22 ก.พ. 2021 เวลา 23:05 • ไอที & แก็ดเจ็ต
รีวิวใช้งาน Roborock S6 MaxV หุ่นยนต์ทำความสะอาดตัวท็อปจากบริษัทในเครือ Xiaomi ที่สเป็กมาแบบครบๆ ทั้งดูด ทั้งถู มีกล้อง AI หลบของในบ้าน กับราคายังที่เป็นมิตร
หลังจากที่เราเขียนรีวิวหุ่นยนต์ดูดฝุ่นตัวนี้ไปในเว็บแล้ว (อ่านในเว็บที่นี่ฮะ www.livingpop.com/review-xiaomi-roborock-s6-maxv) วันนี้เราขอเอามาเล่าให้ฟังกันในเพจอีกทีครับ ว่าเจ้าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นตัวนี้จะเก่งขนาดไหน
ใครเล็งๆ หุ่นยนต์ดูดฝุ่นอยู่ละก็.. มาอ่านกันได้เลยจ้าา ตัวนี้ฟีเจอร์แน่นๆ เลยล่ะ
🧐 จุดเด่น Roborock S6 MaxV
- ทุกอย่างสั่งงานได้ผ่านแอป ซึ่งแอปก็ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน
- ระบบแผนที่ห้องของ Roborock ฉลาดและแม่นมาก ทำงานแบบ real time ใช้งานได้จริง
- มีกล้องคู่หน้า ช่วยหลบหลีกสิ่งของในห้อง
- มีฟังก์ชันถูพื้น และสามารถใส่น้ำแล้วทิ้งไว้ในเครื่องได้ ไม่ต้องเติมบ่อย
- ฟังก์ชั่นครบ ในราคาหมื่นปลายๆ
Roborock คือใคร?
ถ้าพูดถึง Roborock หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นชื่อ แต่จริงๆ Roborock นี่ก็เป็นบริษัททำหุ่นยนต์ดูดฝุ่นโดยเฉพาะ ที่เป็นเจ้าใหญ่เจ้านึงจากจีนเลยครับ ซึ่งบริษัทได้รับเงินลงทุนจาก Xiaomi โดยตรง และเป็นคนผลิตหุ่นยนต์ดูดฝุ่นให้กับ Xiaomi ด้วยตั้งแต่ในปี 2016 หุ่นยนต์ดูดฝุ่นใน Mi Store ประเทศไทยรุ่นแรกที่วางขายก็ผลิตโดย Roborock เนี่ยแหละครับ (รุ่นนี้คนก็พูดถึงกันเยอะนะ เพราะมากับระบบ mapping วาดแผนห้องที่ค่อนข้างล้ำกว่าใครในสมัยนั้น ขายดีด้วย ทีมงานเองก็มี Roborock S5 ใช้อยู่ที่บ้านเพราะอ่านรีวิวรุ่นนี้มาอีกทีเหมือนกัน ซื้อตั้งแต่ก่อน Roborock มีตัวแทนจำหน่ายในไทย)
หลังจากนั้น Roborock ก็เริ่มออกสินค้าในแบรนด์ตัวเอง แล้วเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ ออกรุ่นใหม่ๆ ออกมา
ต้องบอกว่าสินค้าของ Roborock เองก็ยังมีความเป็น Xiaomi แบบที่ทุกคนคุ้นเคยอยู่ครบถ้วนเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหน้าตาที่สวยงามเรียบง่าย ความล้ำของฟีเจอร์ การใช้งานผ่านแอปที่ฉลาด ใช้งานไม่ยาก รวมไปถึงเรื่องของราคาที่จับต้องได้ ไม่ถึง 2 หมื่น
จริงๆ แล้วหุ่นยนต์ของ Roborock แอดเข้าแอป Mi Home ได้เลยนะ กดใช้งานหุ่นยนต์ผ่านแอพของ Mi ได้เลย คนที่ใช้ของ Xiaomi มาน่าจะคุ้นเคยกับแอพนี้กันดี แต่ Roborock เองก็มีแอปแยกต่างหากเหมือนกัน ฟังก์ชั่นการทำงานแทบจะเหมือนกันครับ แต่บางฟีเจอร์ใหม่ๆ จะมาในแอพ Roborock ก่อนเท่านั้นเอง แต่ถ้าจะใช้ร่วมกับ automation กับอุปกรณ์อื่นๆ ของ Xiaomi ก็ใช้ในแอพ Mi Home ครับ
1
หุ่นยนต์ดูดฝุ่น จำเป็นต้องมีไหม??
