18 ก.พ. 2021 เวลา 11:51 • ประวัติศาสตร์
“Donner Party” การกินเนื้อมนุษย์ครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์อเมริกัน
1
“Donner Party” คือกลุ่มผู้บุกเบิกชาวอเมริกันที่ต้องการจะเดินทางไปยังพื้นที่ใหม่ โดยทั้งหมดนั้นเกาะกลุ่มกันเดินทาง หวังจะไปถึงบ้านใหม่อย่างปลอดภัย
แต่สิ่งที่รอพวกเขาอยู่จะตราตรึงในประวัติศาสตร์จนถึงทุกวันนี้
ในฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ.1846 (พ.ศ.2389) ผู้บุกเบิกราวๆ 90 คนได้รวมตัวกัน ตั้งใจจะเดินทางจากอิลลินอยส์ไปยังแคลิฟอร์เนีย
พวกเขาเริ่มเดินทางกันในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ เพื่อที่ว่าหญ้าจะได้งอกงาม ไว้ใช้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงและมีเวลามากพอที่จะข้ามภูเขาลูกใหญ่ได้ก่อนที่ฤดูหนาวจะมาถึง
1
ปรากฎว่าการเดินทางนั้นมีอุปสรรคหลายอย่างและล่าช้า หนทางที่คาดว่าจะไม่ลำบากมาก แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่คิดไว้
ตามปกติแล้ว เส้นทางไปแคลิฟอร์เนียคือต้องทะลุเข้าไปในไอดาโฮ ก่อนจะมุ่งใต้ไปทางเนวาดา หากแต่เป็นโชคร้ายของพวกเขา เนื่องจากผู้นำขบวนได้อ่านหนังสือนำเที่ยวที่เขียนมั่วๆ เชื่อถือไม่ได้ และในหนังสือเล่มนั้นก็บอกว่ามีทางที่ใกล้กว่า
2
หนังสือแนะนำให้เดินทางทะลุเข้าไปในภูเขาอีกทาง จากนั้นก็ข้ามทะเลสาปแห้ง ซึ่งเส้นทางที่ว่านี้ยังไม่เคยมีใครใช้มาก่อน
ในบรรดานักเดินทางทั้งหมด มีเพียงคนเดียวที่มีประสบการณ์การเดินทางข้ามภูเขา และคิดว่ามันแปลกๆ และได้คัดค้าน ไม่เห็นด้วย หากแต่ก็ไม่มีใครฟัง
พอเดินทางไปเรื่อยๆ ก็พบว่าเส้นทางที่ระบุในหนังสือนั้นไม่มีอยู่จริง ขบวนนักเดินทางต้องตัดต้นไม้เพื่อทำเป็นทาง และตลอดระยะเวลาห้าวันที่ข้ามทะเลสาปแห้ง เหล่านักเดินทางต่างก็แทบจะกระหายน้ำตาย
ถึงแม้ว่าคณะนักเดินทางส่วนใหญ่จะเดินทางมาถึงภูเขาลูกที่ถูกต้องตามเส้นทาง แต่ในเวลานั้นภูเขาก็ถูกปกคลุมด้วยหิมะ และเส้นทางไปต่อข้างหน้าก็เสียหาย ไม่สามารถไปต่อได้
เมื่อไม่มีทางเลือก เหล่านักเดินทางจึงต้องตั้งค่ายขึ้นและหวังว่าจะรอดไปตลอดฤดูหนาว ก่อนที่จะต้องถอยขบวน กลับไปยังทางเดิม
ในเวลานั้น ทั้งเสบียงและเหล่าสัตว์เลี้ยงก็ร่อยหรอ เสบียงก็จะหมด สัตว์เลี้ยงที่นำมาด้วยหลายตัวก็สูญหายไประหว่างการเดินทาง ทำให้นักเดินทางเริ่มจะขาดอาหารจนตาย
ภายหลังจากติดอยู่เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือน นักเดินทางที่มีร่างกายแข็งแรงจำนวน 15 คนก็ตัดสินใจจะเดินฝ่าหิมะออกไปขอความช่วยเหลือ
สำหรับคนที่อยู่ในค่ายก็ต้องยอมรับความจริง เสบียงหมดแล้ว หนทางรอดมีแค่ทางเดียว นั่นคือการกินเนื้อมนุษย์ ซึ่งในเวลานั้นก็มีหลายคนที่ขาดอาหารและล้มป่วยตาย ซึ่งศพของพวกเขาก็เป็นเสบียงชั้นดี
แต่ถึงจะเป็นการกินเนื้อมนุษย์ด้วยกันเองครั้งใหญ่ครั้งหนึ่ง แต่จากบันทึกและคำกล่าวอ้างของผู้รอดชีวิต พบว่ามีเพียงสองคนที่ถูกฆ่าเพื่อกินเนื้อ ที่เหลือล้วนมาจากคนที่ตายจากการป่วยหรือขาดอาหาร ซึ่งสองรายนี้ก็ได้หนีออกจากค่าย หากแต่หมดแรง ไปต่อไม่ไหว จึงถูกฆ่าเพื่อนำมาเก็บเป็นเสบียง
กว่าความช่วยเหลือจะมาถึงก็ปาไปสองเดือน ทำให้เหล่านักเดินทางที่ติดอยู่ในเขา ต้องใช้เวลาในภูเขากว่าห้าเดือน และต่างก็ล้มตายไปแล้ว ที่ยังรอดก็ไม่มีแรงเดินทาง
ภายหลังจากได้รับการช่วยเหลือ นักประวัติศาสตร์ก็ได้ประเมินว่ามีนักเดินทางถูกกินไปทั้งหมด 21 คน
เหตุการณ์นี้เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์การกินเนื้อมนุษย์ที่ยังเป็นที่เล่าขานในสหรัฐอเมริกา
โฆษณา