22 ก.พ. 2021 เวลา 12:17 • หุ้น & เศรษฐกิจ
มาทำความรู้จักกันว่าในอุตสาหกรรม Logic Semiconductor มีชิปหลักๆรูปแบบไหนบ้าง
วันนี้ผมจะมาเล่าให้เพื่อนๆฟังว่าชิป CPU / GPU / FPGA / ASIC ต่างกันยังไง
.
#CPU
เริ่มต้นที่ชิปที่เราคุ้นเคยกันมากที่สุด และผมเชื่อว่าทุกคนเคยได้ยินกันมาก่อนคือชิป CPU (Central Processing Unit)
.
CPU ก็เปรียบเสมือน 'สมอง' ของมนุษย์ ที่สั่งการร่างกายของเราในการทำงาน
.
CPU เป็นชิปหลักในการประมวลผลคำสั่งไปในส่วนต่างๆ ภายในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ส่วนต่างๆสามารถทำงานร่วมกันได้ ซึ่ง CPU เป็นชิป ตัวแรกๆ ที่มีการนำมาใช้ภายใน คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หรือ ทีวี ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน
.
โดยตลอดเวลาที่ผ่านมา CPU ก็มีวิวัฒนาการอย่างก้าวกระโดด อย่างต่อเนื่อง เราจะเห็นว่าชิปมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นและมีขนาดที่เล็กลงขึ้นทุกวัน
.
ผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสากรรม CPU ได้แก่
> Intel (INTC)
> Advanced Micro Devices (AMD)
.
.
#GPU
ตัวต่อมาที่เริ่มมีการนิยมใช้ในปัจจุบัน อย่างแพร่หลาย ก็คือชิป GPU (Graphic Processing Unit) หรือบางคนอาจคุ้นเคยในชื่อเรียกว่า'การ์ดจอ'
.
ตัว GPU เองมีหน้าที่ทำงานคล้ายๆกับ CPU แต่มีจุดประสงค์ในการใช้ที่แตกต่างกันออกไป
GPU ช่วยในการประมวลผลกราฟฟิกที่แสดงผลบนหน้าจอให้ออกมาง่ายและเร็วมากยิ่งขึ้น
.
เพราะชิปมีความสามารถในการประมวลผลคำสั่งไปพร้อมๆกันได้ (parallel processing) เลยทำให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในการประมวลผลที่มีความซับซ้อน
.
โดยในการทำงานของ GPU จะมีการแบ่งคำสั่งที่มีความซับซ้อนออกเป็นหลายคำสั่งย่อยๆ แทนที่จะประมวลผลทีละคำสั่งแบบชิป CPU เลยทำให้ในปัจจุบันมีคนนำชิป GPU มาใช้ในการแก้โจทย์ยากๆ อย่างเช่น ในกลุ่มAI (machine learning algorithm), การวิเคราะห์ภาพแบบเรียลไทม์ (computer vision), การประมวลผลความเร็วสูง (supercompeter) และ ยังรวมถึงการขุด Bitcoin
.
ผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสากรรม GPU ได้แก่
> Nvidia (NVDA)
> Advanced Micro Devices (AMD)
> Intel (INTC)
.
.
#FPGA
ชิปที่หลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูคือ FPGA (Field Programmable Gate Array) เป็นชิปที่มีความสำคัญต่อเทคโนโลยีแห่งอนาคต ไม่ว่าจะเป็นในส่วน Edge Computing หรือ 5G เป็นต้น
.
หลายคนอาจจะสังเกตเห็นว่าชื่อเต็มมันมีคำว่า 'Programmable' นั้นหมายความว่าชิปตัวนี้เราสามารถ แก้ไข(program)การทำงาน(function)ของชิปได้ตลอดเวลา ตามความต้องการของแต่ละ use-case โดยที่เราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชิปเลย เปรียบเสมือนการอัพเกรด OS version ของมือถือเราได้ตลอดเวลา โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเครื่อง
.
ข้อดีคือความยืดหยุ่นของตัว FPGA เอง ที่เราสามารถโปรแกรมแก้ไขการทำงานของมันได้ตลอดเวลา เพื่อตอบสนองความต้องการของแต่ละlogic(algorithm) เลยทำให้การประมวลผลเป็นไปได้อย่างเร็วมากยิ่งขึ้นและใช้พลังงานที่ลดน้อยลงเทียบกับ CPU/GPU และตัวFGPAเองก็สามารถทำงานแบบ parallel processing ได้เหมือนกับ GPU
.
ผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสากรรม FPGA ได้แก่
> Xilinx (XLNX)
> Lattice Semiconductor (LSCC)
> Intel (INTC)
.
.
#ASIC
ตัวสุดท้าย ที่เราจะพูดถึงวันนี้ก็คือชิป ASIC (Application Specific Integrated Circuit) ที่อาจจะต่างจาก 3 ตัวก่อนหน้านี้สักหน่อย
.
เป็นชิปที่ดีไซน์ไว้ใช้ในแต่ละ logic function โดยเฉพาะ นั่นหมายความว่า ตัวมันเองจะไม่สามารถประมวลผลสิ่งที่มันไม่ได้ถูกดีไซน์มาให้ทำงาน
.
ยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพมากยิ่งขึ้น ชิป ASIC ที่ดีไซน์ไว้ใช้กับโทรศัพท์มือถือของ Huawei จะทำงานกับโทรศัพท์มือถือรุ่นนั้นๆได้อย่างเดียว
.
ส่วนมากชิปASIC จะมีการใช้ในผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตเป็นจำนวนมากอย่างเช่น Smart Phone โดยส่วนมากแล้วตัวชิป ASIC จะมีขนาดเล็ก และมีความเสถียรมากกว่าตัวอื่นๆ
.
ผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสากรรม ASIC ได้แก่
> ON Semiconductor (ON)
> Samsung (KRX:005930)
> Intel (INTC)
.
.
เราจะเห็นว่าปัจจุบันนี้ แทบจะทุกๆอุปกรณ์จำเป็นจะต้องมีชิปเป็นส่วนประกอบหลักในการทำงาน เลยทำให้ราคาหุ้นกลุ่ม Semiconductor วิ่งกันแรงมาก เพื่อนๆคิดว่าชิปกลุ่มไหนจะได้ประโยชน์ในส่วนของการใช้งานร่วมกับ Data Center, Edge Computing, AI, IoT, 5G, Smart Phone, หรือ EV Car ครับ?
#หุ้นSemiconductor #CPU #GPU #FPGA #ASIC
โฆษณา