Ant group ของ “แจ๊ค หม่า” แท้จริงแล้วเป็นเครื่องมือของฝ่ายต่อต้าน “สี จิ้นผิง”
เหตุการณ์เมื่อปลายปี 2020 ที่ถกเถียงกันในหมู่นักลงทุนทั่วโลกคงหนีไม่พ้นการที่รัฐบาลจีนสั่งยกเลิก
การระดมทุนของบริษัท Ant group ในตลาดหลักทรัพย์ของจีนและฮ่องกง แผนการ IPO ที่มีการคาดหมายว่าจะมีมูลค่าของลงทุนมากที่สุดในโลกถูกเบรค
เพราะคำพูดที่ไม่น่าฟังของแจ็ค หม่า หรือ ความไม่โปร่งใสและไม่ถูกหลักการในวิธีดำเนินกิจการของ Ant group ก็ไม่น่าจะเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นเท่าไหร่
ถ้าพิจารณาข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับบริษัทนี้จะพบว่า Ant group ไม่ใช่บริษัทใหม่เพิ่งเริ่มกิจการและเหตุผลที่ว่าดำเนินกิจการผิดกฎเกณฑ์และกฎหมายจึงไม่น่าจะใช่
เพราะตั้งแต่ปี 2014 ที่ก่อตั้งบริษัท หน่วยงานรัฐบาลถึงไม่เข้าไปตรวจสอบและยิ่งมีการผ่านขั้นตอนถูกต้องตามกฏเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ทั้งเซี่ยงไฮ้และฮ่องกง จนสามารถระบุวันที่จะเข้าตลาดได้แล้ว
แต่กลับมีคำสั่งหยุดก่อนเข้าตลาดเพียงไม่กี่วัน มันจะต้องมีเหตุผลอื่นที่น่าสนใจอย่างแน่นอน
ย้อนดูประวัติศาสตร์ของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การปกครองของพรรคอมมิวนิสต์จีน
ตั้งแต่ก่อตั้งประเทศเมื่อปี 1949 จะพบว่ามีหลายเหตุการณ์ที่รัฐบาลนำเสนอข่าวสารล้วนแต่มีข้อเท็จจริงอีกมุมหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องของความขัดแย้งการต่อสู้ภายในพรรคคอมมิวนิสต์ทั้งนั้น
หรือพูดง่ายๆคือล้วนแต่เป็นเรื่องของการแกร่งแย่งชิงอำนาจของผู้บริหารประเทศ ไม่ใช่ตามข่าวที่สื่อออกมาว่าทำเพื่อประเทศ
ตัวอย่างเช่น เหมา เจ๋อตง ใช้การปฏิวัติวัฒนธรรมเป็นแผนการเพื่อจะกำจัดหลิว เส้าฉี ประธานาธิบดีคนที่สองของจีน
หรือในช่วงเวลาต่อมาที่ เติ้ง เสี่ยวผิง ใช้เหตุการณ์ประท้วงที่จตุรัสเทียนอันเหมิน เข้าจัดการ หู เย่าปัง และ เจียง จื่อหยา
(ติดตามเรื่องราวเบื้องลึกของการ ชุมนุมประท้วงเทียนอันเหมินได้ทาง)
และล่าสุด สี จิ้นผิง ใช้การออกกฎหมายความมั่นคงของฮ่องกงเพื่อไล่จับและจัดการกลุ่มอำนาจของเจียง เจ๋อหมินและพลพรรค
การเข้าควบคุมฮ่องกงแบบเบ็ดเสร็จของปักกิ่งมีผลต่ออำนาจและอิทธิพลของเจียงเจ๋อหมินอย่างมาก
เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา wall street journal มีรายงานว่ารัฐบาลจีนได้ทำการตรวจสอบกลุ่มนักลงทุนผู้ถือหุ้น Ant group พบว่าในรายชื่อพันกว่าคนนั้นมีชื่อของกลุ่มทายาทผู้บริหารพรรคคอมมิวนิสต์จีนรวมอยู่ด้วย
กลุ่มนี้ในช่วงสองปีที่ผ่านมาได้ออกมาวิจารณ์การทำงานของ สี จิ้นผิงอย่างชัดเจน
โดยเฉพาะในกรณีของ
เหริน จือเชียง ที่เปรียบเสมือนตัวแทนของกลุ่มนี้ และปีที่แล้วก็ได้ถูกลงโทษ18 ปี ในข้อหาทุจริต
ตามรายงานข่าวได้มีชื่อของ李伯潭 หลี่ปัวถัน หลานเขยของ賈慶林เจี่ย ซิ่งหลิน อดีตประธานสภาที่ปรึกษาทางการ และ 江志成
เจียง จือเฉิง หลายชายของ
เจียง เจ๋อหมิน อดีตผู้นำคนที่สามของจีน
ซึ่งเจียง จือเฉิน คนนี้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ได้ผลกำไรมากมายจากการลงทุนในบริษัทอาลีบาบาของแจ็ค หม่า
หลานชายของเจียงเจ๋อหมิน และบริษัทBoyu Capital ในฮ่
และรายชื่อหลายนี้ได้ส่งถึงมือของ สี จิ้นผิงในช่วงเดือนตุลาคม ปี 2020 ก่อนงานสัมมนา Bund Summit ไม่กี่วัน
