21 ก.พ. 2021 เวลา 06:19 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Mank มีดีอะไร ถึงได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงลูกโลกทองคำถึง 6 รางวัล
Mank คือใคร สำคัญขนาดไหน ถึงต้องเอาชีวิตของเขามาสร้างเป็นหนัง แถมยังได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 6 รางวัล หลายคนเข้าไปดูมาแล้ว ทาง Netflix แน่นอนบางคนคงจะไม่ชอบหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ 10 นาทีแรก บางคนอาจอดทนดูจนจบเพราะเป็นแฟนของ Gary Oldman ที่รับบท Mank บางคนทนเพราะเป็นผลงานของ David Fincher ผู้กำกับสุดโปรด ถ้าจะให้เล่าให้ฟัง ว่าหนังเรื่องนี้มันมีดีตรงไหน ต้องย้อนเวลากลับไปในอดีตถึง 82 ปี ในช่วงปลาย 1930’s ถึงต้นๆ 1940’s Mank เป็นนักเขียนบทภาพยนตร์ระดับแถวหน้าในฮอลลีวูด ถึงแม้แกจะเป็นขี้เหล้าตัวยง แถมยังปากเสีย แต่ขาใหญ่ในวงการชอบความโผงผางที่ดูมีสีสันของแก อย่างน้อยแกเป็นคนปากกับใจตรงกัน ซึ่งคนแบบนี้หายากมากในวงการฮอลลีวูด ขาใหญ่ที่ให้ความสนิทสนมกับ Mank มากที่สุด เป็นผู้มีอิทธิพลในวงการสื่ออย่างมากในยุคนั้น William Randolph Hearst เจ้าของ สื่อทั้งสิ่งพิมพ์ วิทยุ ทีวี และภาพยนตร์ (Cosmopolitan Pictures) นอกจากนั้น Mank ยังเป็นเพื่อนที่รู้ใจที่เป็นกิ๊กของ Hearst ที่เป็นดาราในสังกัด Marion Davies (นำแสดงโดย Amanda Seyfried)
Mank ตกปากรับคำจะเขียนบทภาพยนตร์ให้กับหนุ่มไฟแรงที่กำลังฮอทในวงการ Orson Welles ที่โด่งดังมาจากวงการละครวิทยุค่าย Mercury Theater on the Air ที่คนอเมริกันติดตามฟังกันงอมแงม Welles กำลังตกที่นั่งลำบาก เพราะไปรับทำหนังให้กับ RKO โดยมีสัญญาว่าจะทำหนังให้สองเรื่อง เรื่องแรกเขียนบทเรียบร้อยแต่ยังสร้างไม่ได้ เพราะต้นทุนสูง เลยถูกดองไว้บนหิ้ง จึงจำเป็นจะต้องเร่งเขียนบทมาอีกเรื่อง แต่แล้วเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น Mank ประสบอุบัติเหตุทางรถ ขาหัก ต้องนอนรักษาตัวบนเตียง ไปไหนมาไหนไม่ได้ Welles เลยนำเขาไปอยู่แถวนอกเมือง มีพยาบาลคอยดูแล มีพนักงานสาวมาช่วยพิมพ์บทให้ตามที่ Mank บอกบท และมีผู้ช่วยส่วนตัวมากดดันให้เขียนเสร็จตามกำหนดเส้นตาย จาก 90 วันเหลือ 60 วัน แต่ Mank ทำได้ ทั้งนี้ต้องขอบคุณผู้ช่วยที่สุดแสนจะวิเศษ ที่ทำให้ทุกอย่างเสร็จทันเวลา นั่นก็คือ “เหล้า” ที่ Mank แอบเอามาดื่มนั่นเอง