หลายๆ คน หลายๆ บ้าน อาจจะมีคำถามในใจว่า เอ๊ะ แค่กวาดบ้าน ถูบ้าน แค่นี้ก็ทำเองได้นี่นา ทำไมต้องเสียเงินซื้อหุ่นยนต์มาทำความสะอาดด้วย จำเป็นขนาดนั้นเลยหรอ จริงๆ ต้องบอกว่าสำหรับผมเอง คิดว่ามันเป็นเครื่องที่มา “ช่วยทำงานที่คนไม่จำเป็นต้องทำ” มากกว่าฮะ นึกภาพว่าแทนที่เราจะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่น ไปนั่งทำงาน ดูหนัง ฟังเพลง ไปข้างนอก กลับต้องเอาเวลามากวาดบ้าน ถูบ้าน ไม่รวมว่าสำหรับบางคน (เช่นตัวทีมงานเองเนี่ยแหล่ะ) กว่าจะฉุดตัวเองขึ้นมาทำงานบ้านได้ ลำไยบ้าง รำฉุยฉายก่อนบ้าง รอประธานตัดริบบิ้นบ้าง กว่าจะได้กวาดถูแต่ละที
ซึ่งหุ่นยนต์เค้าไม่โอ้เอ้ ไม่บ่น ไม่เบื่อครับ แถมขยันด้วยจะใช้งานวันละกี่รอบก็ได้ เถียงไม่ได้ ไม่มีกดปุ่มแล้วบอกว่า แปปนึง ขออีก 10 นาที 555555 ดังนั้นการโยนงาน routine ที่น่าเบื่อไปให้หุ่นยนต์ที่ขยันทำทุกวันแทนเนี่ยแหละฮะ คือจุดเด่นของตัวน้องหุ่นยนต์เค้าเลย ยังไม่นับว่าถ้าวันไหนไม่อยู่ ไม่ว่าง บ้านของเราก็ยังสะอาดเหมือนเดิมด้วยนะ
และสมัยนี้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นราคาลงมาจากแต่ก่อนมากครับ แถมอัดเทคโนโลยีกันมาแน่นมาก ใช้งานได้จริงในราคาที่จับต้องได้แล้ว ไม่ได้เป็นแค่ของเล่นคนมีเงินเหมือนเมื่อก่อน ด้วยระดับราคาประมาณนี้ก็น่าจะทำให้ใครที่เริ่มๆ สนใจดูพวกหุ่นยนต์มาช่วยทำความสะอาด ตัดสินใจกันง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะทีเดียวฮะ
ที่บอกว่าฉลาด เพราะเซนเซอร์ของน้องเค้ามีมารอบตัวเลยครับ
1. เซนเซอร์จับการชนด้านบนตัวเครื่อง ตัวนี้จะสามารถรับแรงกดได้ เผื่อการมุดที่ต่างๆ แล้วติด อย่างเช่นใต้โซฟา
2. LiDAR ที่ด้านบน จะหมุนไปรอบๆ ตลอดเวลาเพื่อ scan พื้นที่ห้องและสิ่งกีดขวางรอบๆ เอาไปทำเป็นผังห้องให้เราดูในแอป
1
3. แผงกันชนด้านหน้าเพื่อรับรู้การกระแทก (ที่เป็นแผงหน้าใหญ่ๆ) อารมณ์แบบรถบั๊ม เวลาเข้าไปใกล้กำแพงเซนเซอร์ตัวอื่นจะช่วยจับระยะ ให้เดินเข้าไปช้าๆ พอถึงกำแพงหุ่นยนต์ก็จะรู้เมื่อเดินไปชนเบาๆ ครับ
4. Cliff Sensor ใต้ตัวเครื่อง 4 จุด เอาไว้วัดระยะใต้เครื่อง ป้องกันการตกบันได
5. เซนเซอร์วัดระยะห่างจากผนัง ที่ด้านข้างกันชนทั้ง 2 ฝั่ง ไว้ใช้สำหรับจับผนังด้านข้าง เวลาเดินริมผนัง
6. กล้องคู่ ReactiveAI จับวัตถุด้านหน้า เช่นรองเท้า ปลั๊กไฟ + อินฟราเรดสำหรับใช้งานกล้องตอนกลางคืน ทำงานร่วมกับชิปประมวลผล Qualcomm 8 คอร์ ที่อยู่ในตัวเครื่อง แยกแยะประเภทของวัตถุ
