22 ก.พ. 2021 เวลา 10:02 • ความคิดเห็น
2/2 ความคิดดีดีมีให้รวยได้ง่ายๆ ตอนที่สองเรื่อง”โซเรโต้ดินแดนแห่งอมตะ”
 
เมืองโซเรโต ตั้งอยู่ในรัฐเพนซิลวาเนียนอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองแมนฮัตตันออกไปประมาณ 120 กิโลเมตร
ชาวเมืองโซเรโต ประกอบอาชีพรับจ้างสกัดหินในเหมืองหินกาบบนเทือกเขาอะเพ็นนินเน คนรุ่นแรกๆเป็นชาวอิตาลี่ ทั้งหมด. อพยบมาจากจังหวัดฟอกเจียทางทิศตะวันออกของกรุงโรมออกไปประมาณ 90 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านท่ียากจนท่ีสุด จนมีการไหลบ่าของฝูงชนจำนวนกว่า20,000 คนเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ความหวังใหม่ ในดินแดนอเมริกาในปลายศัตวรรษท่ี19 โดยมีจุดเริ่มต้นจากชาวอิตาลีเพียง 11 คน เป็นชาย10 หญิง 1คน
เนื่องจากเป็นเมืองที่สร้างบนไหล่เขาห่างจากผู้คน และมีแต่ชาวอิตาลี จึงใช้ชื่อเมืองว่า โซเรโต เช่นเดียวกันกับถิ่นกำเนิดในเทือกเขาอะเพนนิเนในอิตาลี
หลังจากเติบโตเป็นชุมชนและเมืองสิ่งต่างๆก็เริ่มเกิดขึ้นตามมาด้วยการแนะนำของนักบุญบาดหลวงหนุ่ม เดอ นิสโก ด้วยการเริ่มจัดตั้งโบสถ์คริสตจักรเพื่อเป็นศูนย์กลางของชุมชนเมือง มีโรงงานอุตสาหกรรม 12 โรงเช่นโรงงานทอผ้า โรงเรียน ตลาด ร้านค้า ถนนคนเดินกาลีบาลดี ตั้งตามชื่อวีระบุรุษผู้รวบรวมประเทศอิตาลี
หลังจากนั้นถ้าคุณเดินเตรดเตร่ไปตามท้องถนนเมืองโซเรโต ในรัฐเพนซิลวาเนีย ก็จะได้ยินแต่ภาษาอิตาเลียนแต่เป็นสำเนียงชาวเมืองฟอกเจีย อีกต่างหากเรียกได้ว่าเหมือนชาวเมืองโซเรโต้ในอิตาลีแบบไม่ผิดเพี้ยน ทั้งเมืองจึงเป็นโลกส่วนตัวใบเล็กๆที่พึ่งพาตัวเองโดยแทบไม่เป็นที่รู้จักของสังคมภายนอก
จนกระทั่งมีผู้ชายชื่อ สจ๊วต วูฟล์เมืองที่ไม่มีคนรู้จักก็โด่งดังขึ้นมาด้วยเรื่องพิศวง
วูฟล์ เป็นแพทย์อายุรกรรมเรื่องการย่อยอาหารและกระเพาะอาหารเค้าสอนหนังสืออยู่มหาลัยโอกราโฮมา ช่วงฤดูร้อน เขาใช้เวลาอยู่ที่ฟาร์มแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับเพนซิลวาเนีย อยู่ไม่ไกลจากเมืองโซเรโตมากนัก ประมาณปี 1950 ก็ได้รับเชิญไปพูดให้ชมรมแพทย์ท้องถิ่นหลังจากบรรยายเสร็จ แพทย์ท้องถิ่นก็ชวนไปนั่งดื่มเบียร์ ระหว่างที่คุยกันอยู่ เพื่อนเขาก็พูดขึ้นมาว่า ”คุณรู้มั้ยครับผมเป็นหมอมา 11 ปีมีคนไข้มาจากทั่วทุกสารทิศแต่ผมไม่เคยเห็นชาวเมืองโซเรโตที่มีอายุต่ำกว่า 65ปีเป็นโรคหัวใจแม้แต่คนเดียว”
วูลฟ์นิ่งถึงตะลึงงัน เพราะช่วงนี้มียาลดระดับโคเลสเตอรอลผลิตออกมาเพื่อป้องกันโรคหัวใจ ภาวะหัวใจวายหรือโรคหัวใจที่ลุกลามไปทั่วประเทศ เป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตลุกลามไปทั่วประเทศ เอาเป็นว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่ใครก็ตามซึ่งเป็นหมอจะไม่เคยพบผู้ป่วยโรคหัวใจ
วูฟล์ ถึงเริ่มสืบหาความจริงด้วยการรวบรวมใบมรณะบัตร สอบย้อนหลังให้นานที่สุด ค้นหาประวัติการรักษาพยาบาลและสร้างแผนผังลำดับเครือญาติ ปี 1961 เค้าตัดสินใจที่จะทำการศึกษาอย่างจริงจัง
