24 ก.พ. 2021 เวลา 02:32 • ความคิดเห็น
2/3 ความคิดดีดีมีให้รวยได้ง่ายๆ เรื่องความสำเร็จสร้างได้ครั้งที่ 2/ 3 ตอน “ความสำเร็จคือกฎของตราชั่งโบราณ”
“โอกาส ถ้าผู้ใดมีอยู่แล้ว จะเพิ่มเติมให้กับผู้นั้นแบบเหลือเฟือ แต่ผู้ท่ีไม่มีโอกาสเช่นนั้น จะถูกแย่งชิงไป แม้เขาจะเหลือเพียงแต่น้อยนิดก็ตาม”
ประเทศแคนาดากีฬาที่ยอดฮิตที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับประเทศที่มีแต่หิมะก็คือกีฬาฮอกกี้ มีการจัดตั้งระดับสโมสรตั้งแต่อนุบาลยันระดับประเทศหรือ พูดให้ชัดก็คือตั้งแต่เกิดมารู้เรื่องเมื่อไหร่จนกระทั่งเดินไม่ไหวพูดไม่ได้นั่นแหละ
ทำไมกีฬาฮอกกี้จึงเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดที่ให้เห็นถึงความสำเร็จของกฎตาชั่งโบราณ
เพียงความได้เปรียบเล็กๆน้อยๆของมนุษย์เช่นการเกิดเพียงต้นปีกับปลายปีหรือหญิงสาวสวยน่าหลงใหลแต่อีกคนนึงสวยกับมีเสน่ห์กับสวยแล้วไม่มีเสน่ห์ก็คงไม่แตกต่างจากมีส้วมที่สวยหรูแต่สร้างไว้หลังบ้านกับหน้าบ้านนั่นเอง น้ำหนักของตราชั่งที่มากขึ้นอีกเพียงเล็กน้อยของอีกฝั่ง ตาชั่งก็เอียงไม่เป็นท่าเลยทีเดียว
กีฬาฮอกกี๊ที่โด่งดังในแคนาดายุคนั้น อย่างทีม แวนคูเวอร์ และเมดิซิน เเฮต ความนิยมชมชอบสุดขั้วทั่วประเทศ เหมือนอเมริกันฟุตบอลในอเมริกาอย่างไงอย่างงั้น
กีฬาฮอกกี้ ตัดสินกันท่ีความสามารถของแต่ละคน เด็กชายชาวแคนาดาเริ่มเล่นกีฬาชนิดนี้ตั้งแต่ระดับอนุบาล และมีการแข่งขันทุกระดับอายุ
ในแต่ละระดับผู้เล่นจะถูกคัดเลือก จัดกลุ่ม และประเมิน คนที่มีความสามารถมากที่สุดจะถูกแยกออกมาและเตรียมตัวสำหรับระดับต่อไป ผู้เล่นที่ดีที่สุดจะถูกเลือกเข้าสู่ลีค ชั้นนำ เรียกว่าเมเจอร์ จึงเป็นยอดพีระมิดและเมื่อระดับทีมเมเจอร์เข้าชิงถ้วยแข่งขันรายการเมมโมเรียลคลับแล้วละก็ คุณคือจุดสูงสุดของความสำเร็จ
นี่คือวิธีการของวงการกีฬาเกือบทุกชนิดใช้กันอย่างแพร่หลายรวมถึงการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยและแม้แต่การทำงานประกอบอาชีพก็ไม่ได้มีความแตกต่างกันเลยแม้แต่น้อย
ถ้าคุณมีความสามารถไม่ว่าอะไรก็ตามโอกาสอันงาม มันจะมาพร้อมเครือข่ายอันกว้างขวางของบรรดาแมวมองพวกเฮดฮันเตอร์(การล่าซื้อตัว)และนักปั้นมือทองของทุกวงการ จะหาคุณจนพบ และถ้าคุณพร้อมและทุ่มเทเพื่อพัฒนาความสามารถของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น กฎตราชั่งโบราณก็จะทำงานทันที ความสำเร็จ จึงขึ้นอยู่กับ “คุณค่าของตัวคุณเอง”
ความหมายก็คือคุณจะถูกตัดสินจากผลงานของตัวคุณเองไม่ใช่ของใครอื่น
“คุณค่า” จึงหมายถึง การตัดสินอยู่บนพื้นฐานของความสามารถของพวกเขาหาใช่การตัดสินจากข้อเท็จจริงอื่นๆตามอำเภอใจ นี่คือเรื่อง”ตัวแปลกแยก” มันคือเคล็ดลับที่ซ่อนอยู่ เพียงแต่คุณได้อ่านและศึกษามันอย่างเข้าใจ ถ้าคุณรู้จักตัวแปลกแยกหลายรูปแบบตั้งแต่บุคคลระดับมันสมองอัจฉริยะ นักธุรกิจระดับอภิมหาเศรษฐี นักร้องชื่อดังโปรแกรมเมอร์ซอฟต์แวร์ คุณจะเห็นเคล็ดลับที่ซ่อนอยู่ ชีวิตคุณมันก็จะง่ายขึ้น เรากำลังเปิดเผยความลับต่างๆจากผู้ประสบความสำเร็จสูงสุดในวิชาชีพนั้นๆ
เราจะวิเคราะห์ว่าอะไรคือปัจจัยที่แบ่งแยกนักบินที่เก่งที่สุดออกจากนักบินที่ทำให้เครื่องบินตก และเราจะหาคำตอบว่าทำไมคนเอเชียจึงเก่งคณิตศาสตร์ มากกว่าคนยุโรปและอเมริกา
ในการศึกษาชีวิตผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่งและมหัศจรรย์ไม่ว่าคนนั้นจะมีทักษะสูงมีพรสวรรค์หรือผู้มีพลังขับเคลื่อนอย่างเต็มเปี่ยม จึงขอเน้นย้ำว่า
“วิธีการที่เราทำความเข้าใจในเรื่องของความสำเร็จของผู้คนในอดีดที่เราเข้าใจ นั้นคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงไปอย่างมากๆ”