นอกจากนี้ยังมีเซนเซอร์อื่นๆ อยู่ภายในตัวเครื่องอีก เช่น
- เซนเซอร์วัดการหมุนของล้อ ไว้จับระยะทางการวิ่ง
- เซนเซอร์วัดการกดของล้อ ให้เครื่องหยุดทำงานเวลาถูกยก + รู้ว่าเวลาเดินขึ้นพรมเพื่อเข้าโหมด carpet
- Gyroscope, Accelerometer และ Electronic Compass ทำให้รู้การหมุน รู้ทิศ รู้การเคลื่อนไหวของตัวหุ่นยนต์เอง
- เซนเซอร์ตรวจจับแท่นชาร์จ สำหรับการกลับที่ชาร์จ
เปิดใช้งานครั้งแรก เริ่มสร้างแผนที่ห้อง
สำหรับการใช้งาน/ตั้งค่าต่างๆ จะใช้คู่กับแอปในโทรศัพท์มือถือเป็นหลักเลย โดนต้องเชื่อมต่อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นเข้ากับ Wifi บ้านตามขั้นตอนที่บอกในแอป หลังจากนั้นก็จะสามารถใช้งานได้แล้ว ซึ่งแอปเนี่ยแหล่ะฮะจุดเด่นของเค้าเลย จะทำอะไรได้บ้างเดี๋ยวเราค่อยๆ มาดูกัน ส่วนตัวเครื่องจะมีแค่ 3 ปุ่มให้เรากดสั่งใช้งานเท่านั้นครับ
เมื่อกดสั่งให้ทำความสะอาดครั้งแรก น้องก็ไม่ได้จะเดินไปมั่วๆ นะครับ ในการทำงานของ Roborock S6 MaxV จะสร้างแผนที่ห้องของเราขึ้นมาเลยเพื่อใช้ในการทำความสะอาด โดยตัวเครื่องจะใช้เซนเซอร์ต่างๆ มี ทำการสแกนรอบๆ และสำรวจห้องเราไปเรื่อยๆ พร้อมกับความทำความสะอาดไปด้วย โดยการเดินของน้องจะไล่ไปตามกำแพงรอบมุมห้องก่อน เมื่อรู้หน้าตาและขนาดของห้องแล้วก็ค่อยกลับมาเก็บทำความสะอาดตรงกลาง ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเข้าไปครบทุกห้องครับ ทีนี้น้องหุ่นยนต์ก็จะรู้จักทุกห้อง ทั้งบ้านของเราแล้ว
แถมระหว่างที่น้องทำงานอยู่ เราก็ดูในแอปได้แบบ Real Time เลยว่าไปอยู่ที่ห้องไหน ห้องไหนทำแล้ว ห้องไหนยังไม่ทำ
และสำหรับใครที่บ้านใหญ่มากๆ จนแบตอาจจะไม่พอสำหรับการทำความสะอาดทั้งบ้าน (ซึ่งแบตก็ใช้งานได้เกิน 2 ชั่วโมงอยู่แล้วนะ) พอเครื่องรู้แผนที่รู้ขนาดบ้าน เมื่อแบตใกล้หมดแต่ยังทำความสะอาดไม่ครบก็จะกลับมาชาร์จแบตก่อน แต่ก็ไม่ต้องรอเต็มครับ เพราะหุ่นยนต์รู้อยู่แล้วว่าเหลือพื้นที่ที่ต้องทำความสะอาดอีกเท่าไหร่ พอชาร์จจนได้ไฟมากพอก็จะออกไปทำต่อเลย ช่วยประหยัดเวลาในการรอชาร์จได้อีกด้วยครับ (แต่ส่วนใหญ่แบตก็น่าจะพออยู่แล้วแหละ)
แบ่งห้องได้นะ สั่งให้ไปทำแค่บางห้องก็ได้
หลังจากที่หุ่นยนต์ทำความสะอาดรอบแรกเสร็จ แอปก็จะประมวลผลออกมาแล้วตีให้ว่าบ้านเรามีห้องอะไรบ้าง โดยดูจากตำแหน่งของประตู หรือ ช่องทางเดินระหว่างข้ามไปทำความสะอาดโซนต่างๆ แต่ถ้าแอปแบ่งให้ไม่ถูกต้อง เราก็ยังสามารถเข้าไปแก้ได้อยู่ดีนะ
