ดูลัคนา
การอ่านดวงและอ่านดาวโดยทั่วๆไป แม้จะอ่านความหมายอย่างละเอียดถี่ถ้วนอย่างไร ก็ยังถือว่าขาดความสมบูรณ์แบบที่แท้จริง เพราะยังขาดจุดสำคัญอีกจุดหนึ่ง จุดนี้ถือได้เป็นจุดที่อาจารย์เก่าท่านปกปิดมาก เพราะถือว่าเป็นจุดไม้ตาย ซึ่งเป็นกลวิธีของโหรอย่างแท้จริง
การอ่านดวงชะตามิใช่มุ่งอ่านจากลัคนาแต่เพียงจุดเดียวเท่านั้นก็หามิได้ เพราะบางครั้งจะอ่านความหมายได้ไม่สมบูรณ์ หรือไม่ชัดแจ้ง จะต้องมีจุดสอบหรือจุดขัดเพื่อให้ได้ความหมายที่แท้จริง อาจารย์
เก่าท่านว่าดูจากลัคนาจุดเดียว ท่านเรียกว่าดูดวง “ขาเดียว” ถ้าเปรียบกับคน การยืนขาเดียว ยืนเดินก็ไม่ถนัดเพราะหลักไม่มั่นคง ท่านว่าต้องดู “สองขา” คือดูสอบจากอีกจุดหนึ่ง
จุดนั้นคือ “ตนุลัคน์ เพราะในดวงชะตาลัคนาคือชีวิตเจ้าชะตา และตนุลัคน์คือตัวตนของเจ้าชะตา ดวงดาวที่ให้คุณให้โทษแก่ลัคนาหรือให้โทษให้คุณแก่ตนุลัคน์ ก็มีผลเท่ากันดวงดาวที่ให้คุณแก่ลัคนา แต่เมื่อเป็นโทษแก่ตนุลัคน์ คุณประโยชน์นั้นก็เป็นโทษแก่ตนุลัคน์คือตนด้วย ตนุลัคน์มีความสำคัญแก่ดวงชะตาเท่าๆกับลัคนา อาจารย์โหรเก่าท่านชอบผูกปริศนาว่า การดูดวงต้องดู ๓ ลัคนา ศิษย์ส่วนมากมักตีความปริศนาไม่ออก ที่สติปัญญาดีพอเห็นเงาบ้าง ก็ไม่รู้วิธีใช้และ
วิธีอ่าน นอกจากอาจารย์ท่านจะสอนให้จึงจะรู้แจ้งที่ท่านว่า ๓ ลัคนา นั้นคือ ๑. ตัวลัคนาเอง ๒. ตนุลัคน์ และ ตัวที่ ๓. คือ ตนุเศษ
๑. ลัคนา บอกพื้นฐานของชีวิตตามฐานะของดาวในดวงชะตาและเหตุการณ์ที่จะเกิดแก่ชีวิต อันเกิดจาก คุณ โทษแห่งดวงดาวเดิมและจร
๒. ตนุลัคน์ คือลัคนาที่ ๒ ที่จะบอกความเป็นไปของชีวิต และรับคุณรับโทษที่จะเกิดจากดวงดาวขณะจรไปในท้องฟ้า
2. ตนุเศษ บอกจิตใจ สันดาน และความปรารถนาของตัวเจ้าชะตา ในบางครั้งจิตใจปรารถนาและแสวงหา จะสร้างพฤติกรรมให้แก่ชีวิตถึงจะอธิบายให้ละเอียดถี่ถ้วนอย่างไร ท่านก็อาจเข้าใจเพียงแต่ว่าลัคนาคืออัคนา ตนุลัคน์คือ
ตัวตน และตนเศนคือตนเศษอย่างที่นักเรียนรู้โหราศาสตร์ส่วนมากเข้าใจ แต่ใช้ไม่ถูกเพราะไม่อาจเข้า