17 ก.พ. 2021 เวลา 13:15 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
บ็อกซ์ ออฟฟิศอเมริกาเหนือ สุดสัปดาห์วันประธานาธิบดี The Croods 2 ทำเซอร์ไพรส์ ขึ้นอันดับ 1 เอาชนะหนังใหม่ Judas and the Black Messiah
The Croods: A New Age ของดรีมเวิร์คส์แอนิเมชัน ก้าวขึ้นอันดับ 1 หนังทำเงินอเมริกาเหนือในสัปดาห์เหงาๆ โดยทำรายได้กว่า 2 ล้านเหรียญจากการฉายมาเป็นสัปดาห์ที่ 12 หนังที่เปิดตัวตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา ทำเงินไปแล้วในตอนนี้กว่า 49 ล้านเหรียญ และกำลังมองไปถึงการทำรายได้ถึง 2.7 ล้านเหรียญ ในสุดสัปดาห์ของวันประธานาธิบดี ซึ่งหนังจะเปิดฉายถึง 1,890 โรง
แม้รายได้ของหนังจะไม่มากนัก แต่ก็มากพอที่จะขัดขวางไม่ให้หนังเข้าใหม่ Judas and the Black Messiah ที่ว่าด้วยผู้นำของกลุ่มแบล็ค แพนเธอร์ - เฟร็ด แฮมป์ตัน ที่ทำรายได้ 2 ล้านเหรียญ จาก 1,888 โรง และได้รับคำวิจารณ์ที่ดีมาก ขึ้นอันดับ 1 สำเร็จ และน่าจะปิดสุดสัปดาห์ด้วยอันดับที่สองหรือสาม โดยทางวอร์เนอร์ บราเธอร์ส เปิดตัวหนังเรื่องนี้ทั้งในเอชบีโอแม็กซ์และในโรงภาพยนตร์พร้อมๆ กัน ตามที่ Wonder Woman 1984 และ The Little Things หนังระทึกขวัญที่นำแสดงโดยเดนเซล วอชิงตันเริ่มต้นเอาไว้
Judas and the Black Messiah ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นหนังเรื่องสำคัญในช่วงเทศกาลรางวัลของปีนี้ โดยที่น่าจะเข้าตาผู้ลงคะแนนเสียงรางวัลออสการ์ของหนังก็มี นักแสดงของหนัง แดเนียล คาลูยา, โดมินิคว์ ฟิชแบ็ค และลาคีธ แสตนฟิลด์ รวมไปถึงงานร่วมเขียนบทและกำกับของ ชากา คิง และเป็นไปได้ว่าจะเข้าชิงรางวัลหนังยอดเยี่ยมด้วย ซึ่งถ้าทำได้ Judas and the Black Messiah จะกลายเป็นหนังประวัติศาสตร์ทันที เพราะจะเป็นหนังเรื่องแรกที่ทำโดยคนผิวดำล้วนๆ ที่ได้เข้าชิงรางวัลสูงสุดของออสการ์ ทางสตูดิโอยังยิ้มได้กับคะแนนของหนังจากซีนีมาสกอร์ รวมไปถึงคำชื่นชมในสื่อสังคมออนไลน์ และน่าจะทำให้ Judas and the Black Messiah มีอายุยืนยาวในบ็อกซ์ออฟฟิศ แม้จะออกสตาร์ตได้ไม่ดีนักก็ตาม
The Little Things ที่ฉายมาเป็นสุดสัปดาห์ที่สาม น่าจะทำเงินได้อีก 2 ล้านเหรียญ และน่าจะจบสุดสัปดาห์ที่มีวันหยุดยาวด้วยการมีเงินในกระเป๋าเพิ่มอีก 2.4 ล้านเหรียญ ซึ่งหมายความหนังจะบี้กับ Judas and the Black Messiah เพื่อช่วงชิงอันดับสอง หนังทำรายได้รวมไปแล้ว 10.6 ล้านเหรียญจากการฉายในโรงภาพยนตร์เป็นสัปดาห์ที่สาม ขณะที่หนัง Wonder Woman 1984 ทำเงินได้อีก 1.1 ล้านเหรียญ และน่าจะจบสุดสัปดาห์นี้ด้วยอันดับสี่หรือห้า นับตั้งแต่เปิดตัวในโรงภาพยนตร์พร้อมกับเอชบีโอแม็กซ์เมื่อวันคริสต์มาส มาถึงตอนนี้ หนังทำเงินไปแล้ว 41.8 ล้านเหรียญ
The Marksmen ของโอเพน โรด ยังอยู่ในท็อปไฟว์ เมื่อทำรายได้มาอีก 1.1 ล้านเหรียญ และหากรวมรายได้ทั้งหมดในช่วงสุดสัปดาห์วันประธานาธิบดี หนังน่าจะทำเงินราวๆ 1.3 ล้านเหรียญ หนังทำรายได้รวมทั้งหมด 10.6 ล้านเหรียญ จากการฉายทั้งหมดห้าสัปดาห์
