17 ก.พ. 2021 เวลา 09:06 • ไลฟ์สไตล์
The Intern
หนังฟีลกู้ดที่เล่าเรื่องราวของคนต่างวัยที่สอนให้เรารู้ว่ามิตรภาพขึ้นได้กับทุกคนไม่ใช่เพียงเพื่อนในวัยเดียวกับคุณเท่านั้น แม้ว่าจะดูอีกกี่ครั้ง ก็ยังอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะหนังได้นำเสนอมิตรภาพของคนสองคนที่มีความห่างของอายุ หรือ gap generation ที่เรามองดูแล้วการเป็นเพื่อนกับคนที่มีอายุห่างกับเรามากๆ จะเป็นเรื่องที่ impossible เพราะ ต่างอายุ ต่างความคิด ต่างวิถีชีวิต จะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างไร? แต่หลังดูหนังเรื่องนี้คุณอาจจะอยากมีเพื่อนอายุ70ปีก็ได้นะ
แม้ว่าช่วงแรกจูลส์ หญิงสาวที่เปรียบเสมือนตัวแทนของผู้หญิงสมัยใหม่ เป็น working women มีความคิดที่ทันสมัย ปลาดเปรียวและชอบทำอะไรหลายๆอย่างจนดูวุ่นวายไปหมด เช่นเดียวกับลูกน้องในบริษัทของเธอที่มักจะต้องทำงานแข่งกับเวลาอยู่เสมอ นอกจากนี้จูลส์ยังมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีนักกับพ่อแม่ของเธอ จะเห็นได้ว่าเธอไม่ค่อยอยากคุยกับแม่ของเธอนัก นั่นจึงอาจเป็นสาเหตุที่จูลส์ไม่ต้องการให้คนสูงวัยอย่างเบ็น มาเป็นเด็กฝึกงานของเธอ เพราะเธอมีทัศนคติต่อคนสูงวัยไปในทางลบตั้งแต่พ่อแม่ของเธอแล้ว และเธอก็ยังเป็นคนที่รักความเป็นส่วนตัวมากๆอีกด้วย เธอจึงพยายามย้ายเบ็นให้ไปทำงานตำแหน่งอื่น
แต่แล้วจูลส์ก็ค่อยๆเห็นมิตรภาพที่เบ็นมอบให้ ตั้งแต่ตอนที่เบ็นช่วยเก็บกวาดโต๊ะทำงานที่รกตลอดเวลาที่เธอมองมัน เบ็นคอยห่วงใยใส่ใจจูลส์ แอบสังเกตุเห็นคนขับรถของเธอดื่มเบียร์ จึงอาสาขับรถให้เธอเพราะกลัวจะเป็นอันตรายต่อเธอหากปล่อยให้คนเมาขับรถให้ เบ็นคอยพูดให้กำลังใจจูลส์ตอนที่เธอต้องไปพบกับผู้สมัคร CEO หรือแม้แต่ช่วงเวลาที่จูลส์ต้องการใครสักคนอยู่ข้างๆเธอ เบ็นก็เป็นคนๆนั้นที่คอยรับฟังเธอ จนในที่สุดจูลส์ต้องยอมรับว่าเบ็นเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอเลย ดังที่เธอกล่าวตอนท้ายๆเรื่องว่า “I came here because you are my intern and my best friend. It’s the moment like this when you need someone you know you can count on” เบ็นเป็นเพื่อนที่ดี ให้ความจริงใจ พูดในสิ่งที่ดีต่อจูลส์ ดังเช่นตอนที่ เขาไปงานโรงเรียนลูกของจูลส์และคุยกับพวกแม่ๆว่า จูลส์เป็นผู้หญิงที่เก่งเพียงใด และเบ็นทำให้ชีวิตจูลส์เข้าที่เข้าทางมากขึ้น ทำให้จูลส์กลายเป็นคนที่ดีขึ้น เธอใส่ใจผู้อื่นมากขึ้น อ่อนน้อมมากขึ้น จากตอนแรกที่ไม่สนใจใครเลย จำชื่อลูกน้องของตนเองไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่พอเธอเริ่มละลายกำแพงของตัวเองลง เธอก็เริ่มเข้าอกเข้าใจคนอื่นมากขึ้น
นอกจากเรื่องมิตรภาพแล้ว หนังเรื่องนี้ยังได้นำเสนอเรื่อง ความฝัน จะเห็นได้ว่าจูลส์รักงานและบริษัทของเธอมาก และเมื่อเธอต้องมาเจอปัญหาสองอย่างพร้อมกัน นั่นคือ บริษัทของเธอเติบโตเร็วมากเกินไป ผนวกกับสามีนอกใจเธอ ทำให้เธอต้องหา CEO มาช่วยบริหารบริษัทที่เธอรัก เธอเกือบยอมทิ้งความฝันที่จะทำให้บริษัทของเธอเติบโตด้วยตัวเธอเอง ไปให้คนอื่นทำต่อ เพียงเพื่อสามีของเธอจะเลิกมีชู้ แต่ในที่สุดเธอก็เลือกที่จะไม่ทิ้งความฝันนี้ เพราะเธอรู้ว่างานนี้มีความหมายกับเธอมากเพียงใด และยิ่งมีเบ็นมาคอยย้ำเตือนเธอถึงจุดนี้ มันทำให้เธอมั่นใจในอุดมการณ์ของเธอมากขึ้น ดังที่เบ็นพูดว่า “You should feel nothing but great about what you done” นั่นคือเบ็นไม่อยากให้อะไรมาขวางกั้นความฝันของเธอ
หนังเรื่องนี้นำเสนอชีวิตในด้านการทำงาน ในยุคสมัยที่อะไรก็รวดเร็วทันใจ ทำให้ใครหลายๆคนก็เป็นแบบจูลส์ รุ่นใหม่ไฟแรง คือทำอะไรรวดเร็ว กดดันตัวเองเพื่อประสิทธิภาพของงาน อยากจะเติบโตให้เร็วที่สุด แต่ในอีกทางหนึ่ง คนรุ่นเก๋าอย่างเบนก็ยังมีความสามารถที่คนรุ่นใหม่ยังตกหล่นอยู่บ้าง เช่นการมองโลกในสายต่อของคนที่ทำงานมาเกินกว่าครึ่งชีวิต การที่จะไปยังเป้าหมายของทั้งสองจึงต้องร่วมมือกัน ปรับความเข้าใจกันไม่ต่างกับองค์กรต่างๆที่ต้องมีการประสานงานกัน และพูดคุยเพื่อหาวิธีการที่ดีที่สุด
ในส่วนของความดราม่าคอมเมดี้ก็มีให้เห็นตลอดกันทั้งเรื่องแน่นอน ทั้งฮา อบอุ่น และน่ารัก หลังจากดูจบต้องมีคนแอบน้ำตาซึมบ้างล่ะ
หากคุณชอบบทความนี้ กดไลค์ เพื่อเป็นกำลังใจให้เราด้วยนะ ขอบคุณค่ะ 🥰
โฆษณา