยวกับ'หัวขบวน'และ'ท้ายขบวน' เมื่อเคอร์ติสสามารถบุกตลุยไปถึงหัวขบวนได้นั้น เขาได้พบกับ'ความจริง'ของโลกภายในรถไฟเกี่ยวกับ'หัวขบวน'และ'ท้ายขบวน' เขารับมันไม่ได้และแทบจะเสียสติไปเลย (ขออนุญาติไม่สปอยนะครับ เพื่อผู้อ่านที่ยังไม่ได้รับชม) นี่คงเป็นบทเรียนสำคัญให้กับเคอร์ติสและคนดูอย่างยิ่งว่า ทุกสิ่งที่เราเห็น ทุกสิ่งที่เราคิด เราได้วิเคราะห์มันอย่างดีแล้วรึเปล่า ความเป็นจริงเบื้องหลังที่เราไม่รู้มาก่อนอาจจะไม่ได้เป็นแบบที่เราคิดก็ได้ มันจึงทำให้ผมฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเวลาที่เราคิดว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งถูกต้องนั้น มันถูกต้องจริงๆแล้วใช่ไหม?
" ในเรื่องที่ดี ย่อมมีเรื่องที่เลวร้าย "
" ในเรื่องที่เลวร้าย ย่อมมีเรื่องที่ดี "
" มีสีขาวย่อมมีสีดำเสมอ "
1
เคอร์ติส ณ หัวรถจักร
สุดท้ายนี้ผมอยากจะบอกว่า ผมเคยดูหนังเรื่องนี้ครั้งแรกตอนที่หนังออกมาใหม่ๆ ความรู้สึกตอนนั้นผมคิดแค่ว่า "เอ้ย หนังสนุกว่ะ!" แต่เมื่อสิ้นปี 2020 ผมได้กลับมาดูหนังเรื่องนี้อีกรอบ ความรู้สึกครั้งนี้มันแตกต่างไปจากเดิม อาจจะเป็นเพราะเราโตขึ้น ได้เห็น'ความเป็นจริง'ของโลกใบนี้มากขึ้น มันจึงทำให้เราซึมซับหลายๆประเด็นของหนังได้มากขึ้น ผมเชื่อว่าถ้าท่านผู้อ่านได้มีโอกาสกลับมาดูหนังเรื่องนี้อีกครั้ง ก็คงจะรู้สึกเหมือนกันไม่มากก็น้อย
1
ใครที่ยังไม่ได้มีโอกาสดูหนังเรื่องนี้ แนะนำว่าท่านไม่ควรพลาดครับ นี่คือหนึ่งในหนังยอดเยี่ยมขึ้นหิ้งเรื่องหนึ่งเลย (แต่ถ้าดูแล้ว ดูอีกก็ได้นะ)
Movie Trailer,
โฆษณา