โดยพอน้องรู้ว่าบ้านเรามีห้องไหนยังไงบ้าง การทำงานของน้องคือจะค่อยๆ ทำความสะอาดให้เสร็จไปทีละห้องครับ ไม่ทำงานข้ามห้องไปมา ทำให้ทำความสะอาดห้องได้รวดเร็ว และในการใช้งานเราสามารถสั่งให้ไปทำความสะอาดเฉพาะบางห้องก็ได้ หุ่นยนต์ก็จะไปแค่ห้องนั้นๆ และโปรแกรมการทำงานให้แต่ละห้องแตกต่างกันได้ เช่นห้องนอนให้ดูดเบาๆ ก็พอ ส่วนห้องนั่งเล่นเล่นดูดแรงสุดพร้อมถูพื้นไปด้วยเลย และเลือกลำดับได้ด้วยนะว่าจะให้ทำห้องไหนก่อนหลัง
ส่วนใครที่มีบ้านหลายชั้น แล้วยังไม่อยากซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นหลายตัว Roborock S6 MaxV เค้าก็มีระบบแผนที่แบบ Multi Level มาให้นะครับ โดยเราจะสามารถเซฟแผนที่ได้สูงสุด 4 ชั้น เซ็ตโปรแกรมการทำความสะอาดแต่ละห้องของแต่ละชั้นได้เลย พอยกไปชั้นไหน เครื่องจะ detect แผนที่ของแต่ละชั้นให้อัตโนมัติเลย
กั้น Zone ห้ามเข้า สร้าง Virtual Wall
เชื่อว่าทุกบ้านก็น่าจะต้องมีโซนรก ที่ไม่อยากให้หุ่นยนต์เข้าไปยุ่ง อย่างห้องของทีมงานเองเนี่ย ก็จะมีชั้นหนังสือวางใต้โต๊ะกลางโซฟา ที่มันอยู่ระดับพื้น หุ่นยนต์เดินขึ้นมาได้ หรืออย่างห้องน้ำที่ระดับมันไม่ต่างจากพื้นห้องมาก step ประมาณ 3 ซม. ถ้าเปิดประตูปกติน้องก็จะเดินลงไป (แต่ก็สูงเกินกว่าจะออกมาได้ น้องติดส้วมมม) แต่ถ้าพื้นสูงอย่างบันไดแบบนี้น้องจะไม่เดินลงนะครับ มีเซนเซอร์อยู่
กรณีนี้ถ้าเป็นยุคเก่าๆ เค้าก็จะมีขายแท่นวาง virtual wall สองฝั่ง เป็นกำแพงที่มองไม่เห็น เอาไว้วางบริเวณที่ไม่อยากให้หุ่นยนต์เดินเข้าไป แต่พอมีโหมดแผนที่แล้ว เราก็สามารถวาดได้เลยครับ อยากให้ตรงไหนเป็นกำแพงก็ลากเส้นเลย หรือจะวางปิดเป็นโซนๆ ก็ได้ แค่นี้หุ่นยนต์ก็จะคิดว่าเป็นกำแพง แล้วไม่เข้าไปยุ่งแล้ว
กล้องคู่ ReactiveAI จับวัตถุ รองเท้า ตาชั่ง ปลั๊กไฟ ฯลฯ
ปกติถ้าเป็นรุ่นก่อนๆ เวลาจะรู้ว่าอะไรอยู่ข้างหน้า หุ่นยนต์จะใช้ LiDAR ในการสแกนระยะห่างวัตถุ ร่วมกับการทำงานของกันชนด้านหน้าครับโดยพอใกล้จะชนกับกำแพงหรือวัตถุ เครื่องจะเดินเข้าไปชนเบาๆ แล้วเปลี่ยนทิศทาง แต่ของบางอย่างในห้อง ก็ไม่ควรเข้าไปโดนเข้าไปยุ่งเลยมากกว่า อย่างรองเท้า หรือปลั๊กไฟ อันนี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องไปลองชนดูก่อนเนอะ แล้วถ้ามีแค่ sensor กับ LiDAR ในการวัดระยะห่างจะรู้ได้ไงว่าวัตถุที่กำลังเดินไปหาคืออะไร
