23 ก.พ. 2021 เวลา 09:29 • หุ้น & เศรษฐกิจ
Rebalancing คืออะไร
กลยุทธ์การลงทุนที่เรียกว่า Rebalancing ใช้หลักของการบริหารจัดการทรัพยากร ด้วยวิธีการ “ปรับ หรือ รักษา สัดส่วนการลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่เรากำหนด”
เป็นกลยุทธ์การลงทุนรูปแบบหนึ่ง ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการจัดการ และควบคุมความเสี่ยงในการลงทุน พร้อมทั้งยังสร้างผลตอบแทนได้อย่างคุ้มค่าในระยะยาว
Rebalancing ออกแบบมาเพื่ออะไร
เคยไหมครับ เวลาที่คุณอยากลงทุนอะไรสักอย่าง หรืออยากลงทุนในสินทรัพย์มีค่า ที่มองว่ามีแนวโน้มสามารถเติบโตได้ดีในอนาคต แต่…
- อยากซื้อตอนราคาต่ำๆ ซึ่งก็ ไม่รู้ว่ามันจะต่ำสุดตอนไหน ?
- อยากขายตอนราคาสูงๆ ซึ่งก็ ไม่รู้ว่ามันจะสูงสุดตอนไหน ?
จะซื้อ ตอนนี้ ทั้งหมดก็กลัว “ติดดอย” (ซื้อแพงแล้วราคาสินทรัพย์ลงแรง) นั่งรอสักพัก ให้ราคาลงมาหน่อย แต่ราคาก็วิ่งขึ้นไม่หยุด
คิดอีกที ถ้าไม่ซื้อตอนนี้ ก็กลัว “ตกรถ” (ไม่ซื้อ แล้วราคาสินทรัพย์แพงขึ้นต่อเนื่อง) คนอื่นๆที่เข้าซื้อก่อนเราก็ได้กำไรกันไปไม่รู้เท่าไรแล้ว
นั้นแหละครับ กลยุทธ์การลงทุนแบบ Rebalancing ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ของนักลงทุน ด้วยการแบ่งสัดส่วนการลงทุน และปรับสัดส่วนอย่างเป็นระบบ ทำให้เราไม่พลาดการลงทุนที่ดี ในทุกระดับราคา ช่วยให้เราได้ซื้อตอนที่ราคาถูก ขายเมื่อราคาแพงขึ้นมา รวมถึงยังช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนอีกด้วย และการลงทุนด้วยกลยุทธ์ Rebalancing ง่ายมากๆ
วิธีการลงทุนด้วยกลยุทธ์แบบ Rebalancing
แบ่งเงินลงทุนกระจายไปในสินทรัพย์ ที่มีความเสี่ยงสูงและความเสี่ยงต่ำ หรือสินทรัพน์ที่นักลงทุนให้ความสนใจ โดยจัดสัดส่วนตามความสามารถในการรับความเสี่ยง อย่างน้อย 2 สินทรัพย์
ตัวอย่าง
Asset A / Asset B
BTC (เสี่ยงสูง) / USD (เสี่ยงต่ำ)
BTC (เสี่ยงสูง) / THB (เสี่ยงต่ำ)
ETH (เสี่ยงสูง) / BTC (เสี่ยงต่ำ ว่า ETH)
หุ้น A (เสี่ยงสูง) / หุ้น B (เสี่ยงต่ำ)
* เงินสด (เช่น USD , THB) ถือว่าเป็น สินทรัพย์มีค่า ที่มีความเสี่ยงต่ำได้เช่นกัน
กำหนดสัดส่วนการลงทุน ของทั้ง 2 สินทรัพย์ให้ชัดเจน ตามมูลค่าของสินทรัพย์ทั้ง 2
ตัวอย่าง
Asset A (50%) / Asset B (50%)
Asset A (40%) / Asset B (60%)
Asset A (1 ล้านบาท) / Asset B (1 ล้านบาท)
** การกำหนดสัดส่วนจะส่งผลโดยตรงกับความเสี่ยง และผลตอบแทน
เข้าซื้อ ถือ สินทรัพย์ที่สนใจลงทุนทันทีตามอัตตราส่วนที่เรากำหนดในขั้นตอนที่ 2
กำหนดเงื่อนไข ที่ชัดเจน ในการ “ปรับ หรือ รักษาสัดส่วนการลงทุน” ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่เรากำหนดจากในขั้นตอนที่ 2
มูลค่าของสินทรัพย์ที่เราถือนั้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามกลไกของตลาดที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ “สัดส่วนการลงทุน” ของนักลงทุนเปลี่ยนไปจากเดิมตามมูลค่าของสินทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงไป นักลงทุนจึงมีหน้าที่คอยปรับสัดส่วนการลงทุนของพอร์ทให้เท่ากับ “สัดส่วนที่กำหนดไว้” เสมอ
ตัวอย่าง Rebalancing แบบปรับสมดุล 50% / 50%
Asset A = BTC / Asset B = USD [BTC/USD]
กำหนด สัดส่วนการลงทุนไว้ที่ 50% / 50%
เงินลงทุน 10,000
ซื้อ BTC 5,000
เมื่อ BTC มีมูลค่าเพิ่มขึ้น (5,100) ขาย BTC ออกไปมูลค่า 50
สัดส่วนของทั้ง 2 สินทรัพย์จะกลับมาเท่ากัน ที่ 5,050 / 5,050
ในทางกลับกัน หาก BTC มีมูลค่าลดลง ให้ซื้อเพิ่มเพื่อปรับสัดส่วน ให้เท่ากัน
ภาพ อธิบายการ Rebalancing แบบปรับสมดุล 50% / 50%
ทั้งนี้เงื่อนไขในการทำ Rebalancing ว่าควรทำเมื่อไร ตอนไหนนั้นขึ้นอยู่กับตัวผู้ลงทุน ว่าต้องการทำบ่อยแค่ไหน แนะนำให้กำหนดขึ้นมาเป็นกฎแบบตายตัวเพื่อความง่ายในการตัดสินใจ เช่น
Rebalancing ทุกครั้ง ที่สัดส่วนต่างกันเกิน 10%
Rebalancing ทุก 10 วัน หรือ 1 เดือน
Rebalancing เมื่อมีข่าว ดี หรือ ไม่ดี เกี่ยวกับสินทรัพย์นั้น
ทำไมต้อง Rebalancing ได้ประโยชน์อะไร
หากให้อธิบายมุมมอง และประโยชน์ทั้งหมด สำหรับการลงทุนด้วยกลยุทธ์ Rebalancing นั้นคงต้องใช้เวลามากพอสมควร ผู้เขียนจึงขออนุญาตใช้เป็นวิธีการยกตัวอย่างจากสิ่งทีเกิดขึ้นในอดีตกับการใช้กลยุทธ์ Rebalancing โดยอ้างอิงจาราคาที่เกิดขึ้นจริงในอดีต และเงื่อนไขการ Rebalancing ตามตัวอย่างจากบทก่อนหน้านี้
เริ่มต้นด้วยการลงทุนด้วยกลยุทธ์ Rebalancing ในจุดที่ราคาสูงที่สุดของราคา BTC/USD ในวันที่ 01/01/2018 ด้วยอัตตรา่วนการลงทุน 5,000 / 5,000 (50%)
คอยปรับสมดุลของ Asset ทั้งสองตลอดระยะเวลา
ราคาลง ทยอยซื้อ BTC ปรับสัดส่วนให้เท่ากัน
ราคาขึ้น ทยอยขาย BTC ปรับสัดส่วนให้เท่ากัน
ภาพเปรียบเทียบราคาสินทรัพย์ และแบบจำลอง Rebalancing แบบปรับสมดุล 50% / 50%
ข้อสังเกต จากตัวอย่าง
Rebalancing คือกลยุทธ์การซื้อของถูก ไปขายแพง ตลอดเวลา
ราคาลงเรื่องๆ ก็แบ่งเงินมาซื้อ ได้เรื่อยๆ ได้ปริมาณสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ราคา BTC ลงมาที่ 4,000 ถ้าซื้อแล้วถือปรกติ (Holder) คุณขาดทุน -80%
หากทำ Rebalancing คุณขาดทุนเพียง -50% เท่านั้น
ราคา BTC กลับมาที่ 20,000 ถ้าซื้อแล้วถือปรกติ (Holder) คุณขาดทุน 0%
หากทำ Rebalancing คุณกำไร +77%
ปัจบัน (10/01/2021) ราคา BTC อยู่ที่ระดับ 40,000
ทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียง 3 ปีเท่านั้น
ตัดความโลภ กลัว อารมณ์ ของผู้ลงทุนได้ เน้นทำตามแผน และสัดส่วน
นั้นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงควรนำกลยุทธ์ Rebalancing มาใช้ในการลงทุน เพราะสามารถลดความเสี่ยงการลงทุนได้เป็นอย่างดี สามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระดับที่ดี ยังช่วยให้คุณไม่พลาดโอกาสในการลงทุนในทุกระดับราคา ในขณะที่คนอื่นยังคงกังวลกับราคาที่เปลียนแปลงไปมาในแต่ละวัน
ความเสี่ยง
ความเสี่ยงใหญ่ของนักลงทุนที่ต้องเจอก็เป็นเรื่องเดียวกับการลงทุนทุกรูปแบบ นั้นคือเรื่องของมูลค่า และการเติบโตของสินทรัพย์ที่นักลงทุนเลือกเข้ามาไว้ในพอร์ท
ไม่ว่ากลยุทธ์การลงทุนจะออกแบบมาได้ดีเพียงใด หากสินทรัพย์ที่ท่านเลือกลงทุนราคาตกลงเรื่อยๆจนถึง 0 ก็ย่อมสร้างความเสียหายให้การลงทุนของท่านอย่างแน่นอน
ส่งท้ายจากผู้เขียน
กลยุทธ์การลงทุนที่เรียกว่า Rebalancing เป็นกลยุทธ์ที่ง่าย และสามารถทำได้จริง อีกทั้งยังถูกนำไปใช้ในการทำ Automatic Rebalancing หรือ การรักษาสัดส่วนการลงทุนอัติโนมัติ เพื่อให้บริการลูกค้าในหลายๆที่ โดยเฉพาะพวกกองทุนต่าง ยิ่งเป็นโปรแกรมอัติโนมัติยิ่งตัดเรื่องของอารมณ์ผู้ลงทุนออกไปได้อีก
กลยุทธ์ Rebalancing ไม่ได้จบลงเพียงเท่านี้แต่อย่างใด หากท่านผู้อ่านลองศึกษา และนำไปใช้อย่างจริงจังเหมือนกับตัวผมนั้นจะพบว่ากลยุทธ์ง่ายๆนี้ ยังสามารถปรับปรุง พัฒนา ต่อไปได้อีกหลายรูปแบบเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ตรงความต้องการของผู้ลงทุนมากยิ่งขึ้น และสามารถทำให้เป็นโปรแกรมอัติโนมัติได้ไม่ยาก
หากมีโอกาสในบทความต่อไป จะขอมาเขียนเกี่ยวกับรูปแบบการพัฒนา ผลลัพธ์ที่ได้จากการพัฒนากลยุทธ์ของผมและทีมงานเพื่อ เป็นไอเดียในการประยุกต์ลงทุนสำหรับทุกท่าน
อยากให้ผู้อ่านทุกท่านลองพิจารณาดูนะครับว่ากลยุทธ์นี้จะเป็นประโยชน์กับท่านหรือไม่ ?
ผู้เขียน : Meawbin Investor
สอบถาม พูดคุย แลกเปลี่ยน
โฆษณา