22 ก.พ. 2021 เวลา 14:01 • การศึกษา
"เหยียดคนเอเชีย" ความเกลียดชังที่ไม่มีวันจบสิ้น.
สวัสดีผู้อ่านทุกๆท่านนะครับ หายหน้าหายตาไปร่วม 7 เดือน ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งครับ วันนี้ผมกลับมาแล้วขอเริ่มต้นด้วยหัวข้อของรัฐศาสตร์ "ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ" นะครับ ถ้าพร้อมแล้วเชิญอ่านกันได้เลย
จากที่ใครหลายๆ คนทราบนะครับว่า การเหยียดเนื่ยมีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทั้งการเหยียดสีผิว เชื้อชาติ แม้กระทั่งการเหยียดเสียดสีกันเรื่องของความสำเร็จเอย หรือจะจิตวิทยาเอย ซึ่งการเหยียดแน่นอนครับว่าต้องมีสาเหตุ แต่เกิดจากสาเหตุใดนั้นผมลองวิเคราะห์หัวข้อใหญ่ๆ ออกมา 2 หัวข้อดังนี้ครับ
1.ประวัติศาสตร์
ที่ผมเลือกผมไม่ได้เก่งประวัติศาสตร์หรอกครับ แต่ด้วยประสบการณ์ถ้าเราได้อ่านผ่านตากันหรือแม้กระทั่งคนที่ไม่ต้องเก่งประวัติศาสตร์ก็น่าจะพอเดาได้ก็คือ การเหยียดคนผิวดำโดยการจับมาเป็นทาส กดขี่และข่มเหงกันในยุคล่าอาณานิคมใช่ไหมล่ะครับ ซึ่งต้นเหตุของการเหยียด กดขี่คนดำสมัยนั้นคงหนีไม่พ้นเหตุผลที่ว่า "เพราะคนดำไม่มีอารย ไม่มีเทคโนโลยี และนี่คือการประกาศว่าชั้นเหนือกว่าพวกแก" และด้วยแนวคิดแบบนี้มันก็ฝังรากลึกมาเรื่อยๆ มีลูกก็บอกลูกว่าคนดำมันไม่ดีและอย่าไปยุ่ง มีหลานก็บอกหลานและบอกกันไปเรื่อยจนถึงปัจจุบันครับ
2.การแข่งขันในยุคโลกาภิวัฒน์
กลับมาที่ปัจจุบันหลังจากที่คนผิวขาวถูกปลูกฝังเกี่ยวกับคนผิวดำ กลายเป็นว่าในยุคนี้มีการเหยียดคนเอเชียเพิ่มอีก(ซึ่งความจริงเหยียดมานานแล้ว แต่มาแรงมากๆ ในยุคนี้) ซึ่งถ้าผมมองว่าเขาเหยียดเพราะอะไร ผมคงต้องยกข้อที่ 1 มากล่าวเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มมานั่นก็คือ เรื่องของการแข่งขันครับ ซึ่งถ้าเรามองตั้งแต่สมัยที่เหยียดคนดำจนมาถึงปัจจุบัน สิ่งที่แสดงให้เห็นชัดที่สุดก็คือการที่คนผิวขาวอยากจะเป็นที่ 1 ของโลก อยากจะเจ๋งที่สุด แน่นอนครับว่าพอคนเอเชียไปเหยียบดินแดนของเขา เขาก็มองว่า "เราไปแย่งสิทธิเขา แย่งงานเขา" หรือประมานว่า "พวกแกจะเก่งกว่าชั้นได้ไง พวกเราพัฒนาแล้ว มีเสรีภาพแล้ว แล้วพวกแกมีอะไรบ้างล่ะ" อ่านแล้วคงตกใจกันใช่ไหมครับ แต่การที่อยู่ดีๆ จะตกผลึกมาเหยียดกันได้เนื่ย สมองและความคิดของพวกเขาต้องแรงกว่าที่ผมเขียนแน่นอน แต่ผมเขียนออกอากาศไม่ได้ครับ
ตัวอย่างของการเหยียดล่าสุดนั่นก็คือ ข่าวการถูกทำร้ายร่างกายเสียชีวิตของ นายวิชา รัตนภักดี ผู้ที่มีเชื้อสายไทย วัย 84 ปี ในนครซานฟรานซิสโก เมื่อหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ทำให้เกิดกระแสการเคลื่อนไหวทั้งจากภาครัฐและชุมชนคนไทยในสหรัฐฯ และทำให้ทั่วโลกหันมาสนใจปมปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับคนเชื้อสายเอเชีย รวมทั้งเครือข่ายสังคมออนไลน์ร่วมกันออกมาแชร์คลิปวิดีโอเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับคนเชื้อสายเอเชียผ่านอินสตาแกรมและทวิตเตอร์ พร้อมรณรงค์ผ่านแฮชแท็ก #AsiansAreHuman และ #JusticeForVicha เพื่อเรียกร้องความเท่าเทียมด้านสิทธิมนุษยชน และต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ
การรณรงค์ให้ยกเลิกการเหยียดคนเอเชีย
เคสของคุณวิชาไม่ได้เป็นเคสแรกที่เกิดขึ้น ยังมีอีกหลายเคสมากๆ ที่แสดงถึงการเหยียดคนเอเชียซึ่งผมไม่สามารถเขียนออกอากาศได้ทั้งหมด เพราะเยอะมากจริงๆ ครับ
แต่ในเคสของคุณวิชาทำให้ผมสามารถเขียนสาเหตุของการเหยียดได้อีก 2 หัวข้อดังนี้
1.โรคโควิด-19
โดยถ้าเราสังเกตุกันดีๆ นะครับจะ พบว่าการก่อเหตุรุนแรงจากความเกลียดชังต่อคนเชื้อสายเอเชียโดยเฉพาะในสหรัฐฯทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และรวมถึงมีการปลุกปั่นให้เกิดภาวะความเกลียดกลัวคนต่างชาติ จากข่าวเชื้อโรคร้ายที่มีต้นตอมาจากประเทศจีน และขณะเดียวกันการที่ในช่วงตลอดปีที่ผ่านมา อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มักใช้ถ้อยคำ "Hate speech" ที่แสดงออกถึงความเกลียดชัง ซ้ำๆ บ่อยครั้ง ทั้งในโซเชียลมีเดียและเวลาออกไปปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี ตั้งแต่ข้อความที่ว่า "ไวรัสจีน" "ไวรัสอู่ฮั่น" "กังฟลู" หรือหวัดจากจีน และประโยคที่บอกว่าจะต้องให้จีนชดใช้ต่อความเสียหายที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสตัวนี้ อีกทั้งผู้ร่วมชุมนุมสนับสนุนทางการเมืองของประธานาธิบดีทรัมป์ร่วมตะโกนถ้อยคำรุนแรงเหล่านี้มานานหลายเดือน จากแค่ตะโกนเฉยๆ ก็กลายเป็นออกมาหาเหยื่อก่อเหตุทำร้ายร่างกายกัน
2.ความเป็น Model Minority
หรือเรียกสั้นๆ ก็คือ "ชนกลุ่มน้อยดีเด่น" นั่นเองครับ เป็นกลุ่มคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต มีฐานะทางสังคมดี มีการศึกษาสูง มีรายได้มากกว่าคนเชื้อสายอื่นๆ ทั้งที่ไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ คนเชื้อสายเอเชียถูกมองว่าเป็นคนขยัน อดทนทำมาหากิน อ่านจบข้อนี้คุ้นๆ ไหมครับ เหมือนที่ผมเขียนไปในหัวข้อที่ 2 ใหญ่ข้างต้น เรียกได้ว่าแค่ความอิจฉากันเรื่องฐานะ ถึงกับต้องฆ่าต้องเหยียดกันไปหมดจริงๆ ครับ
กล่าวโดยสรุปแล้ว ถ้าเราอยากจะแก้ปัญหาการเหยียดในทุกรูปแบบเป็นสิ่งที่ยากมากๆ ครับเพราะความคิดมันฝังรากลึกไปหมดแล้ว ต้องขึ้นอยู่กับสำนึกของคนผู้นั้น แต่อีกอย่างที่เราต้องทำก็คือการที่เราต้องร่วมแรงร่วมใจกันทำรณรงค์ให้มากที่สุด อย่างเช่นการติดแฮชแท็ก #AsiansAreHuman เพื่อแสดงออกว่าคนเอเชียก็เป็นมนุษย์เหมือนกันนะ และการแก้ปัญหาอีกนึงข้อที่หวังให้ท่านประธ่นาธิบดี โจ ไบเดน ทำนั่นก็คือ การเยียวยาสภาพจิตใจและนำคนผิดมาลงโทษให้ถึงที่สุดให้ได้ ซึ่งผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเหยียดในทุกรูปแบบจะต้องลดน้อยลงแน่นอนครับ
จบกันไปแล้วสำหรับบทความในรอบ 7 เดือน ท่านผู้อ่านอยากให้ผมเขียนเรื่องอะไรก็สามารถคอมเม้นได้เลยนะครับ รวมทั้งสามารถติ ชม กันได้ เพื่อตัวผมจะได้พัฒนาต่อไป และก่อนจากกันอย่าลืม กดไลค์ กดแชร์ กันด้วยนะครับ เอจกันบทความครั้งต่อไป สวัสดีครับ
โฆษณา