เลยเป็นที่มาของการมีกล้องคู่ ReactiveAI เพิ่มเข้ามาในรุ่นนี้ครับ เป็นกล้องคู่ที่ใช้ AI ในการตรวจจับสิ่งของต่างๆ ที่หุ่นยนต์กำลังเดินไปหา แล้วเครื่องก็จะประมวลผลว่า ควรจะเข้าไปหาดีไหมนะ อย่างถ้าเป็นกำแพง หรือขาโต๊ะ ก็จะเดินเข้าไปเลย แต่ถ้าเป็นวัตถุอย่างอื่น เครื่องก็จะเก็บภาพมาวิเคราะห์แล้วว่าคืออะไร อาจจะเป็นวัตถุที่ดูคล้ายรองเท้า คล้ายปลั๊กไฟ คล้ายที่ชั่งน้ำหนัก เครื่องก็จะทำการหลบหลีบสิ่งต่างๆ เหล่านี้ให้ โดยในตัวเครื่องจะมีชิปประมวลผล Qualcomm® APQ8053 8 Core ทำหน้าที่ประมวลผลภาพเหล่านี้ให้ เหมือนเป็นคอมเล็กๆ เครื่องนึงเลย
แล้วทำไมต้องเป็นกล้องคู่ อันนี้ก็จะเหมือนกับในมือถือยุคใหม่ๆ การที่มีกล้อง 2 ตัว จะช่วยให้สามารถคำนวนความลึก ความอยู่ใกล้ไกลของวัตถุเพิ่มเติมได้ เหมือนใน iPhone ที่ใช้กล้อง 2 ตัวในการถ่ายหน้าชัดหลังเบลอนั่นเองครับ แล้วในตอนกลางคืน ถ้าหากปิดไฟหมด กล้องก็ยังสามารถจับภาพในที่มืดได้เนื่องจากจะมีอินฟราเรดอยู่ที่กล้องด้วยครับ
ในการใช้งานจริง โหมดกล้อง ReactiveAI เวิร์คขนาดไหน??
ต้องบอกว่าเหมือนมาเป็นฟังก์ชั่นที่มาช่วยการเก็บกวาดห้องสมบูรณ์ยิ่งขึ้นฮะ ถ้าเทียบกับหุ่นรุ่นที่ไม่มี มันจะมีบางครั้งที่เราถอดรองเท้าเดินในบ้านไว้ หุ่นไม่รู้ ก็จะดันไปเรื่อยๆ บางทีอาจจะไปจบอยู่ใต้โซฟา ใต้เตียงบ้าง หรือบริเวณที่เป็นปลั๊กไฟ เครื่องเดินไปชนปลั๊กที่หลวมๆ อยู่หลุดบ้าง พอมี ReactiveAI ก็ช่วยให้หลีกเลี่ยงสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลย
แต่ถามว่า AI สามารถจับวัตถุได้ถูกต้อง 100% เป๊ะๆ เลยมั้ย ก็ไม่ถึงกับ 100% ขึ้นอยู่กับหน้าตาของวัตถุครับ ให้ความถูกต้องประมาณ 70% แล้วกันฮะ ถ้าหน้าตาวัตถุไหนแปลกๆ หน่อย AI ก็อาจจะยังดูไม่ออกว่าวัตถุคืออะไรบ้าง แต่ถ้าวัตถุกีดขวางอันไหน AI เจอแล้วงง ก็จะขึ้นว่าเป็น Unknown Item แต่ถึงจะเป็น Unknown น้องก็จะยังจะหลบให้เหมือนกันนะ หลักๆ ก็คืออะไรแปลกๆ ก็จะพยายามหลบให้ครับ
สำหรับบ้านใครที่เลี้ยงสัตว์ ตัว S6 MaxV เค้าจะมีโหมด Pet Detail มาให้ด้วย ปรับการทำงานของ AI ให้ระวังยิ่งขึ้น ในโหมดนี้จะสามารถตรวจจับอึ๊น้องหมาน้องแมวได้ เจอวัตถุอะไรประหลาดอะไรก็จะพยายามไม่เข้าไปยุ่งมากกว่าปกติ แต่ประสิทธิภาพการทำความสะอาดก็อาจจะลดลงกว่าโหมดปกติเล็กน้อยครับ
มาขับหุ่นยนต์ดูดฝุ่นสำรวจบ้านกัน