สภาพที่ขาดแคลนรายได้เป็นกอบเป็นกำของบ็อกซ์ออฟฟิศในอเมริกาเหนือ เป็นผลกระทบอย่างรุนแรกงจากการระบาดของโคโรนาไวรัส ที่ส่งผลให้โรงภาพยนตร์ในนิว ยอร์กและลอส แองเจลีสยังคงต้องปิดทำการ นอกจากนี้โรงภาพยนตร์ยังเจอกับพายุฤดูหนาวกระหน่ำซ้ำ โดยเฉพาะในแถบตะวันตกตอนกลางไล่ไปจนถึงตะวันออกเฉียงเหนือ ยังดีที่โรงภาพยนตร์ในชิคาโกและพอร์ตแลนด์ กลับมาเปิดให้บริการกันได้อีกครั้ง ทำให้พอมีรายได้กลับมาบ้างในสภาพอากาศแปรปรวนแบบนี้
ยังมีหนังอีกหลายเรื่องที่กล้าเปิดตัวในสภาพที่ตลาดย่ำแย่อย่างที่สุด โฟกัส ฟีเฌอร์ส เปิดตัว Land หนังที่เป็นงานกำกับเรื่องแรกของโรบิน ไรท์ ใน 1,231 โรง และทำรายได้ 940,000 เหรียญ โดยหากนับรายได้สี่วัน หนังน่าจะทำรายได้ถึง 1.1 ล้านเหรียญสำเร็จ หนังเป็นงานดรามาที่ว่าด้วยผู้หญิงคนหนึ่งที่ฟื้นจากสภาพเฉียดตาย หนังเปิดตัวในเทศกาลหนังซันแดนซ์เมื่อต้นปีนี้ด้วยคำวิจารณ์ที่ดีมากๆ
The Mauritanian ของเอสทีเอ็กซ์ หนังดรามาที่มีที่มาจากเรื่องจริงทางกฏหมาย ทำรายได้ราวๆ 144,000 เหรียญจาก 245 โรง และน่าจะทำรายได้สี่วันที่ 170,000 เหรียญ หนังนำแสดงโดยทาฮาร์ ราฮิม และโจดี ฟอสเตอร์ ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่ถูกกักขังที่กวนตานาโม โดยปราศจากการถูกตั้งข้อหาว่าก่ออาชญากรรม
และหนัง The World to Come ของบลีเกอร์ สตรีท หนังดรามาย้อนยุค ที่ว่าด้วยหญิงสาวสองคน (วาเนสซา เคอร์บี และแคเธอรีน วอเตอร์สตัน) ที่มีเรื่องราวโรแมนติกกันขณะที่ใช้ชีวิตแถบชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกาในศตวรรษที่ 19 หนังเปิดตัวด้วยรายได้ 42,552 เหรียญ และน่าจะทำได้ถึง 48,935 ในช่วงหยุดยาว
มาถึงตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณแห่งความหวังสำหรับธุรกิจโรงภาพยนตร์ ที่ต้องทนกับการสูศยเสียทางเศรษฐกิจมาแล้วเกือบๆ 1 ปี ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ยังไม่มีแนวทางความช่วยเหลือปรากฏให้เห็น หนังบล็อคบัสเตอร์กลุ่มใหญ่ที่เคยวางกำหนดฉายในช่วง 6 เดือนแรกของปี ไม่ว่าจะเป็น No Time to Die, F9 และ Black Widow ล้วนขยับวันฉายออกไป หรือได้รับการคาดหมายว่าน่าจะเลื่อนฉาย จนกว่าคนกลุ่มใหญ่ของประเทศจะได้รับการฉีดวัคซีน และโรงภาพยนตร์ในเมืองใหญ่ๆ สามารถเปิดให้บริการได้ ซึ่งในตอนนั้นน่าจะมีโรงหนังที่รอดตายไม่มากนักในสหรัฐอเมริกา
อ่านแล้วชอบ อย่าลืมกดติดตาม และยังมีเรื่องราวมากมายให้อ่านได้ที่ www.sadaos.com และทำความรู้จักกันได้มากกว่านี้ด้วยการกดไลค์เพจ www.facebook.com/Sadaos และ www.blockdit.com/sadaos
#MovieStory: ดิสนีย์พลัส เดินหน้าต่อแบบรุกกระหน่ำ ด้วยการเปิดหนังและซีรีส์ ทั้งในฝั่งมาร์เวล และสตาร์วอร์ส, พิกซาร์, ดิสนีย์ เพียบ เรื่องยาวๆ ที่ทำให้รู้จักสตรีมิงเจ้าใหม่ ที่กำลังจะเปิดบริการในบ้านเราเร็วๆ นี้....

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา