20 ก.พ. 2021 เวลา 15:31 • หุ้น & เศรษฐกิจ
📌KFINFRA-A กับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเติบโตแห่งอนาคต📌[กองทุนนี้ไม่ใช่กองทุนโครงสร้างพื้นฐานทั่วๆไป มีอะไรพิเศษและต้องระวัง?]
เมื่อเรานึกถึงคำว่า การลงทุนใน Infrastructure หรือโครงสร้างพื้นฐาน จะให้ความรู้สึกว่าเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่จำเป็น ปลอดภัย เปรียบเสมือนเป็น Defensive Sector ที่สามารถให้ผลตอบแทนได้สม่ำเสมอ วันนี้แอดจะมาเล่าถึงกองทุนที่กำลังจะเปิดใหม่ของ บลจ.กรุงศรี (KSAM) ซึ่งจะเน้นลงทุนใน “โครงสร้างพื้นฐานยุคใหม่” (Next Generation Infrastructure) กองทุน “ยุคใหม่” นี้แตกต่างจากโครงสร้างพื้นฐานแบบดั้งเดิม (Traditional) อย่างไร? มีความพิเศษและเหมาะกับนักลงทุนแบบไหน? มาเริ่มกันเลยค่ะ
1
1️⃣ โครงสร้างพื้นฐานแบบดั้งเดิม (Traditional) คืออะไร มีลักษณะอย่างไร?
โครงสร้างพื้นฐานทั่วไปที่เรารู้จักก็คือสิ่งที่อำนวยความสะดวกให้เรา เช่น ถนน ทางด่วน ระบบไฟฟ้า ประปา สนามบิน โทรคมนาคมต่างๆ ซึ่งเราจะถือว่ากิจการพวกนี้อยู่ในกลุ่ม Defensive หรือกลุ่มปลอดภัย ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจเป็นอย่างไร สินค้าหรือบริการในกลุ่มนี้ก็จะต้องถูกใช้อยู่ดีใช่มั๊ยคะ
2️⃣ โครงสร้างพื้นฐานในยุคใหม่ (Next Gen Infrastructure) เป็นอย่างไร?
Next Generation Infrastructure สามารถออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆคือ
(1) โครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ พลังงานทดแทน (Renewable energy) ซึ่งธีมการลงทุนนี้กำลังมาแทนอุตสาหกรรมพลังงานฟอสซิล ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายของประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่ให้ความสำคัญในเรื่อง Climate Change
(2) โครงสร้างพื้นฐาน Smart Cities เพื่อรองรับการเติบโตของการใช้ข้อมูลออนไลน์ผ่าน 5G และ Data Center ที่จะทำให้ชีวิตในเมือง สะดวกสบาย และปลอดภัยมากขึ้น
3️⃣ กองทุนหลักของ KFINFRA-A มีนโยบายการลงทุนอย่างไร?
- กองทุน KFINFRA-A ลงทุนใน Credit Suisse (Lux) Infrastructure Equity Fund ซึ่งมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และมีความเสี่ยงที่ระดับ 6
- กองทุนหลักเน้นการลงทุนในหุ้นธีม Next Generation Infrastructure ประมาณ 50% คือ Renewable Energy และ Telecommunication ในขณะเดียวกันก็ยังคงลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดั้งเดิม (Traditional) อีกประมาณ 50% ที่มีความมั่นคงค่อนข้างสูง เพื่อกระจายความเสี่ยงและลดความผันผวนของพอร์ต
- กองทุนหลักมีการปรับสัดส่วนเพื่อให้สอดคล้องกับธีมโครงสร้างพื้นฐานตามนโยบายของประเทศผู้นำโลก เช่น ในช่วงที่โจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้ง กองทุนก็มีการปรับเพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน Renewable Energy และเข้าลงทุนเพิ่มขึ้นในกลุ่ม Vaccine Play เช่น กลุ่มทางด่วน พลังงาน และสนามบิน ในช่วงที่มีข่าววัคซีน Pfizer เรียกได้ว่ากองทุนหลักมีการทำ Global rotation ด้วย
 
4️⃣ หุ้นที่น่าสนใจที่อยู่ในกองทุนหลักมีอะไรบ้าง?
3
- EDP Renovaveis – ผู้ผลิตพลังงานลมสัญชาติโปรตุเกสที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 4 ของโลก ซึ่งทำธุรกิจใน 14 ประเทศ โดยมี EPS ปี 2015-2019 โต 72% และหนี้ต่ำ D/E ratio 0.4 เนื่องจากเน้นการลงทุนในโปรเจคใหม่ๆ โดยใช้กระแสเงินสดจากบริษัทตัวเอง
- EQUINIX – Data Center ชั้นนำของโลก มีลูกค้าคือ Google Cloud, Zoom, aws, salesforce และมีการทำ Network provider ให้กับ NETFLIX โดยมี EPS ปี 2015-2019 โต 107% และบริษัทมีรายได้สม่ำเสมอ โดย 90% ของรายได้ถือว่าเป็นรายได้ต่อเนื่อง (recurring revenue) มีความมั่นคง
- GDS – Data Center ชั้นนำของจีน มีลูกค้าคือ Alibaba, Tencent, JD, Baidu, Ping An บริษัทมีการเติบโตของรายได้สูง โดยมีรายได้เติบโตปี 2017-2019 ที่ 292% อย่างไรก็ตาม บริษัทนี้ยังคงขาดทุนอยู่เนื่องจากอยู่ในช่วงการเติบโต ต้องใช้เงินในการลงทุนสูง
5️⃣ ความแตกต่างของกองทุน KFINFRA-A กับ Infra Fund ทั่วไปเป็นอย่างไร?