บางทีเราอาจจะมีที่ที่เลอะเป็นจุดๆ อยากให้หุ่นยนต์มาทำความสะอาดเฉาะบางส่วน ไม่ต้องทำทั้งห้อง เราสามารถจิ้มในแผนที่ลาก Spot Cleaning เฉพาะโซนในแผนที่ได้ด้วยนะครับ น้องก็จะมาทำความสะอาดเฉพาะโซนนั้นๆ สามารถตั้งให้ทำวนไปสามสี่รอบก็ได้ก่อนนะกลับ
หรือถ้าอยากเจอน้อง แต่ไม่อยากเดินไปหาน้องเอง เค้าก็มีโหมด Pin & Go ให้ปักหมุดในแผนที่บ้าน เดี๋ยวน้องก็จะออกมาหาตามหมุดที่ปักเอง เอาไว้เผื่อเรียกน้องมาเทฝุ่นออก หรือ maintenance เช็ด ถูกตัวเครื่อง/เซนเซอร์
หรือถ้าใครยังจะบังคับหุ่นยนต์เองเป็นรถบังคับเลย ก็มีโหมด Joystick ให้
แต่อย่างที่บอกไปว่ารุ่นนี้เค้ามีกล้องหน้าครับ เลยมีความสามารถพิเศษเพิ่มเข้ามาอีก นั่นคือโหมด Remote Viewing ที่จะคล้ายๆ กับเล่นเกมอยู่เลยฮะ คือจะเปิดกล้องแล้วมีปุ่มบังคับหุ่นยนต์ไปที่ต่างๆ ในบ้านได้ แถมสามารถส่งเสียงพูดจากมือถือ ไปออกลำโพงด้วย เผื่อใครเอาหุ่นยนต์เดินไปคุยกับหมาแมวจากนอกบ้าน แต่โหมดนี้ถ้าเปิดกล้องเมื่อไหร่ ตัวเครื่องก็จะมีเสียงเตือนบอกที่เครื่องด้วยตลอดเวลาเหมือนกันนะครับ เอาไว้แจ้งคนในบ้างที่กำลังถูกกล้อง remote view ดูอยู่ ให้รู้ว่ามีการถ่ายภาพ เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้คนในบ้านด้วยเช่นกัน
โหมดถูบ้าน มีถังน้ำในตัว ปรับความเปียกได้
รุ่นนี้จะมีถังน้ำขนาดที่ถือว่าค่อนข้างใหญ่พอตัว ติดกับด้านหลังของตัวเครื่อง สามารถถอดออกมาเติมน้ำแล้วใส่กลับเข้าไปได้ ส่วนเมื่อไหร่ที่เราต้องการถูพื้น ตัวเครื่องก็จะมีแผงสำหรับถูพื้นรูปร่างคล้ายๆ ครึ่งวงกลมมาให้เสียบที่ด้านหลังตัวเครื่องครับ ซึ่งถ้าใส่ปุ๊บเครื่องก็จะเข้าโหมดถูให้ออโต้ แต่ถ้าถอดออกก็จะเป็นโหมดปกติ ในโหมดถูตัวเครื่องก็จะเดินเน้นให้การถูพื้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยในรุ่นนี้จะไม่ได้เป็นระบบน้ำหยดเหมือนรุ่นเดิมๆ แล้วครับ แต่จะมีปั๊มสำหรับควบคุมได้เลยว่าจะใช้น้ำเยอะ น้ำน้อย เลือกแต่ละห้องให้เหมาะกับสภาพพื้นของแต่ละห้องได้ด้วย น้ำหนึ่งถังตาม spec สามารถใช้ได้สูงสุดประมาณ 200 ตารางเมตรครับ
หลังจากลองใช้งานจริง ถือว่าถูเก็บฝุ่นได้โอเคครับผม ความเปียกถ้าตั้งน้ำสูงสุดนี่ก็พื้นเปียกพอประมาณเลย เหมาะกับการใช้ถูเก็บฝุ่นต่างๆ ที่บางทีการดูดฝุ่นอาจจะไม่หมดครับ เอามาใช้สักอาทิตย์ละครั้งสองครั้งงี้ เน้นงานถูที่เป็นกิจวัตร แต่ถ้าจะเน้นถูเอาสิบแรงขัดขจัดคราบบนพื้น หรือถูหลังปาร์ตี้เสร็จไรงี้อาจจะหนักเกินไปสำหรับน้อง
ฟังก์ชั่นอื่นๆ
นอกจากฟังก์ชั่นหลักๆ ที่ก็ถือว่าเยอะมากๆ แล้ว ตัวหุ่นยนต์เองก็ยังมีฟังก์ชั่นอื่นๆ ที่เราอาจจะไม่ได้พูดถึงอย่างละเอียดด้วยครับ