บทหนังที่ Mank เขียน เป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิต ความรัก และความทะเยอทะยานของเจ้าพ่อสื่อ ชื่อ Charles Foster Kane ที่มีกิ๊กผู้รู้ใจ เป็นนักร้องเด็กปั้นของเขา Susan Alexander ความฝันสุดท้ายที่เจ้าพ่อสื่อคนนี้จะสร้างสรรค์ คืออาณาจักร Xanadu อันยิ่งใหญ่ มีทั้งรูปปั้น สิ่งปลูกสร้างอันอลังการ ประมาณค่าไม่ได้ พอทุกคนที่ได้อ่านบท ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เจ้าพ่อ Kane ในบทนี้ คือ เจ้าพ่อสื่อ William Rudolph Hearst และกิ๊กที่ว่านั้น ก็คือ Marion นั่นเอง ส่วนอาณาจักรที่ว่านั้น ก็คือ Hearst Castle ใน California ที่เขายกให้เป็นสมบัติของรัฐ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนไปเยี่ยมชมความใหญ่โตกันมาตลอด Mank ไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ เวลาที่มีคนถามถึงประเด็นนี้ แต่ทุกคนรู้ว่า กิ๊กของ Kane ในบทหนังที่ต้องทนนั่งเล่นจิ๊กซอร์อย่างโดดเดี่ยวใน Xanadu นั่นก็คือ Marion เท่านั้น ไม่มีใครอื่น
กว่าจะนำหนังเรื่อง Citizen Kane ออกมาฉายได้ Mank ต้องปรับแก้บทอีกหลายครั้ง โดยมี Orson Welles มาช่วย และ Welles ทั้งกำกับและรับบทเป็น Kane อีกด้วย เขาเลยได้รับเครดิตในการเขียนบทภาพยนตร์ร่วมกับ Mank แต่ที่จริงแล้ว เพื่อเป็นการเลี่ยงไม่ให้ Mank ถูกฟ้องเสียมากกว่า ในข้อหาที่เอาชีวิตของ Hearst มาสร้างเป็นหนัง
หนังเรื่อง Mank ใช้วิธีการดำเนินเรื่องแบบ flashback ในช่วงเริ่มต้นแห่งความสัมพันธ์ระหว่างเขากับ Hearst และ Marion สลับกับช่วงเวลาที่เขาติดอยู่บนเตียงสร้างสรรค์บทท่ามกลางแรงกดดันของเส้นตายที่ Welles เป็นคนขีดเส้น ทำให้หนังดูมีพลัง มีการขับเคลื่อนไปข้างหน้า ให้เราได้ลุ้นได้ติดตาม และที่สำคัญคือ มันมีปมที่สำคัญ ที่ทำให้ Mank ไม่พอใจ Hearst และเป็นจุดที่ทำให้เขานำชีวิตของ Hearst มายำในบทหนังที่เขาเขียนถือว่าเป็นการ “เอาคืน” หรือเปล่าไม่รู้
บทหนังเรื่อง Mank เขียนโดย Jack Fincher วัย 72 ปี คุณพ่อของผู้กำกับนั่นเอง เพราะในตอนที่ Citizen Kane ออกฉาย David ผู้กำกับเรื่องนี้ ยังไม่เกิดเลยครับ ส่วนคุณพ่อของเขา ยังอายุแค่ 11 ปี แต่ก็ถือว่าอยู่ในเหตุการณ์นั้นพอดี
ที่จริงแล้วเบื้องหลังการต่อสู้ที่จะนำหนังออกฉาย มันวุ่นวายกว่าที่หนังเรื่องนี้สะท้อนออกมา ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำไป หนังสร้างเสร็จในปี 1940 แต่กว่าจะฉายได้ก็กลางปี 1941 ท่ามกลางการขู่ที่จะฟ้อง ทำเอาบริษัท RKO ไม่กล้ารีบนำออกฉาย และที่สำคัญคือสตูดิโอใหญ่ ประกาศว่าจะไม่นำเอาหนังเรื่องนี้เข้าฉายโรงของตัวเองแน่นอน
ผมว่ามีหนังน้อยเรื่อง ที่เบื้องหลังกลายมาเป็นความวุ่นวาย และน่าลุ้นกว่าตัวหนังเสียอีก ถ้าเรายกให้ Citizen Kane เป็นสุดยอดของภาพยนตร์แห่งยุค Mank ก็คือ Behind the Scene ที่ควรค่าแก่การบันทึกของฮอลลีวูดครับ
โฆษณา