21 ก.พ. 2021 เวลา 05:58 • ปรัชญา
บทความที่ 74 “PUSH” The Unmoved Rock
The Unmoved Rock
ในกาลครั้งหนึ่งมีกทาชายนายหนึ่งนอนหลับอยู่ในห้องเคบินของเขา
ทันใดนั้นมีแสงสว่างเรืองแสงจ้าในห้องของเขา พระผู้ช่วยให้รอดได้ปรากฏตัวขึ้น พระองค์ตรัสกับเขาว่าเรามีงานให้เจ้าทำ และชี้ไปที่หินโสโครกก้อนมหึมาที่ตั้งอยู่หน้าห้องเคบินของเขา พระองค์ทรงตรัสกับเขาว่า เจ้าจำต้อง PUSH (ผลักดัน) หินโสโครกก้อนโตนี้สุดความสามารถของเขา ชายคนนี้ก็ได้ปฏิบัติตามนั้น วันแล้ววันเล่าต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี เขาบากบั่นมุ่งมั่นตั้งแต่ย่ำรุ่งจนดวงอาทิตย์อัสดง หัวไหล่ทั้งสองข้างแนบสนิทกับหินโสโครกที่เย็นเฉียบซึ่งมีผิวขรุขละเพื่อออกแรงเต็มที่หินโสโครกนั้นไม่เคลื่อนไหวแต่อย่างใดทั้งๆที่เขาได้พยายามทำถึงที่สุดแล้ว
Once upon a time, there was a man who was sleeping at night in his cabinก when suddenly his room filled with light and the Savior appeared. The Lord told the man He had work for him to do, and showed him a large rock in front of his cabin. The Lord explained that the man was to push against the rock with all his might. This the man did, day after day. For many years he toiled from sun up to sun down, his shoulders set squarely against the cold, massive surface of the unmoving rock, pushing with all his might.
ทุกค่ำคืนชายคนนั้นได้กลับไปที่เคบินของเขาด้วยความปวดเมื่อยล้าระบมไปทั้งตัว เขาเริ่มมีความรู้สึกว่าเขาได้ใช้เวลาทั้งวันของเขาขลุกอยู่กับเรื่องไร้สาระ สังเกตเห็นได้ชัดเจนว่าเขามีสัญญาณที่เริ่มท้อแท้ถอดใจ มารซาตานจึงฉวยโอกาสตัดสินใจรีบครอบงำควบคุมความคิดล้างสมองชายคนนี้ทันทีเมื่อโอกาสทองมาถึง กล่าวคือ:
“เจ้าได้เสียเวลาผลักดันเคลื่อนย้ายหินโสโครกนี้เป็นเวลานานโขแต่มันก็ยังตั้งอยู่กับที่เดิม แล้วเจ้าจะฆ่าตัวตายด้วยวิธีนี้หรือ? เจ้าไม่มีวันที่จะเคลื่อนย้ายหินโสโครกก้อนนี้ได้แน่นอน” ดังนั้นเขานี้จึงรู้สึกประทับใจคล้อยตามในคำยุแหย่ของซาตาน แม้เขาจะทุ่มเทความสามารถแค่ไหนงานนี้ก็เป็นไปไม่ได้เขาก็จะลงเอยเป็นคนล้มเหลวอยู่ดี
Each night the man returned to his cabin sore and worn out, feeling that his whole day had been spent in vain. Seeing that the man was showing signs of discouragement, Satan decided to enter the picture placing thoughts into the man's mind such as: "You have been pushing against that rock for a long time, and it hasn't budged. Why kill yourself over this? You are never going to move it." Thus giving the man the impression that the task was impossible and that he was a failure.
ความคิดที่ถูกยุแย่เห็นผิดเป็นชอบของซาตานทำให้เขาท้อแท้ใจบั่นทอนกำลังใจเขาเป็นทวีคูณ “ทำไมฉันต้องฆ่าตัวตายเยี่ยงนี้?” เขาครุ่นคิดว่า
“ฉันจะทุ่มเทแรงกายและแรงใจเพียงน้อยนิดก็พอเพียงแล้ว”
นั่นคือความคิดที่เขามีแผนจะทำแว๊บขึ้นมาในหัวของเขา จนกระทั่ง
วันหนึ่งเขาได้ตัดสินใจอธิษฐานอย่างจริงจังถึงปัญหาคาใจของเขาทูลกับพระเจ้า
These thoughts discouraged and disheartened the man even more. "Why kill myself over this?" he thought. "I'll just put in my time, giving just the minimum of effort and that will be good enough." And that he planned to do until one day he decided to make it a matter of prayer and take his troubled thoughts to the Lord.