เช่น
✅ Carpet Mode เพิ่มแรงดูดเป็นระดับสูงสุดอัตโนมัติเมื่อขึ้นบนพรม
✅ Schedule ตั้งเวลาการทำงานอัตโนมัติ ให้ทำทุกวัน หรือแค่บางวันในสัปดาห์ได้ เลือกเวลาและโหมดการทำงานได้
✅ โหมด Do not disturb ตามช่วงเวลา ลดการรบกวน เสียงพูดของเครื่องจะเบาลง
✅ มีหน้าดูข้อมูลอายุการใช้งานพวกอุปกรณ์ที่มีอายุขัยต่างๆ เช่นฟิลเตอร์ แปรงปัด
✅ ดูประวัติการทำความสะอาดย้อนหลังในวันก่อนๆ ได้
✅ Siri Shortcuts สามารถเพิ่มให้สั่งงานผ่าน Siri เช่นบอกว่า Hey Siri, Start the robot หุ่นยนต์ก็จะเริ่มทำงาน
✅ แชร์หุ่นยนต์ให้มือถือคนอื่นๆ ได้ กรณีที่บ้านอาจจะมีคนอยู่หลายคน
✅ มี Notification แจ้งเตือนการเริ่มทำงาน/ทำงานเสร็จผ่านในมือถือ
✅ เพื่อความปลอดภัยของข้อมูล ระบบจะไม่เก็บข้อมูลภาพหรือข้อมูลวีดีโอห้องเราไว้ในเซิฟเวอร์
✅ มีเสียงภาษาไทยแล้วนะ เด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุจะได้เข้าใจเวลาเครื่องร้อง
การใช้งานโดยรวม
ขอพูดในมุมของคนที่เปลี่ยนมาใช้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นมาประมาณ 2 ปีก่อนนะครับ บอกเลยว่าตั้งแต่มีหุ่นยนต์ดูดฝุ่นก็ไม่ได้กวาดห้องอีกเลยครับ ให้หุ่นยนต์กวาดถูเอา ทุกวันนี้ที่ห้องไม่มีไม้กวาดด้ามยาวๆ แล้วครับ มีแต่แปรงอันเล็กๆ เผื่อกวาดอะไรนิดหน่อย เทียบพื้นห้องที่หุ่นยนต์ทำงานทุกวัน กับห้องที่ไม่ได้กวาดไม่กี่วันอันนี้ความรู้สึกต่างกันแน่นอนชัดเจน
ส่วนการถูพื้นทั้งห้องนี่ก็แทบไม่ได้ถูเลยเช่นกัน จะมีก็แต่ห้องครัวซึ่งอยู่บริเวณส่วนหน้าห้องของคอนโด ที่เดินใส่รองเท้าเข้ามาถอดในห้อง กับทำอาหารต่างๆ ที่อาจจะมีคราบหกลงพื้น น้ำมันเอย ซอสเอย ต่างๆ เครื่องซักผ้าใต้เคาน์เตอร์ครัวบางทีก็เทน้ำยาหยดลงพื้นบ้าง ซึ่งส่วนนี้ก็ต้องยอมรับว่าบางทีระบบถูยังเอากับคราบขนาดนี้ไม่อยู่ครับ ยังต้องมาเช็ดคราบที่ฝังที่พื้นเอง ซึ่งก็อย่างที่บอกไปนั่นเองครับ ว่าหุ่นยนต์จะเน้นการทำความสะอาดเบาๆ แต่บ่อยๆ เน้นทำทุกวันให้ห้องไม่มีฝุ่น แต่ถ้างานหนักๆ ก็ต้องเป็นมือเรานั่นเอง ซึ่งมันก็นานๆ ครั้งมากๆ ครับที่ต้องมาทำเอง
