Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
BrandCase
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
18 ก.พ. 2021 เวลา 04:05 • ธุรกิจ
ทำไม การมี Story ถึงทำให้แบรนด์ น่าสนใจ
ถ้าเราเป็นคนนึงที่อยากจะเริ่มต้นลงมือทำธุรกิจของตัวเอง
เราอาจจะพบเจอว่ามีคู่แข่งมากมายเต็มไปหมดในแต่ละอุตสาหกรรม
ตัวอย่างเช่น ธุรกิจร้านกาแฟที่มีอยู่ทั่วไป แทบทุกมุมถนน
หรือร้านขายของออนไลน์ ที่มีคนขายของออนไลน์แทบทุกหมวดสินค้า
ซึ่งบางครั้ง สินค้าที่เหล่าพ่อค้าแม่ค้ารับมา ก็อาจจะมาจากแหล่งเดียวกันอีกด้วย
การแข่งขันอย่างดุเดือดในแต่ละอุตสาหกรรมเช่นนี้ ก็สามารถบอกได้ทันทีว่ามหาสมุทรที่เรากำลังจะกระโดดลงไปนั้นเป็นสีแดงอย่างแน่นอน
ด้วยจำนวนสินค้ามากมายที่ผู้ประกอบการผลิตออกมาเต็มท้องตลาด
จึงทำให้สินค้า และบริการดูเหมือนกันไปหมด ไม่ว่าจะเป็นรสชาติของกาแฟที่คล้ายกัน, เสื้อผ้าผู้หญิงที่ดูไม่ค่อยแตกต่างกันสักเท่าไร หรือบริการส่งพัสดุที่ส่งสินค้าได้เหมือนกัน
ด้วยเหตุนี้เอง สิ่งที่ผู้ประกอบการมือใหม่อย่างเราควรทำก็คือ การทำสิ่งที่แตกต่าง
ซึ่งคำว่า “แตกต่าง” ไม่ได้หมายถึงแค่ตัวสินค้าและบริการอย่างเดียว
แต่ยังรวมไปถึง “เรื่องราวของแบรนด์” อีกด้วย
การสร้างเรื่องราวของแบรนด์หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า “Storytelling” นั้น คือการระบุตัวตนธุรกิจด้วยการสื่อสารและสร้างอารมณ์ร่วมให้กับผู้คนหรือกลุ่มลูกค้า ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโตของธุรกิจ
ซึ่งเรื่องราวของแบรนด์เหล่านี้เอง จึงถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม
และเชื่อหรือไม่ว่าต่อให้สินค้าและบริการคล้ายกัน แต่ถ้าเรามีเรื่องราวของแบรนด์ที่น่าสนใจ
สุดท้ายลูกค้าก็อาจจะหันมามองที่แบรนด์เราเป็นแบรนด์แรกๆ
โดยการเล่าเรื่องจะสามารถทำให้แบรนด์ของเราเป็นที่น่าจดจำ, มีความน่าเชื่อถือ, น่าติดตาม
และมีความแตกต่างจากคู่แข่ง ที่สำคัญก็คือยังสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าได้อีกด้วย
ปัจจุบันวิธีการเล่าเรื่องราวของแบรนด์มีมากมาย ไม่ได้มีสูตรที่ตายตัว
ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการที่จะให้ผู้คนจดจำแบรนด์เราในทางไหน และทำไมถึงต้องมีแบรนด์เรา
โดยเราสามารถหยิบยกมาจาก สาเหตุที่ทำให้เราก่อตั้งแบรนด์ขึ้นมา เช่น
1.เป็นเบรนด์ที่เกิดจากความชอบส่วนตัว
ถ้าเราชอบอะไร เราก็จะมีความสุขกับการเสพและทำสิ่งนั้น ที่สำคัญเราจะสามารถทำสิ่งนั้นออกมาได้ดี
การทำสิ่งที่เราชอบ จะทำให้เรามีแรงบันดาลใจในการทำสิ่งนั้นให้ประสบความสำเร็จ
และถ้าสิ่งที่เราทำเกิดล้มเหลวขึ้นมา เราจะสามารถลุกขึ้นมาและเริ่มต้นต่อสู้ใหม่เพื่อสิ่งที่เราชอบได้
เช่น ถ้าเราชอบกินโดนัทเป็นชีวิตจิตใจแล้ว และอยากจะลองทำโดนัทขึ้นมาเอง
ด้วยความชอบส่วนตัวนี้ เราจะสามารถทุ่มเทเวลาจำนวนมาก ไปกับการทำลองสูตรโดนัทในแบบของเราเอง
โดยที่เราไม่รู้สึกเบื่อเลย อาจจะเป็นโดนัทสูตรเฉพาะเช่น โดนัทไส้หมูหยองราดไข่มุก และไส้อื่นๆ
ด้วยความชอบในการทำโดนัท เชื่อว่าเราจะไม่หยุดพัฒนาสูตรแน่นอน และในวันหนึ่งที่เราเปิดร้านขายโดนัท เราก็จะมีโดนัทหลากหลายเมนูที่ไม่เหมือนใคร
2.เป็นแบรนด์ที่เกิดจากปัญหา หรือ Pain point ที่เราพบเจอ
เราทุกคนมีความสามารถในการเป็นผู้คิดค้น ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมีโอกาสได้ใช้ความสามารถนี้หรือไม่