“สาธุการพระเจ้า” เขาพูดกับพระองค์ “ข้าพระองค์ได้ใช้แรงกายและใจเพื่อรับใช้พระองค์เป็นเวลานมนาน ทุ่มพละกำลังของข้าฯเต็มร้อยตามที่พระองค์รับสั่ง ไม่เพียงเวลาที่ผ่านมาเท่านั้น ข้าฯยังไม่เห็นเจ้าหินโสโครกนั้นขยับเขยื้อนเลยแม้แต่ครึ่งกระเบียดเซ็นต์ มันมีอะไรผิดพลาดหรือ? ทำไมข้าฯจึงทำงานล้มเหลว?” พระเจ้าจึงตรัสกับเขาด้วยความเห็นอกเห็นใจว่า “ลูกเอ๋ย เวลาก็ผ่านมานานแล้วที่พ่อขอให้เจ้ารับใช้ติดตามพ่อและเจ้าก็น้อมรับยอมปรนนิบัติด้วยใจศรัทธา
พ่อสั่งเจ้าให้ใช้ทักษะและพลังของเจ้าที่มีอยู่เพื่อผลักดันหินโสโครกนั้น เจ้าก็ได้ทำแล้วเต็มที่ พ่อไม่เคยสั่งให้เจ้าหรือคาดหวังจากเจ้าให้เคลื่อนย้ายหินโสโครกนั้นจงใช้ทักษะเจ้าผลักดันหินโสโครกเท่านั้น
"Lord," he said, "I have labored long and hard in your service, putting all my strength to do that which you have asked. Yet, after all this time, I have not even budged that rock a half a millimeter. What is wrong? Why am I failing?" To this the Lord responded compassionately, "My child, when long ago I asked you to serve me and you accepted, I told you that your task was to push against the rock with all your strength, which you have done. Never once did I mention to you that I expected you to move it. Your task was to push.
บัดนี้เจ้าได้มาพบพ่อร้องเรียนว่า ได้ใช้พละกำลังไปแล้ว และคิดว่าเจ้าได้ล้มเหลว แต่ล้มเหลวเช่นนั้นจริงหรือ? จงสำรวจตัวเจ้าเองดูซิ
แขนของเจ้าทั้งสองข้างดูแข็งแรงกำยังกล้ามเนื้อขึ้นเป็นมัดๆ หลังของเจ้าก็มีกล้ามเนื้อเป็นฟ่อนสีน้ำตาล แขนของเจ้าทั้งสองข้างก็บึกบึนถึงต้นคอเห็นได้ชัดเมื่อเจ้าออกแรงใช้กำลัง ขาทั้งสองข้างก็ขนาดใหญ่ขึ้นและแน่นฟิตแข็งแรงขึ้นต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง บัดนี้เจ้าได้เติบโตขึ้นมากและความสามารถของเจ้าก็ได้เพิ่มพูนขึ้นกว่าเดิมที่เจ้าเคยมีเคยเป็น เจ้ายังไม่เพียงไม่เคลื่อนย้ายหินโสโครกนั้น
แต่การเรียกเจ้ามาครั้งนี้ก็เพื่อให้เจ้ามีความเชื่อฟัง และออกแรงผลักดันและฝึกฝนความเชื่อและศรัทธาของเจ้าวางใจในถ้อยคำแห่งสติปัญญาของพระเจ้า บัดนี้เจ้าได้ทำสำเร็จแล้ว ครานี้พ่อและลูกรักเราจะเคลื่อนย้ายก้อนหินนี้ด้วยกัน”
PS. ปู่ IOU ขอเสริมสร้างคำว่า “PUSH” เพื่อเป็นวิทยาทานเพิ่มเติม
PUSH ยังมีความหมายในคำสอนของศาสนาคริสต์คือ...
Pray Until Something Happens. “จงอธิษฐานจนกว่าจะได้คำตอบ”
ถ้าบทความนี้โดนใจท่านและประกายความคิดเพื่อเป็นพรต่อยอดพระพรคนที่ท่านรักและเคารพเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้สังคมยุคนี้และอนาคตมีสันติสุขไม่โลภโกรธหลงละกิเลสตันหา มีเมตตากรุณาเป็นผู้ให้แทนที่จะเป็นผู้รับฝ่ายเดียว โปรดส่งต่อพระพรซ้อนพระพร
ด้วยการกด Like กด Share กด Follow ขอบคุณครับป๋ม GBU.
And now you come to me, your strength spent, thinking that you have failed. But, is that really so? Look at yourself. Your arms are strong and muscled, your back sinewed and brown, your hands are callused from constant pressure, and your legs have become massive and hard. Through opposition, you have grown much and your abilities now surpass that which you used to have. Yet you haven't moved the rock. But your calling was to be obedient and to push and to exercise your faith and trust in My wisdom. This you have done. I, my child, will now move the rock."
#IOU #แปล #PUSH #UnmovedRock
โฆษณา