และถ้าพูดถึง Roborock S6 MaxV ตัวนี้ก็มีการพัฒนาการทำงานให้สมบูรณ์ขึ้นในหลายๆ ด้านเลย กล้องคู่หน้าตรวจจับสิ่งของได้จริง หลบให้จริง ไม่ได้ดันรองเท้าแล้ว ถึงจะมีบ้างที่เจอของหน้าตาแปลกๆ แล้วอาจจะไม่รู้จัก แต่ก็ถือว่าทำงานได้ดีครับ โหมดถูบ้านอันนี้ก็พัฒนาขึ้นจากของเก่า มีถังให้ใส่น้ำ ปรับความชุ่มในการถูได้ ซึ่งจากรุ่นเดิมใส่น้ำหนึ่งครั้งจะถูครั้งเดียวก็หมดแล้ว ตัว S6 MaxV เปิดแบบน้ำเยอะสุดก็ยังใช้น้ำไปแค่ประมาณ 1 ใน 3 ครับ ดังนั้นบ้านใหญ่ๆ น่าจะถูได้ทั้งบ้านสบายๆ คิดว่าโหมดถูพื้นใช้งานได้จริงจังขึ้นกว่ารุ่นที่แล้วที่รู้สึกว่าเหมือนมาเป็นของแถม
ส่วนการใช้งานด้านอื่นๆ อย่างระบบแผนที่อันนี้คงไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เพราะเป็นจุดเด่นมาแต่ไหนแต่ไร ฟังก์ชั่นต่างๆ เหมือนถูกคิดมาแล้ว ข้อนี้ทำได้ดีอยู่ละ พลังดูดของเครื่องก็ถือว่าพอเพียงสำหรับหุ่นยนต์ที่เน้นทำความสะอาดทุกวัน ไม่เคยรู้สึกว่าห้องไม่สะอาดเดินแล้วเจอฝุ่น ขนาดแบตที่มีมาให้ก็ถือว่ามากพอแล้วสำหรับการใช้งานแต่ละวัน ห้อง 35 ตร.ม. ของทีมงาน ใช้แบตไปแค่ประมาณ 10 – 15% เองครับ ดังนั้นบ้านพื้นที่เยอะก็น่าจะหายห่วง
สรุป
สำหรับตัวทีมงานเองก็บอกได้ว่าแฮปปี้กับการมีหุ่นยนต์ดูดฝุ่นมากครับ ไม่รู้สึกเสียดายเงินเลยที่เปลี่ยนมาใช้หุ่นยนต์ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคนด้วยนะฮะ ถ้าโจทย์คืออยากหาตัวช่วยทุ่นแรงทำงานบ้าน ส่วนตัวคิดว่าเวิร์คครับ ช่วยได้เยอะจริง
Roborock เองก็มีหุ่นยนต์หลายรุ่นหลายราคาแต่ใครที่มองหาหุ่นยนต์ดูดฝุ่นดีๆ ซักตัว spec แน่นๆ ฟังก์ชั่นครบๆ แต่คุ้มค่าในราคาจับต้องได้ Roborock S6 MaxV ในราคาแค่หมื่นปลายๆ ไม่น่าทำให้ผิดหวังครับ
อย่างตัวผมเองนี่ก็ซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นของ Roborock S51 มาใช้เองที่คอนโดตั้งแต่ 2 ปีก่อนฮะ สมัยที่ยังเป็นเครื่องหิ้ว แถมยังงอก S6 ไปใช้ที่บ้านเพิ่มอีกเครื่องนึง จนวันนี้ Roborock มีตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว ส่ง S6 MaxV มาให้รีวิว ตัวนี้ก็ยังเป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่นในแบบที่คุ้นเคยที่ใช้งานได้ดี คุณภาพสมราคากับฟีเจอร์ค่อนข้างคุ้มเหมือนที่คุ้นเคย เพิ่มเติมคือฉลาดขึ้นไปอีก และต่างจากเมื่อก่อนคือมีประกัน 2 ปี พวกอุปกรณ์ที่มีอายุอย่างฟิลเตอร์ แปรง หรืออะไหล่ก็หาได้สะดวกขึ้นกว่าเดิม ราคาไม่แพง
และนี่ก็เป็นรีวิวหุ่นยนต์ดูดฝุ่น Roborock S6 MaxV นะครับ แล้วคราวหน้าเราจะมีอะไรมาฝาก อย่าลืมติดตามกันน้าาา
ใครที่อยากอ่านรีวิวแบบละเอียด สามารถคลิกไปอ่านในเว็บได้ที่ www.livingpop.com/review-xiaomi-roborock-s6-maxv คร้าบบบ
โฆษณา