เก็บตัวอย่างเลือดและตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจนานกว่าสี่สัปดาห์ผลที่ได้น่าประหลาดใจมากคือแทบไม่มีชาวเมืองโซเรโตที่มีอายุต่ำกว่า 55 เสียชีวิตจากโรคหัวใจหรือสัญญาณบ่งบอกว่าเป็นโรคหัวใจเลยในขณะที่ผู้ชายอายุมากกว่า 65 ก็มีอัตราการเสียชีวิตและโรคหัวใจที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยถึง 50% และอัตราการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุของชาวโซเรโต้โต้ก็ต่ำกว่าที่คาดไว้ถึง 35%
เค้าเริ่มนำทีมมาสำรวจใหม่โดยสัมภาษณ์ทุกคนที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไป ที่โซเรโต้ ไม่มีใครฆ่าตัวตาย ไม่มีใครติดเหล้า ไม่ติดยาเสพติดและไม่มีการก่ออาชญากรรมเลย รวมถึงยังไม่มีใครขอรับสวัสดิการจากรัฐด้วย
จากนั้นเขาก็ศึกษาโรคแผลในกระเพาะอาหาร ปรากฏว่าไม่มีใครเป็นโรคเช่นกัน
ดูเหมือนคนเหล่านี้จะล้มตายด้วยโรคชราเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
เมืองนี้จึงเข้าอยู่ในนิยามของคำว่า”ตัวแปลกแยก”(Outlier)เพราะอยู่นอกเหนือประสบการณ์ที่เราได้สัมผัสทุกเมื่อเชื่อวันและอยู่นอกเหนือกฏเกณฑ์ทั่วไป
วูฟล์ คิดว่าอาหารคงเป็นธรรมเนียมปฏิบัติด้านโภชนาการซึ่งทำให้ชาวเมืองแข็งแรงแต่เค้าก็ค้นพบว่าชาวเมืองที่นี่ทำอาหารด้วยน้ำมันหมูแทนที่จะใช้น้ำมันมะกอกที่ดีต่อสุขภาพ ทานพิซซ่าที่มีแป้งบางกรอบทั้งใส่เกลือน้ำมันแม้จะโรยหน้าด้วยมะเขือเทศปลาแอนโชวี่หัวหอมและปกไข่ส่วนของหวานก็พวกบิสกอดติ ทาราลลี่ เค้าให้นักโภชนาการวิเคราะห์นิสัยการกินพบว่าแคลอรี่เจ้าเมืองบริโภคเข้าไปมาจากไขมันถึง 41% แถมคนไม่ได้ตื่นแต่เช้าตู่มาเล่นโยคะหรือวิ่งอย่างกระฉับกระเฉงแถมยังสูบบุหรี่อย่างหนักและมีหลายคนที่กำลังประเชิญหน้ากับโรคอ้วนอีกด้วย
เมื่อไม่ใช่อาหารการออกกำลังกายแล้วมันคือพันธุกรรมหรือไม่? เขาจึงตามรอยญาติๆที่อยู่ในอเมริกาของชาวโซเรโต ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อื่นๆผลปรากฏว่าก็ไม่ใช่อีกแล้วมันอะไรกันแน่
จากนั้นเค้าก็สนใจกับพื้นที่ที่บริเวณที่ชาวเมืองโซเรโต้อยู่และบริเวณใกล้เคียงรอบตีนเขาของรัฐเพนซิลวาเนียอาจจะส่งผลดีต่อสุขภาพของพวกเขาเช่นเมืองแบงค์เกอร์ที่ตั้งอยู่ตรงเนินเขาและนาซาเรสที่ห่างออกไปไม่กี่ใมล์ ทั้งสองเมืองมีขนาดประชากรเท่าๆกันเค้าได้เข้าไปตรวจสอบ
ประวัติการรักษาพยาบาลของทั้งสองเมืองพบว่าอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจของผู้ชายที่อายุมากกว่า 60 ห้าปีในเมืองนาซาเรสและแบงค์เกอร์สูงกว่าเมืองโซเรโต้ถึงสามเท่าจึงไม่ใช่เรื่องอากาศอีก
วูฟ เริ่มตระหนักได้ว่า ความลับของเมืองโซเรโต้ ไม่ใช่อาหาร การออกกำลังกาย พันธุกรรม และทำเลท่ีตั้ง
เค้าเริ่มเดินไปศึกษารอบรอบเมืองและเขาก็ค้นพบสาเหตุจนได้
เค้าสังเกตุเห็นวิถีที่ชาวเมืองโซเรโต้
เยี่ยมเยียนซึ่งกันและกัน
หยุดทักทายพูดคุยกันเป็นภาษาอิตาเลียนตามท้องถนน
ทำอาหารแบ่งปันให้กันและกันกินในสวนหลังบ้านของตัวเอง