ซึ่งเป็นงานที่แจ็ค หม่า ได้พูดถึงการไม่มีระเบียบกฏเกณฑ์ในธุรกิจการเงินของจีน ตามรายงานข่าว มีการวิเคราะห์ว่า
ถ้าแผนการะดมทุนของ Ant group มีประสบความสำเร็จจะทำให้กลุ่มคนเหล่านี้ทำเงินได้มากมายและเป็นการเพิ่มเงินทุนในการต่อสู้กับสี จิ้นผิง
โดยเฉพาะกลุ่มอำนาจเก่าอย่างเจียง เจ๋อหมิน ที่ถูกจัดการยึดทรัพย์ไปมากมายในช่วงหลายปีหลังมานี้
แต่จากการวิเคราะห์ของสื่อจีนหลายสำนักว่า ข้อมูลที่ลงในข่าวนี้ไม่น่าจะเป็นสื่ออเมริกาเองที่สามารถสืบหาข้อมูลเหล่านี้ได้
เพราะข้อมูลหลายอย่างมีความสลับซับซ้อน เช่น บริษัทของหลี่ ปัวถันที่ลงทุนใน Ant group
ใช้นอมินีถึงสามแห่งซึ่งถ้าเป็นการตรวจสอบทั่วไปอาจจะไม่พบหรือในกรณีของเจียง จือเฉิน ใช้
Boyu Capital ไปลงทุนบริษัทในเซี่ยงไฮ้และบริษัทนี้ไปเปิดอีกบริษัทในปักกิ่งและเป็นหนึ่งในผู้ลงทุนของ Ant group
ซึ่งจะถูกต้องตามกฏหมายที่บอกว่าบริษัทดำเนินธุรกิจทางการเงินต้องมีเป็นบริษัทในประเทศเท่านั้น
การรายงานข่าวชิ้นนี้จะเป็นเหมือนการตอบโต้กลุ่มทายาทผู้บริหารพรรคอมมิวนิสต์จีนและกลุ่มอื่นๆที่เป็นฝ่ายต่อต้าน สี จิ้นผิง
หลังจากก่อนหน้านี้ ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ มีข่าวรายงานฉบับหนึ่งของหน่วยอเมริกา The Atlantic Council รายงานชื่อว่า THE LONGER TELEGRAM : Toward a new American China strategy
พูดถึงการดำเนินนโยบายของอเมริกาต่อจีนต่อจากนี้ ซึ่งรายงานฉบับนี้มีเนื้อหา 25,000 คำ จำนวน 80 กว่าหน้า โดยผู้เขียนใช้ชื่อนิรนามหรือไม่ระบุชื่อ
ถ้าย้อนดูข้อมูลตามประวัติศาสตร์รายงาน THE LONG TELEGRAM ฉบับก่อนหน้านี้เป็นรายงานที่รัฐบาลอเมริกาใช้ในการออกนโยบายระหว่างประเทศกับสหภาพโซเวียตในการทำสงครามเย็นจนทำให้สหภาพโซเวียตล่มสลายในช่วงปี 90
เนื้อหาของ THE LONGER TELEGRAM ฉบับล่าสุดแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกพูดถึงการดำเนินนโยบายสงครามการค้าของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ที่มีประสิทธิภาพในการกดดันประเทศจีน
แต่ในรายงานนี้ไม่เห็นด้วยกับการทำสงครามการค้า ซึ่งมีการวิเคราะห์ว่ารายงานฉบับนี้ไม่น่าจะเป็นคนจากฝ่ายพรรครีพับลิกัน
เพราะรัฐบาลทรัมป์ เป็นคนเริ่มนโยบายในการทำสงครามการค้าจึงไม่น่าเป็นไปได้ที่นำเสนอนโยบายสวนทางกับที่เคยทำไว้
ในส่วนที่สองเป็นการเสริมแนวทางที่ไมค์ พอมเพโอ อดีตรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ ที่ย้ำหลายรอบถึงศัตรูของรัฐบาลอเมริกาคือพรรคคอมมิวนิสต์จีน ไม่ใช่ประเทศจีนหรือคนจีน
แต่ในรายงานฉบับนี้มีการระบุชัดเจนไปอีกว่าศัตรูของอเมริกาที่แท้จริงคือกลุ่มของสี จิ้นผิง ไม่ใช่สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์
ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาสี จิ้นผิง มีการจัดการกับฝ่ายต่อต้านมากมาย โดยการใช้เรื่องปราบคอร์รัปชั่นและทุจริตจับกุมทุกคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามหรือมีแนวโน้มจะเป็นภัย
ที่สำคัญในปี 2020 การออกกฎหมายความมั่นคงของฮ่องกงเป็นเหมือนการตัดความสัมพันธ์และผลประโยชน์ในเรื่องการเงินระหว่างกลุ่มทายาทผู้บริหารพรรคกับกลุ่มบริษัทที่ปรึษาการลงทุนจากอเมริกา
(ติดตามเรื่องราวอีกมุมหนึ่งของการชุมนุมประท้วงที่ฮ่องกง)
สื่อจีนหลายสำนักได้วิเคราะห์ในลักษณะใกล้เคียงกันว่า เนื้อในของรายงาน
THE LONGER TELEGRAM
