”ครัวซองต์ฟีเวอร์” กับกระแสใหม่ “โครนัท”
ในขณะที่ในบ้านเราเกิดกระแส “ครัวซองต์ฟีเวอร์” ในโซเชียลมีเดียมีบอกกันว่าร้านนี้อร่อย ร้านนั้นก็เลิศ ต้องไปรอคิวซื้อกันเป็นชั่วโมง แต่รู้ไหมครับว่าครัวซองต์ที่ดีเขาตัดสินจากอะไร?
ขอบคุณภาพประกอบจาก www.waitrose.com
ครัวซองต์(Croissant) ขนมปังที่เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ย้อนหลังไปเมื่อซัก 40 ปีก่อนเป็นของไฮโซนะครับ มีจำหน่ายเฉพาะในโรงแรมชั้นหนึ่งหรือร้านเบเกอรี่ฝรั่งอย่างไซ่ง่อน เบเกอรี่เท่านั้น ต่อมาภายหลังเริ่มมีคนทำเป็นกันมากขึ้นก็เลยเริ่มมีจำหน่ายเป็นการทั่วไป แล้วก็มีเชฟขนมปังฝรั่งจากต่างประเทศที่มีชื่อเสียงหลายคนก็เข้ามาเปิดร้านขายครัวซองต์กันอีกหลายเจ้า
อันต้นกำเนิดของครัวซองต์นั้นมาจากขนมปังที่เรียกว่า kipferl ของออสเตรียที่มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ขนมปัง kipferl ปั้นเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวเหมือนกัน เพียงแต่กรรมวิธีการทำไม่ซับซ้อนเท่าคือเอาแป้งขนมปังมาปั้นเป็นรูปโค้งเท่านั้น ไม่ได้ม้วนแบบครัวซองต์
มีตำนานเรื่องหนึ่งบอกว่า ต้นกำเนิดของครัวซองต์ เกิดจากสงครามระหว่างออสเตรียกับพวกเติร์ก ทหารของอาณาจักรเติร์กเข้าล้อมกรุงเวียนนา และพยายามเข้าเมืองโดยการขุดอุโมงค์ ขณะที่กำลังลักลอบขุดกันอยู่นั้น คนทำขนมปังชาวเวียนนาซึ่งโดยปกติจะทำงานตอนกลางคืนอยู่ชั้นใต้ดินได้ยินเสียงของการขุด ก็เลยไปบอกทหารของออสเตรียให้มาจัดการ ขับไล่พวกเติร์กหนีไป
คนทำขนมปังชาวเวียนนาก็เลยทำขนมปังเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์อยู่บนธงของพวกเติร์กมาเฉลิมฉลองชัยชนะกัน ก็ไม่รู้ว่าจริงเท็จประการใดนะครับ
ขนมปัง kipferl ก็ได้รับความนิยมจากหมู่ชนชั้นสูงในกรุงเวียนนา ในปี 1770 เจ้าหญิง Marie Antoinette จากออสเตรียได้สมรสกับเจ้าชายชาวฝรั่งเศสซึ่งต่อมาได้เป็นกษัตริย์ทรงพระนามว่าพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 เจ้าหญิง Marie Antoinette มาอยู่ฝรั่งเศสแล้วก็คิดถึงบ้าน ก็เลยให้เชฟทำขนมปังหลวงทำขนมปังอย่างเวียนนาให้เสวย และได้รับความนิยมในหมู่ชนชั้นสูงทั้งหลายของฝรั่งเศสเช่นกัน
ขนมปัง kipferl ขอบคุณภาพประกอบจาก www.servus.com
แต่เรื่องราวของครัวซองต์สมัยใหม่เกิดขึ้นในราวปี 1838-1839 เมื่อชาวออสเตรียชื่อคุณ August Zang ได้เปิดร้านขนมปังแบบเวียนนาขึ้นที่เลขที่ 92 ถนน Rue de Richelieu ในกรุงปารีสชื่อร้าน "Boulangerie Viennoise” จำหน่าย kipferl และขนมปังแบบเวียนนาอื่น ๆ ปรากฏว่าร้านขนมปังของคุณ Zang ได้รับความนิยมอย่างมาก ทำให้มีคนทำขนมปังชาวฝรั่งเศสพากันเปิดร้าน Viennoserie ทำนองเดียวกับคุณ Zang ขึ้นมาอีกหลายร้าน และ kipferl ของคนเวียนนาก็เลยกลายมาเป็นครัวซองต์ของคนฝรั่งเศส
แต่ครัวซองต์ของคนฝรั่งเศสนั้นมีวิธีการทำที่ซับซ้อนกว่ามาก นั่นก็คือต้องหมักแป้งที่ผสมนม เนย เกลือ น้ำตาล ยีสต์และน้ำทิ้งไว้ให้แป้งได้หมักตัวเอง 1 คืน วันรุ่งขึ้นถึงเอามารีดให้เป็นแผ่น เอาแผ่นเนยขนาดใหญ่วางลงไป เอาเข้าเครื่องรีดอีกให้เนยกับขนมปังผสมเป็นเนื้อเดียวกัน เสร็จแล้วพับแป้งซ้อนกันเป็นหลายชั้นคล้ายกับพับผ้าห่ม เอาเข้าเครื่องรีดอีกทีคราวนี้ออกมาเป็นแผ่นบาง ก็เอามาตัดเป็นแผ่นสามเหลี่ยมชายธง เสร็จแล้วก็ม้วนแผ่นแป้งนั้นมาตามชายธง ก็จะได้เป็นรูปครัวซองต์ขึ้นมา จากนั้นก็นำไปอบในเตา ออกมาก็จะเป็นครัวซองต์ที่มีผิวกรอบนอกแต่นุ่มข้างใน หอมกลิ่นเนยแตกต่างไปจากขนมปังชนิดอื่น
ครัวซองต์ที่ดีอยู่ตรงไหนรู้ไหมครับ? แน่นอนครับ อันดับแรกก็อยู่ที่ต้องใช้วัตถุดิบที่ดีอันได้แก่แป้งและเนย เนยที่ดีนั้นก็ต้องอิมพอร์ตของต่างประเทศเข้ามา ครัวซองต์ที่อุดมด้วยเนยนั้นเวลาจับแล้วจะต้องมีไขมันติดนิ้ว (แต่บางคนก็อาจจะลูกเล่นใช้น้ำมันทาแทน)
แต่ที่ Gourmet Story ให้ความสำคัญก็จะอยู่ที่เนื้อใน คือดูว่าเนื้อในนั้นมีความหนาแน่นหรือไม่? เนื้อในจะต้องแน่นและเรียบเสมอกันเป็นชั้น ๆ ไม่มีฟองอากาศ ฝรั่งเขาเรียกว่าเรียงกันแบบรวงผึ้ง ไม่ใช่ผ่ากลางออกมาเนื้อในหลวม ๆ เต็มไปด้วยฟองอากาศเป็นรู ๆ อย่างนี้เวลากินครัวซองต์คำหนึ่งก็เหมือนกับกินครึ่งคำเพราะเป็นฟองอากาศ กัดเข้าไปแทบไม่ได้รสชาติความอร่อยของเนื้อแป้ง ครัวซองต์ที่ดีเวลากินเปลือกนอกกรอบกับเนื้อในที่นุ่มผสมผสานกันได้ทั้งรสสัมผัสและความหอมอยู่ในปาก
ขอบคุณภาพประกอบจาก https://philshomekitchen.org/
แต่ Gourmet Story ก็แทบไม่เคยเห็น youtuber คนไหนที่มาชวนชิมครัวซองต์ว่าร้านโน้นร้านนี้อร่อยให้ความสำคัญกับตรงนี้เลย เห็นเอาใส่เข้าปากเลยทุกทีแล้วก็พร่ำบอกว่าอร่อยเหลือเกิน
ร้านขายครัวซองต์มีเปิดกันอย่างมากหลาย และขยายไปยังต่างจังหวัด ในจังหวัดใหญ่ ๆ ก็มักจะมีร้านครัวซองต์อยู่เสมอ แล้วก็มีคำเล่าลือกันว่าร้านนั้นดี ร้านนี้อร่อย บางร้านต้องไปรอคิวกันเป็นหลายชั่วโมงก็ยิ่งดัง ก็ดีครับเป็นการเพิ่มสีสันให้กับการกินครัวซองต์ ใครอยากสนุก อยากรอเพื่อจะได้ถ่ายรูปมาลงโซเชียลอวดเพื่อนก็ไปรอกัน
ครัวซองต์มีต้นกำเนิดมาหลายร้อยปีแล้ว พวกฝรั่งก็เลยไม่ฮิต แต่เกิดกระแสใหม่ที่ฮิตมากคือ “โครนัท” (Cronut) ซึ่งก็มีที่มาเกี่ยวพันกับครัวซองต์
“โครนัท” เป็นขนมแปลกใหม่ถือกำเนิดขึ้นในเมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อสิบกว่าปีมานี้เอง โดยเชฟชาวฝรั่งเศสชื่อ Dominique Ansel
เชฟ Ansel แกบอกว่า อเมริกาเป็นประเทศแห่งโดนัท แต่ในฐานะที่แกเป็นเชฟของหวาน ก็เลยอยากจะทำอะไรที่แปลกใหม่ แกนึกถึงขนมที่แกชอบกินมากตั้งแต่เด็กคือครัวซองต์ ก็เลยคิดเอามาผสมผสานทำโดนัทด้วยแป้งครัวซองต์