พวกเขาได้เรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับครอบครัวขยายซึ่งเป็นรากฐานของโครงสร้างทางสังคมของเมืองนี้
พอดีเห็นหลายครอบครัวมีสมาชิกสามรุ่นอาศัยอยู่ในหลังคาเดียวกัน
เค้าได้เห็นว่าคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายได้รับความเคารพยำเกรงจากคนในครอบครัว
พวกเขายกขบวนกันไปโบสถ์อาโอเลดี้อ๊อฟเม้าท์คาเมลและสังเกตุเห็นความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและความสงบนิ่งของคนในโบสถ์
เค้านับจำนวนองค์กรภาคเอกชนมีถึง 22 แห่งในขณะประชากรมีไม่ถึง 2000 คนพวกเขาสังเกตุเห็นหลักความเสมอภาคที่ยึดถือปฏิบัติกันมาภายในชุมชนซึ่งโน้มน้าวให้คนรวยไม่ได้คุยโวโออวดถึงความสำเร็จของตนและช่วยให้คนที่ยังไม่ประสบความสำเร็จปิดบังความล้มเหลวของตนเองได้
เขาค้นพบว่าชาวเมืองโซเรโต้วางรากฐานทางสังคมเพื่อเป็นเกราะกำบังตนเองจากแรงกดดันของโลกสมัยใหม่ชาวเมืองโซเรโตตระหนักถึงสุขภาพที่แข็งแรงเพราะถิ่นฐานที่พวกเขาจากมา
“คุณจะได้เห็นมื้ออาหารสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิกสามรุ่นอยู่ด้วยกันมีขนมปังจำนวนมากคุณจะได้เห็นผู้คนเดินเตะไปตามท้องถนนหรือไม่ก็นั่งพูดคุยกันตรงชานบ้านคุณจะได้เห็นโรงงานผลิตเสื้อสตรีที่พวกผู้หญิงไปทำงานกันตลอดทั้งกลางวันขณะที่ผู้ชายไปทำงานในเมืองหินกาบ บรุห์น ทีมของวูฟ กล่าว
เขาได้นำงานวิจัยมาเผยแพร่พูดถึงประโยชน์อันลึกลับและน่าพิศวงของการหยุดพักท้ายการพูดคุยกันการแบ่งปันอาหารซึ่งกันและกันการมีสมาชิกครอบครัวถึงสามรุ่นอยู่ในหลังคาเดียวกันค่ะงานสร้างกระแสความเชื่อว่าอายุที่ยืนยาวขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราเป็นและการตัดสินใจเลือกของเราซึ่งเป็นเรื่อง”ของสุขภาพในแง่ของการอยู่ร่วมกันเป็นชุมชน”
บทสรุปของวูฟ ก็คือในชุมชนพวกเขาต้องทำให้เพื่อนร่วมวิชาชีพตระหนักว่า
การให้ความสำคัญกับคนอื่น พวกเขาต้องรู้จักมองออกนอกตัวต้องเข้าใจวัฒนธรรมที่เขาอาศัยอยู่ต้องดูว่าเพื่อนและครอบครัวเขาเป็นใครเป็นอย่างไรและต้องวิเคราะห์ได้ว่าครอบครัวของเขามาจากที่ไหนพวกเขาต้องเข้าใจแนวคิดที่ว่าค่านิยมของโลกที่เราอาศัยอยู่และและค่านิยมที่รายล้อมรอบตัวเราจะส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อตัวตนที่แท้จริงของเรา
ค่านิยม จึงหมายถึงความคิดในสิ่งที่เราควรจะเป็นหรือสิ่งที่ถูกต้อง พึงปฏิบัติมีความสำคัญและคนสนใจ เป็นสิ่งที่คนปรารถนาจะได้หรือจะเป็นและมีความสุขที่จะได้เป็นเจ้าของ จึงยอมรับไว้เป็นความเชื่อ ความศรัทธา ในการปฏิบัติ จึงเป็นคุณค่าของสังคมท่ีอยู่ร่วมกัน
ความสุขและไร้ซึ่งความเครียด ความกังวลใดๆ การแบ่งปัน การเคารพ การให้เกียรติ การไม่ดูถูกดูแคลนซึ่งกันและกัน การสร้างความเสมอภาค การให้คุณค่าแก่กัน จึงเป็นปัจจัยสำคัญท่ีทำให้ชาวเมืองโซเรโต้มีอายุยืนยาว เป็นเรื่องแปลกแยกท่ีทำให้โลกต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจ
โฆษณา