[BrandCase] กรณีศึกษา กลยุทธ์ขายสินค้า 100 บาท ขอกำไรแค่ 5 ของ Xiaomi ถ้าเราเป็นเจ้าของธุรกิจ เราก็คงอยากจะสร้างธุรกิจที่มีอัตรากำไรสุทธิสูงๆ ใช่ไหม ? แต่รู้หรือไม่ว่าบางบริษัทก็ไม่ได้มีแนวคิดแบบนี้ หนึ่งในนั้นก็

สำรวจ
ลงทุน
คำถาม

มีบัญชีอยู่แล้ว?หรือ

BrandCase

ยืนยันแล้ว

•

23 ก.พ. 2021 เวลา 03:53 • ธุรกิจ

กรณีศึกษา กลยุทธ์ขายสินค้า 100 บาท ขอกำไรแค่ 5 ของ Xiaomi

ถ้าเราเป็นเจ้าของธุรกิจ เราก็คงอยากจะสร้างธุรกิจที่มีอัตรากำไรสุทธิสูงๆ ใช่ไหม ?

แต่รู้หรือไม่ว่าบางบริษัทก็ไม่ได้มีแนวคิดแบบนี้

หนึ่งในนั้นก็คือ Xiaomi ที่เคยออกมาประกาศว่า

“เราจะคงอัตรากำไรสุทธิในธุรกิจฮาร์ดแวร์ของเราไม่ให้เกิน 5%”

ผลิตสินค้าทั้งที ขอกำไรแค่นี้ Xiaomi คิดอะไรอยู่? มาดูกัน

หากใครยังไม่เข้าใจคำว่า “อัตรากำไรสุทธิ”

จริงๆ แล้ว มันก็คือ ความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจ

โดยคำนวณมาจากรายได้ หักค่าใช้จ่ายทั้งหมด และนำมาเทียบกับรายได้อีกที

ที่ผ่านมา หลายคนอาจตีความว่า

บริษัทไหน มีอัตรากำไรสุทธิสูง บริษัทนั้นก็น่าจะมีแบรนด์ที่ดี

และมีความสามารถในการกำหนดราคา

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ ก็เช่น

LVMH เจ้าของแบรนด์กระเป๋าหรูใบละหลายหมื่น

มีอัตรากำไรสุทธิ 13%

Ferrari เจ้าของรถสปอร์ตคันละหลายสิบล้าน

มีอัตรากำไรสุทธิ 18%

หรือบริษัทผู้ผลิตสินค้าเทคโนโลยีอย่าง Apple

ก็มีอัตรากำไรสุทธิสูงถึง 21%

แต่มันก็อาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป

เพราะ Xiaomi ก็ถือเป็นแบรนด์ที่ดี

แต่กลับไม่ได้อยากทำกำไรจากธุรกิจสินค้าเทคโนโลยีเลย

โดยเรื่องนี้ มีที่มาอยู่ว่า คุณ Lei Jun เจ้าของบริษัท Xiaomi

อยากให้สินค้าของบริษัทเข้าถึงกลุ่มคนในวงกว้าง

จึงตั้งราคาไว้แทบจะอยู่ในระดับเดียวกับต้นทุน

ซึ่งเขาตั้งใจจะใช้สินค้าเหล่านี้เป็นใบเบิกทาง

ให้ผู้ใช้งานเข้าถึง “ธุรกิจอินเทอร์เน็ตของบริษัท”

Lei Jun มองว่าธุรกิจอินเทอร์เน็ตน่าจะเป็นธุรกิจที่สามารถเก็บกินได้ในระยะยาว

ไม่ใช่ธุรกิจฮาร์ดแวร์ที่คนมักจะเปลี่ยนบ่อยๆ

โดยธุรกิจอินเทอร์เน็ตที่กล่าวถึง จะอยู่ในรูปแบบของโฆษณา

และระบบสมาชิกคล้ายกันกับ Facebook, Netflix หรือ Spotify

โดยจะเป็นบริการที่ฝังอยู่ในสินค้าของ Xiaomi ภายใต้ระบบปฏิบัติการ MIUI ที่มีฐานผู้ใช้งานราว 368 ล้านรายในไตรมาสที่ 3 ปี 2563 คิดเป็นการเติบโตขึ้นมากถึง 26% เมื่อเทียบกับปีก่อน

ทีนี้ เรามาดูกันว่ากลยุทธ์ของ Xiaomi มีรายได้ กำไรเท่าไร?

ปี 2019 รายได้ 9.5 แสนล้านบาท กำไร 4.7 หมื่นล้านบาท

โดยอัตราการเติบโตของรายได้ย้อนหลัง 3 ปี เฉลี่ย 34% ต่อปี

ซึ่งก็ถือเป็นระดับที่สูงพอสมควร

และแม้ว่าบริษัทตั้งใจจะเอากำไรไม่สูง

แต่ด้วยปริมาณที่ขายให้กับคนทั่วโลกได้มาก

มันก็ได้ผันให้กำไรที่ขอเพียง 5%

ให้มีมูลค่าได้สูงถึงระดับ 4.7 หมื่นล้านบาท

ซึ่งก็ต้องบอกว่า กำไร 5% ของ Xiaomi

มากกว่าหลายๆ บริษัท ที่มีอัตรากำไรสุทธิเป็นเลขสองหลักเสียอีก

สำหรับนักลงทุน และตลาดหุ้นก็ดูเหมือนจะเห็นด้วยกับกลยุทธ์ของ Xiaomi

สะท้อนไปยังมูลค่าบริษัทที่ปัจจุบันสูงถึง 3 ล้านล้านบาท