แกใช้เวลาประดิษฐ์คิดค้นโครนัทอยู่ 3 เดือนก็เริ่มนำออกจำหน่ายที่ร้านขนมของแกชื่อ Dominique Ansel Bakery ในย่านโซโหของกรุงนิวยอร์กเมื่อปี 2013 โดยมีนักเขียนชื่อคุณ Hugh Merwin แห่ง blog ชื่อ New York's Grub Street มาเขียนแนะนำให้ ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นมีผู้สนใจขนมชนิดใหม่นี้มาเข้าคิวรอซื้อร่วม 100 คน จากนั้นขนมโครนัทก็ดังระเบิดมีผู้คนไปรอซื้อเพื่อลิ้มลองกันวันละหลายร้อยคน เรียกว่าความสำเร็จของเชฟส่วนหนึ่งก็เพราะอิทธิพลของอินเทอร์เน็ตเหมือนกัน
ผู้คนไปรอหน้าร้าน Dominique Ansel Bakery ขอบคุณภาพประกอบจาก https://concreteimpressions.me/
ลูกค้าที่ไปรอซื้อโครนัทจะได้สิทธิซื้อคนละ 2 ชิ้นเท่านั้นเพราะโครนัทในแต่ละวันจะผลิตเป็นจำนวนจำกัด เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าการทำโครนัทอันหนึ่งนั้นต้องใช้เวลาเตรียมแป้งถึง 3 วัน!
โดยในวันแรกก็ต้องผสมแป้งแบบครัวซองต์แล้วปล่อยทิ้งไว้ให้หมักข้ามคืน วันที่ 2 จึงนำมาใส่เนยแล้วเรียงกับแผ่นแป้งเข้าด้วยกัน จากนั้นทิ้งไว้อีก 1 คืน ในวันที่ 3 จึงนำแป้งนั้นมาตัดเป็นรูปโดนัทแล้วทิ้งข้ามคืนไว้อีกจนแป้งพองตัว วันรุ่งขึ้นถึงเอาไปทอดในน้ำมันเมล็ดองุ่น แล้วจึงนำมายัดไส้ด้วยแยมหรือครีม และตกแต่งด้วยช็อกโกแลต ผลไม้ ถั่ว หรือครีมรสต่าง ๆ ให้สวยงาม แล้วจึงจะนำออกจำหน่ายได้
โครนัทจะขายเพียงเดือนละรสเท่านั้น นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2013 ที่ออกรส Rose Vanilla มาเป็นรสเริ่มแรก จนถึงปัจจุบันก็ปาเข้าไปพันกว่ารสแล้ว ล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม 2021 เป็นรส Cherry Pistachio และในเดือนกุมภาพันธ์นี้ก็เป็นรส Strawberry Jam and Hojicha
โครนัทรส Strawberry Jam and Hojicha ขอบคุณภาพประกอบจาก https://dominiqueanselonline.com/
ความอร่อยของโครนัทน่าจะอยู่ที่ลักษณะของขนมที่เป็นชั้นหนามีแป้งกรอบแบบครัวซองต์ แล้วได้รับความหวานมันจากไส้ที่เป็นแยมรสต่าง ๆ กับครีมและ/หรือผลไม้ที่อยู่บนหน้าขนม
ในปัจจุบันร้าน Dominique Ansel Bakery ได้ขยายไปเปิดกิจการในต่างประเทศ โดยเปิดสาขาที่โตเกียวเมื่อปี 2015 ที่ลอนดอนเมื่อปี 2016 ที่ลอส แองเจลิสเมื่อปี 2017 และที่กรุงเทพฯ ปี ……… 55555
ถึงแม้ร้าน Dominique Ansel Bakery จะยังไม่ได้มาเปิดที่เมืองไทย แต่ก็มีร้านขนมในเมืองไทยหลายร้านที่ทำโครนัทขายแล้ว ใครยังไม่มีโอกาสไปชิมของจริงที่กรุงนิวยอร์ก กรุงโตเกียว จะไปลองชิมของกรุงเทพฯดูก่อนก็ได้นะครับ
รีบไปเลยครับจะได้ไม่ตกเทรนด์!!!!!
Gourmet Story ตอนที่แล้ว "ขนมเข่ง-ทำได้มากกว่าที่คุณคิด"
Gourmet Story - เรื่องราวเกี่ยวกับอาหารที่เป็นเกร็ดความรู้ เล่าสู่กันฟัง เพิ่มความอร่อยของอาหารที่เรารับประทาน ติดตามได้ที่
- 167
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