ฉบับนี้น่าจะมาจากกลุ่มคนต่อต้านสี จิ้นผิง
รายงาน The Longer Telegram เป็นเหมือนแนวทางของนโยบายต่างประเทศของอเมริกา
ซึ่งเวลานี้ ต้องการที่จะอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างจีนและอเมริกาอันยาวนาน ให้ออกนโยบายเล่นงานรัฐบาลของสี จิ้นผิง
ถ้าย้อนดูประวัติศาสตร์พรรคเดโมแครต มีความสัมพันธ์อันดีกับผู้บริหารพรรคคอมมิวนิสต์จีนตั้งแต่สมัยเติ้ง เสียวผิง, เจียง เจ๋อหมิน และหู จิ่นเทา จนมาถึงสี จิ้นผิง ที่ทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงไปมาก
โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทธุรกิจการเงินของอเมริกาที่ปีที่แล้วสูญเสียผลประโยชน์ไปมากมายจากการยกเลิกIPO ของ Ant group
การออกข่าวของ wall street journal ที่มีการระบุชื่อผู้กระทำผิดอย่างชัดเจนว่าเป็นกลุ่มทายาทผู้บริหารพรรคจึงเป็นเหมือนกับการสวนกลับของรัฐบาลสี จิ้นผิง
ที่ต้องการแจ้งเตือนถึงการกระทำหรือแผนการของฝ่ายต่อต้านว่าทางรัฐบาลสามารถหาหลักฐานจัดการกลุ่มเหล่านี้ได้แน่
และการตัดสินประหารชีวิตไล่ เสี่ยวหมิน เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา เป็นสัญญาณว่าสี จิ้นผิง สามารถจัดการได้ทุกคนในเวลานี้
หรือข่าวลือในประเทศจีนตอนนี้ ที่ว่าบุคคลจีนที่นักลงทุนทั่วโลกในความสนใจอย่างแจ็ค หม่า ก็ได้ถูกจับกุมและกักบริเวณแล้ว
เป็นเหมือนการสื่อว่าถึงแม้จะมีชื่อเสียงระดับโลกก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้
ปี 2022 ที่กำลังจะถึงเป็นปีที่สี จิ้นผิง จะดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศจีนครบ 10 ปี ซึ่งตามหลักเกณฑ์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนจากสมัยของเติ้ง เสียวผิง
ตำแหน่งผู้นำประเทศและผู้บริหารประเทศทุกตำแหน่งจะหมดวาระภายใน 10 ปี แต่อย่างที่ทุกคนทราบสี จิ้นผิง ได้ยกเลิกหลักเกณฑ์นี้ไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
สื่อจีนจึงมีการวิเคราะห์ว่า
ปี 2021จะเป็นปีสำคัญของการต่อสู้ภายในพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งศึกครั้งนี้จะตัดสินใจว่าสี จิ้นผิง จะกลายเป็นเหมา เจ๋อตง คนต่อไปหรือไม่
โดยมีฝ่ายต่อต้านสี จิ้นผิง ที่ดูเหมือนเวลานี้น่าจะเป็นทุกกลุ่มทั้งกลุ่มทายาทผู้บริหาร กลุ่มอำนาจเก่า กลุ่มปฏิบัติงานซึ่งกลุ่มนี้มีตัวแทนกลุ่มที่เด่นชัดคือหู จิ่นเทา อดีตผู้นำคนก่อนและหลี่ เค่อเฉียงนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน
ต้องรอดูต่อไปว่ากลุ่มของฝ่ายต่อต้านสี จิ้นผิง จะใช้ความสัมพันธ์กับอเมริกามาจัดการสี จิ้นผิง ได้รึไม่
ถ้าย้อนดูประวัติศาสตร์จีนการชักศึกเข้าบ้าน ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนจีน
บุคคลที่ถูกมองว่าขายชาติมากมาย คนที่เด่นชัดสุดน่าจะเป็นอู๋ ซานกุ้ย แม่ทัพเปิดประตูเมืองให้ทหารแมนจูยึดเมือง เป็นสาเหตุหนึ่งของการล่มสลายของราชวงศ์หมิงและจุดเริ่มต้นของราชวงศ์ชิง
คงต้องรอดูกันต่อไปว่า ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ปกครองโดยพรรคคคอมมิวนิสต์ที่กำลังจะฉลองครบ 100 ในปี 2022 จะสามารถปกครองต่อไปหรือไม่
หรืออาจจะมีเหตุการณ์คล้ายกับสหภาพโซเวียตในยุคปี 90 หรืออาจจะเป็นแค่การเปลี่ยนผู้นำภายในพรรคคคอมมิวนิสต์เท่านั้น
ข้อมูลอ้างอิง
- 170
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
