ฝังเข็ม คือ อะไร?
จิ้มเข็มมาเจ็บไหม?
แล้วมียาในเข็มหรือเปล่า?
การฝังเข็มเป็นวิธีการรักษาทางการแพทย์ของจีนมาช้านาน แต่ยังไม่กว้างขวางในเมืองไทยนัก จึงมีคนรู้จักน้อย คราวนี้หมอจะมาอธิบายให้ฟังกันนะคะ ว่า “ฝังเข็ม” คืออะไร?
ฝังเข็ม เป็นศาสตร์การแพทย์แผนจีนที่มีมายาวนานหลายพันปี ปัจจุบัน เป็นการใช้เข็มที่ผลิตจากโลหะสแตนเลส มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดเล็กมากๆๆ (เล็กกว่าเข็มเจาะเลือด ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.8-1.6 มม. หรือเข็มเย็บผ้า ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 .02 มม ) เข็มที่ใช้ฝังเข็ม เส้นผ่านศูนย์กลางทั่วไป 0.25 มม (เข็มฝังหน้าเล็กถึง 0.12 มม ) จิ้มลงไปบนร่างกาย ตามจุดฝังเข็ม ที่อยู่นอกและในแนวเส้นลมปราณของร่างกาย แล้วคาเข็มไว้ตามเวลาที่แพทย์กำหนด จากนั้นก็จะดึงเข็มออก (เข็มปลอดเชื้อใช้ครั้งเดียวทิ้งนะคะ ไม่มีการใช้ซ้ำ)
ซึ่งมันคนละอย่างกับการฝังยาคุมกำเนิดในการแพทย์แผนปัจจุบัน ที่สอดเข็มเข้าไปใต้ผิวหนังของร่างกายแล้วคาไว้แบบนั้นยาวนานถึง 3 ปี ค่อยเอาออกนะคะ (อย่าสับสนเพราะคำศัพท์ค่ะ ) ฝังยาคุม คือมี “ยา” หรือฮอร์โมนที่ช่วยออกฤทธิ์ ส่งผลต่อการคุมกำเนิด
ส่วนฝังเข็มแผนจีนที่หมอกำลังพูดถึง จะไม่มียาใดๆในเข็มทั้งสิ้นนะคะ
ข้างในร่างกายคนเรานอกจากจะมีเส้นเลือด เส้นประสาทแล้ว ยังมีแนวเส้นลมปราณ ที่เป็น imagine line (มีอยู่จริงแต่มองไม่เห็น) เป็นเส้นสมมุติ ซึ่งมีทางเดินและการหมุนเวียนเป็นระบบ เส้นลมปราณมีทั้งหมด 12 เส้นหลัก และ 2 เส้น พิเศษ ซึ่งทั้งหมดนี้มีการเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายและยังมีเส้นย่อย เส้นแขนง ครอบคลุมไปทั่วทั้งร่างกาย ทำงานเหมือนระบบไฟฟ้าหรือระบบสัญญาณเครือข่ายโทรศัพท์
ปัจจุบันเทคโนโลยีพัฒนาไปมาก จึงสามารถพิสูจน์ได้แล้วถึงการมีอยู่จริงของเส้นลมปราณในร่างกายมนุษย์ โดยค้นพบจากห้องทดลองฟิสิกส์
เส้นเลือดเส้นประสาทหรือท่ออื่นๆในร่างกายมนุษย์ เรียนรู้และอธิบายการทำงานได้ตามหลักการทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์คือวิทยาศาสตร์ชีวภาพ(Biological )
แต่ระบบเส้นลมปราณ อธิบายตามหลักฟีสิกส์ ทฤษฎีควอนตัมฟิสิกส์ กับทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ พูดถึงความสัมพันธ์ระดับลึกของอนุภาค สสาร พลังงาน และคลื่น
บนเส้นลมปราณ จะมีจุดต่างๆ ที่มีชื่อเฉพาะ มีคุณสมบัติเฉพาะที่ใช้ในการบำรุงสุขภาพ และรักษาโรค มีจำนวนทั้งสิ้น กว่า 670 จุด
ในการฝังเข็ม หมอจะวิเคราะห์อาการ วินิจฉัยโรค หาสาเหตุของอาการและโรค แล้วจึงจะเลือกจุดในการฝังเข็ม เสน่ห์ที่น่าพิศวงสองอย่างเด่นๆของการฝังเข็มคือ
ข้อแรกคือ ในคนไข้แต่ละคน แต่ละครั้ง จะฝังด้วยจุดหรือตำหรับจุดที่แตกต่างกัน แม้จะมาด้วยอาการเหมือนกัน นั่นเพราะสาเหตุของโรคหรืออาการแตกต่างกัน รวมทั้งปัจจัยพื้นฐานด้านสุขภาพของแต่ละคนล้วนแตกต่างกัน (แม้แต่ตัวคนๆหนึ่ง พอเวลาเปลี่ยนไป สถานที่เปลี่ยนไป ฤดูกาลเปลี่ยนไป อารมณ์เปลี่ยนไป ก็ถือว่าแตกต่างแล้ว) ดังนั้น การเลือกจุด หรือตำหรับในการฝังเข็มแต่ละครั้ง จึงแตกต่างกันไปอย่างเฉพาะเจาะจง
ข้อสอง ในจุด 1 จุด จะออกฤทธิ์แบบ360 องศา และ Biphasic คือ ส่งผลตรงข้ามกันในลักษณะแบบปรับสู่สมดุล เช่น จุดๆหนึ่ง ถ้ามาด้วยอาการความดันโลหิตสูง เมื่อฝังเข็มจุดนี้จะปรับให้ความดันลดลงสู่ภาวะปกติ แต่ถ้ามาด้วยอาการความดันต่ำ เมื่อฝังเข็มจุดๆเดียวกันนี้ จะช่วยปรับให้ความดันสูงขึ้นสู่ภาวะปกติได้นั่นเองค่ะ หรือจุดหนึ่งมีสรรพคุณในการช่วยระบายในเคสที่ท้องผูก แต่เมื่อคนไข้มาด้วยอาการท้องเสีย ก็ใช้จุดเดียวกันนี้รักษาได้เช่นกัน หรือคนที่มาด้วยใจสั่น ใจเต้นเร็ว ก็จะมีจุดที่ใช้ในการรักษาเป็นจุดเดียวกับที่ใช้รักษาอาการหัวใจเต้นช้ากว่าปกติค่ะ นั่นหมายความว่า ไม่ต้องกลัวภาวะ Over dose เหมือนการใช้ยา เพราะจุดหนึ่งจุด มีสรรพคุณในการปรับสู่สมดุลนั่นเองค่ะ
อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่า เข็มที่ใช้ในการฝังเข็มนั้น มีลักษะบางและเล็กมากๆ หากคนที่ไม่ได้ฝึกการฝังเข็มมาก่อน จะไม่สามารถแทงเข็มผ่านผิวหนังเข้าไปได้เลยค่ะ ยากมากกกก ดังนั้นเรื่องเจ็บจากเข็มไม่ใช่สิ่งที่ต้องกังวล เพราะอย่างมากก็เจ็บแค่มดตัวเล็กๆกัด (ไว้โอกาสหน้าหมอจะมาสาธยายถึงอาการและความรู้สึกของคำว่ามดกัดให้ได้รู้กันอย่างละเอียดมากขึ้นนะคะ )
#หมอกุ๊กเอง
#iClinicฝังเข็ม
#เบาสบายหายทันที
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