ตัวอย่างของคนที่สามารถสร้างแบรนด์จากปัญหาที่พบเจอก็คือคุณ James Dyson ผู้ก่อตั้งบริษัท Dyson Ltd. ที่พบเจอปัญหาในการดูดฝุ่น
แต่เดิมเครื่องดูดฝุ่นสมัยก่อนจะใช้ถุงผ้าในการกักเก็บฝุ่น ซึ่งผู้ใช้ต้องคอยทำความสะอาดถุงผ้า
และมีโอกาสสูงที่ฝุ่นจะอุดตันจนใช้งานต่อไม่ได้
ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงคิดค้นนวัตกรรมเครื่องดูดฝุ่นไร้ถุงโดยใช้เป็นระบบแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางเพื่อแยกอนุภาคเล็กๆ ออกจากอากาศทำให้ไม่ต้องใช้ถุงเก็บฝุ่นอีกต่อไป โดยผ่านการลองผิดลองถูกมามากถึง 5,126 ครั้ง
ปัจจุบันบริษัท Dyson Ltd. เป็นบริษัทที่ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ามากมายที่สามารถทำรายได้มากถึง 200,000 ล้านบาท ในปี 2019
ด้วยเรื่องราวจากการแก้ปัญหาที่คุณ James Dyson พบเจอ จึงทำให้แบรนด์ของเขามีความแตกต่าง
และได้รับความสนใจอย่างมาก
ในทำนองเดียวกันถ้าเราสามารถก่อตั้งแบรนด์จากการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันที่เราพบเจอได้
เชื่อว่าแบรนด์ของเราจะมีเรื่องราวที่น่าสนใจได้เช่นกัน
3.เป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งเพื่อแก้ปัญหาโดยรวมทั่วไป
ปัจจุบันนี้มีบริษัทมากมายที่ก่อตั้งเพื่อที่จะแก้ปัญหาหรือพัฒนาสังคมให้ดียิ่งขึ้น
และใช้โอกาสนี้ในการพลิกปัญหาให้เป็นโอกาส
ตัวอย่างเช่น บริษัท Tesla, Inc. ของคุณ Elon Musk ที่ต้องการที่จะพัฒนารถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% เพื่อที่จะลดปัญหาจากการปล่อยมลพิษในควันรถและสนับสนุนพลังงานสะอาด
ปัจจุบันบริษัท Tesla, Inc. เป็นบริษัทรถยนต์ที่มีมูลค่า 23 ล้านล้านบาท
ซึ่งเป็นบริษัทรถยนต์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก
ด้วยความตั้งใจและวิสัยทัศน์ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงโลกไปในทางที่ดีขึ้นของคุณ Elon Musk
และเป็นบริษัทแรกๆที่ออกมาแก้ปัญหาในการลดการปล่อยมลพิษจากควันรถ
จึงทำให้บริษัทเป็นที่พูดถึงมากมาย และแตกต่างจากบริษัทรถยนต์อื่นๆ
จนทำให้บริษัทเหล่านั้นต้องทำตามในที่สุด
สุดท้ายแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เรื่องราวของแบรนด์ที่เราต้องการจะสื่อสารกับลูกค้าจะต้องเป็นความจริง ไม่ใช่การโกหกหรือสร้างภาพเพื่อที่จะต้องการดึงความสนใจจากลูกค้า
เพราะ ต่อให้เรื่องราวที่เราสื่อสารออกไปดีแค่ไหน แต่ถ้าลูกค้าจับได้ว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เขารับรู้เป็นเรื่องโกหก เรื่องนี้ก็จะทำให้เกิดปัญหาอีกมากมายตามมา อีกทั้งยังทำให้ความน่าเชื่อถือของแบรนด์เรานั้นลดลงอีกด้วย
ดังนั้น นอกจากการทำเรื่องราวที่น่าดึงดูดแล้ว ก็อย่าลืมให้ความจริงใจกับผู้บริโภคด้วยเช่นกัน..
References
-
https://medium.com/nicely-said/11-of-the-best-brand-story-examples-af098e4ea911
-
https://www.forbes.com/sites/pragyaagarwaleurope/2018/08/15/why-brand-stories-matter-and-simple-steps-to-create-a-unique-brand-story/?sh=82815abc907d
-
https://buffer.com/library/storytelling-formulas/
-
https://www.businessnewsdaily.com/7995-reasons-to-do-what-you-love.html#:~:text=%22A%20job%20that%20you%20love,other%20aspects%20of%20your%20life
.
-
https://www.visualcapitalist.com/worlds-top-car-manufacturer-by-market-cap/
-
https://finance.yahoo.com/quote/TSLA/
17 บันทึก
15
2
10
17
15
2
10
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย