17 ก.พ. 2021 เวลา 15:05 • การเกษตร
มะม่วงญี่ปุ่น ไทโยโนะทามาโกะ
นี่คือเรื่องราวของมะม่วงที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ไทโยโนะทามะโกะ หรือ มะม่วงไข่พระอาทิตย์แห่งเมือง มิยาซากิ ประเทศญี่ปุ่น
1
Cr : 三輪農園
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีช่วงระยะเวลาอากาศหนาวเย็นค่อนข้างนานเมื่อเทียบกับประเทศไทย การปลูกมะม่วงซึ่งเป็นพืชเมืองร้อนนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ จนกระทั่ง ปี ค.ศ. 1984 คุณทาเกะ อากิระหัวหน้าเกษตรกรผลไม้แห่ง Japan Agriculture (JA) ไซโตะ ได้มีโอกาสเดินทางไปดูงานเกษตรที่จังหวัดโอกินาว่า
ในวันนั้นเองที่คุณทาเกะได้พบกับผลไม้เมืองร้อนที่ผลสีแดงสด เนื้อในเหลืองงอมกลิ่นหอมหวาน มันคือมะม่วงที่ทางโอกินาว่านำเข้ามาปลูกจากประเทศไต้หวัน รู้จักกันในชื่อ อ้ายเหวิน หรือ เออหวิน มันทำให้คุณทาเกะประทับใจเป็นอย่างมากจนถึงต้องนำต้นพันธุ์นั่งเครื่องกลับมายังจังหวัดมิยาซากิด้วย
1
แต่ทว่าด้วยอากาศหนาวเหน็บของตอนกลางประเทศนั้นช่างโหดร้าย การเพาะปลูกมะม่วงแทบเป็นไปไม่ได้เลย ซ้ำร้ายประสบการณ์ในการปลูกมะม่วงของเกษตรกรชาวมิยาซากิที่แทบเป็นศูนย์ยิ่งทำให้การเพาะปลูกต้อบพบกับปัญหาที่เลวร้ายยิ่งขึ่นไปอีก
1
เมื่อการลองผิดลองถูกผ่านพ้นมาหลายปี ในที่สุดเกษตรกรมิยาซากิก็ค้นพบการเพาะปลูกมะม่วงอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ด้วยการใช้พลาสติกไวนิลคลุมโรงเรือนทั้งหลังและปรับสภาพแวดล้อมให้คงที่ด้วยฮีตเตอร์ที่อุณหภูมิราว ๆ 25-28 องศาในช่วงฤดูหนาว ซึ่งผลที่ได้มะม่วงที่ถูกปลูกไว้ในโรงเรือนก็เริ่มผลิดอกออกผล เป็นไปตามที่ตั้งใจไว้ในที่สุด
Cr : 三輪農園
นอกจากจะมีการควบคุมอุณหภูมิให้พอเหมาะแล้ว ในโรงเรือนยังมีระบบการจ่ายน้ำและปุ๋ยไปตามท่อสายที่ควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติทั้งหมด มะม่วงจะถูกดูแลเป็นอย่างดี มีการตัดแต่งกิ่งให้อยู่ทรงพุ่มราว ๆ ไม่เกิน 2 เมตร มีการใช้ลวดเหล็กดึงกิ่งให้ขยายไปด้านข้างเช่นเดียวกับเทคนิคบอนไซ
1
บางสวนอาจเพิ่มเทคนิคของตนเองด้วยการยกมะม่วงขึ้นปลูกบนเนินหรือในวงบ่อเช่นเดียวกับการเพาะปลูกมะนาวในบ้านเรา ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้รากหยั่งลึกลงไปในชั้นดินที่เย็นจัด
2
แต่ทว่าการปลูกให้ต้นไม่ตายนั้นยังไม่เพียงพอ เพราะผลผลิตนั้นต้องไปสู้กับผลไม้นำเข้าจากไต้หวันและโอกินาว่า ชาวมิยาซากิจึงต้องสร้างเอกลักษณ์ของตนเองด้วยการใช้เทคนิค "สุกบนต้น" 「完熟」 (คังจูคุ) ขึ้นเพื่อเข้าแข่งกับตลาดผลไม้จากต่างประเทศ
ด้วยกรรมวิธีที่พิถีพิถัน เมื่อมะม่วงติดผล มันจะถูกตัดทิ้งหมดจนเหลือเพียง 1 - 2 ลูกต่อ 1 ก้านดอกเท่านั้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผลของมันใหญ่เป็นพิเศษ แต่การจะกลายเป็นมะม่วงพระอาทิตย์ที่สมบูรณ์ลูกใหญ่ยังไม่พอ ผลต้องมีสีแดงสดซึ่งปัจจัยนี้ผลมะม่วงต้องได้รับแสงอย่างเต็มที่ เกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงของจังหวัดมิยาซากิจะใช้เชือกผูกเมล่อนดึงก้านของมะม่วงชูขึ้นเพื่อให้มันได้แสงอย่างเต็มที่ บางสวนอาจมีเทคนิคด้วยการสอดแผ่นสะท้อนแสงไว้ไต้ลูกเพื่อให้เกิดสีแดงทั่วทั้งผล
4
และด้วยโจทย์ที่ว่า มันต้องสุกบนต้น เกษตรกรจึงได้นำอีกเทคนิคมาใช้ นั่นก็คือการใช้ตาข่ายห่อลูกมะม่วงไว้เพื่อให้มันไม่หล่นลงพื้นหลังจากที่มันสุกงอมเต็มที่ นั่นหมายความว่ามะม่วงไทโยจะไม่ถูกเก็บจนกว่ามันจะหล่นลงในตาข่ายที่ห่อไว้
1
แต่ลำพังเพียงมะม่วงสุกสีแดงที่อาจมีเกลื่อนเต็มท้องตลาดอาจจะยังไม่สามารถสร้างความประทับใจได้มากนัก กลุ่มผู้ปลูกมะม่วงจังหวัดมิยาซากิจึงได้ตั้งมาตรฐานไว้อีกข้อ นั่นคือ ความหวานต้องสูงกว่า 13องศาบริกซ์ และมีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 350 กรัมต่อผล
2
เมื่อมะม่วงทุกลูกถูกขนส่งมายังจุดคัดแยกและผ่านกระบวนการตรวจอย่างเข้มงวดนี้แล้ว มันจึงจะถูกตีตราสัญลักษณ์ให้เป็น มะม่วงไทโยโนะทามาโกะ หรือ มะม่วงไข่พระอาทิตย์ ก่อนถูกบรรจุในกล่องทรงคุณค่าและเปิดตัวในท้องตลาดที่เห็นในปัจจุบันด้วยราคาที่สูงถึงคู่ละ 10,000 เยน หรือ ราว ๆ 3,000 บาท ไทย
3
ปัจจุบันมะม่วงไทโยโนะทามาโกะเป็นที่รู้จักดีไปทั่วโลก ในประเทศญี่ปุ่นมันถูกซื้อเพื่อใช้มอบเป็นของขวัญอันล้ำค่าให้กับญาติผู้ใหญ่หรือแม้แต่การแลกเปลี่ยนน้ำใจระหว่างบริษัทและด้วยกระบวนการผลิตที่ซับซ้อนผสานกับความใส่ใจจึงทำให้มะม่วงมิยาซากิยังคงคุณภาพจนสร้างราคาที่หลาย ๆ คนได้เห็นแล้วถึงกับต้องตกใจนั่นเอง
โฆษณา