- กองทุนโครงสร้างพื้นฐานทั่วไปสามารถให้กระแสเงินสด (หรือปันผล) จากสินทรัพย์ที่มีความมั่นคง เช่น กองทุน Infrastructure ในประเทศไทย DIF (Telecommunication อย่างเดียว) หรือ TFIF (รวมLogistics and Utilities) จะเป็น Alternative asset เสมือนซื้อ Cash flow ของสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงแล้วเพื่อที่จะรับเงินปันผล
- เมื่อเปรียบเทียบ KFINFRA-A กับกองทุนรวมหุ้นโครงสร้างพื้นฐานในต่างประเทศ เช่น K-GINFRA หรือ TMB-GINFRA พบว่าสองกองทุนดังกล่าวเน้นใน Traditional Infrastructure ที่มีความมั่นคงแล้ว อย่างเช่น ท่อก๊าซธรรมชาติ โทรคมนาคม สายไฟฟ้า ระบบขนส่งและโลจิสติกส์ เป็นหลัก ดังนั้น กองทุน KFINFRA-A ลงทุนในบริษัทที่ทำธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานที่เน้นการเติบโตในอนาคต ความมั่นคงในเรื่องกระแสเงินสดสม่ำเสมอ จึงมีน้อยกว่ากองทุน Infra ทั่วไป
1
6️⃣ ผลการดำเนินงานของกองทุน Credit Suisse (Lux) Infrastructure Equity Fund
1
- เมื่อนำผลตอบแทนของกองทุนหลักมาเปรียบเทียบกับ MSCI World และ MSCI World Infrastructure พบว่ากองทุนหลักมีผลตอบแทนสะสมในช่วง 1, 3 และ 5 ปีมากกว่า MSCI World และมากกว่า MSCI World Infrastructure ค่อนข้างมาก (เนื่องจาก MSCI World Infrastructure เป็น Traditional Infra)
- ในขณะที่กองทุนหลักมีความผันผวน (standard deviation) อยู่ในช่วง 15-17% ซึ่งสูงกว่ากลุ่ม MSCI World Infrastructure ที่อยู่ในช่วง 12-15% จากข้อมูลนี้จึงพอบอกได้ว่ากองทุนนี้ผันผวนกว่ากองทุน Infra ทั่วไป
1
7️⃣ ความเสี่ยงหรือสิ่งที่ต้องระวังมีอะไรบ้าง?
(1) กองทุนลงในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน ดังนั้นความเสี่ยงจะอยู่กับตลาดหุ้น ซึ่งมีความผันผวนกว่ากองทุน Infra ทั่วไปที่จะมีกระแสเงินสดที่มั่นคงและชัดเจน
(2) เนื่องจากกองทุน KFINFRA-A ไม่เหมือนกองทุน Infra ทั่วไป แต่เน้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรองรับการเติบโตในอนาคตในสัดส่วนประมาณ 50% ดังนั้นจึงมีความผันผวนแบบหุ้นเติบโต มากกว่ากองทุน Infra ทั่วไป
(3) การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายหรือการใช้ชีวิต หากพลังงานสะอาด หรือเทรนด์ข้อมูลดิจิตอลที่กองทุนนี้เน้นลงทุนอยู่มีการเปลี่ยนแปลง จะกระทบกองทุนนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เว้นแต่ว่าผู้จัดการกองทุนจะมีการปรับพอร์ตการลงทุนได้ถูกต้อง
8️⃣ บทสรุป กองทุนนี้เหมาะกับใคร?
กองทุน KFINFRA-Aไม่เหมือนกองทุน Infra ทั่วไปที่ส่วนใหญ่มีสินทรัพย์มั่นคง และมีกระแสดเงินสดชัดเจนแล้ว อย่างไรก็ตาม กองทุน KFINFRA-A มีสัดส่วนครึ่งนึงเป็น Traditional และอีกครึ่งเป็น Next Generation รวมกันจึงทำให้มีผลตอบแทนในอดีตที่ค่อนข้างดีเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 16% ต่อปี (ผลตอบแทนในอดีตไม่การันตีอนาคต) แต่ผันผวนกว่ากอง Infra ทั่วไป อีกทั้งการเคลื่อนไหวของกองทุนหลักนี้จะสอดคล้องกับตลาดหุ้นโลก ทำให้กองทุนนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตหุ้นโลก ตรงนี้ #เด็กการเงิน ต้องเขียนบอกไว้ให้เข้าใจ
แอดเชื่อว่า กองทุน KFINFRA-A เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการลงทุนระยะยาวและรอคอยผลตอบแทนในอนาคต ช้าๆ แต่มั่นคงไปอีกอย่างน้อยๆ 1 generation เลยทีเดียวค่ะ
รอบรู้การเงิน การลงทุนไปกับพวกเราผ่าน Facebook และ Blockdit 👉เด็กการเงิน DekFinance
โฆษณา