ในการอ่านประวัติของความสำเร็จบรรดาเศรษฐี นักธุรกิจ นักร้องชื่อดังซุปเปอร์สตาร์ทั้งหลาย เราเคยได้อ่านอัตตชีวประวัติเค้าโครงเรื่องความสำเร็จ มักเป็นไปทิศทางเดียวกันเสมอๆ
 
นั่นคือวีรบุรุษ ต้องเติบโตมาท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ไม่มีอะไรโดดเด่นเหนือคนอื่นเขาต้องมีความอดทน มีพรสวรรค์ เขาต้องต่อสู้ฝันฝ่าจนก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่แล้วเราก็เข้าใจว่าความสำเร็จต้องเกี่ยวกับ ความพยายาม ความกล้าหาญ ความอดทน บวกกับความคิดสร้างสรรค์ และความมุ่งมั่นถึงที่สุด แท้จริงแล้วสิ่งท่ีกล่าวมาทั้งหมด มันคือสิ่งท่ีเราเสียเปรียบและไร้ซึ่งโอกาสท่ีดีๆอีก ต่างหาก
ดังตัวอย่างท่ียกมาดังต่อไปนี้ ลองพิจารณาดูให้ดีๆ ว่า “เจ็บ บูช” เกิดมาบนโลกใบนี้ด้วยข้อได้เปรียบหรือข้อกล่าวอ้างผลความสำเร็จของตัวเองด้วยคำพูดบางสิ่งบางอย่าง “มันคือความได้เปรียบ “ แต่พูดเพื่อให้คนอื่นเพียงเพื่อภาพลักษณ์ของตนเองท่ีดูดีเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างกันแน่
เจ็บ บูช เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงประวัติของเขาโดยสังเขป เขา🍷🍷เป็นลูกชายของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
🍷เป็นน้องชายของประธานาธิบดีอีกคนของสหรัฐอเมริกา
🍷เป็นหลานชายของวุฒิสมาชิกและ
🍷เป็นหลานของนายธนาคารผู้มั่งคั่งใน วอสตรีท
สมัยที่เค้าลงสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งผู้ว่าการรัฐฟลอริดาเค้าต้องประกาศตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า”เค้าเป็นผู้ประสบความสำเร็จด้วยลำแข้งของตัวเอง”
✓ นี่คือฺ......เป็นเครื่องมือที่ชี้วัดได้อย่างชัดเจนว่า...”มนุษย์เราเชื่อมากแค่ไหนว่า <<<ความสำเร็จเป็นผลมาจากความพยายามของแต่ละบุคคลจนแทบไม่มีใครได้สนใจและใส่ใจคำจำกัดความที่แท้จริงของคำว่าความสำเร็จที่แท้จริงเลย>>>
ในบทความต่อไปนี้ เราจะมีงานวิจัยท่ียืนยันด้วยข้อมูลอย่างแท้จริงว่า คำอธิบายเกี่ยวกับความสำเร็จท่ีเราเข้าใจพื้นๆว่า ต้องขยัน อดทน บากบั่น พยายาม นั้นไม่ถูกต้องทั้งหมด เป็นแค่เศษเสี้ยวหนึ่งของความจริง
ความจริงคือ คนเราไม่ได้ก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จด้วยความว่างเปล่าและแท้จริงแล้ว. คนเราได้รับประโยชน์จากบรรพบุรุษหรือระบบอุปถัมป์ไม่มากก็น้อย.
คนที่ประสบความสำเร็จล้วนเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากข้อได้เปรียบที่ซ่อนอยู่เป็นโอกาสอันแสนพิเศษและเป็นวาระดกตกทอดทางวัฒนธรรม ซึ่งเปิดช่องทางให้พวกเขาได้เรียนรู้ ทำงานหนัก และเข้าใจโลกในแบบที่ผู้อื่นไม่มีแม้แต่โอกาสจะเข้าใจและทำได้
วัฒนธรรมบางอย่างของกลุ่มและสังคมที่เราอาศัยอยู่และมรดกที่ถ่ายทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น เป็นเรื่องลับเฉพาะท่ีถ่ายทอดเฉพาะกลุ่ม แต่เป็นตัวกำหนดแบบแผนในการประสบความสำเร็จของคนเรา ที่เราคาดไม่ถึงเลยทีเดียวพูดง่ายๆก็คือ
การตั้งคำถามว่า คนที่ประสบความสำเร็จมีลักษณะเป็นเช่นไร? นั้น
คำถามดังกล่าวมันทั้งง่ายและตื้นเขินเกินไป และไม่เพียงพอต่อคำอธิบาย
เราจำเป็นต้องถามต่อว่า”พวกเขามาจากไหนกันแน่” นั่นคือจะช่วยให้เราคลายปมปริศนาของเหตุ-ผล ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคนประสบความสำเร็จและคนไม่ประสบความสำเร็จได้
นักชีววิทยามักจะพูดถึงเรื่อง”ระบบนิเวศ” ของสิ่งมีชีวิตอยู่บ่อยๆ เรามาลองดูบทความข้างล่างนี้อย่างพิถีพิถันและทุกคำที่แบ่งปัน
“ต้นไม้ที่สูงที่สุดในป่าเป็นเช่นนั้นไม่ใช่แค่เพราะมันเติบโตจากเมล็ดพันธุ์ของมันที่แข็งแรงที่สุดเท่านั้น แต่มันยังเป็นเพราะไม่มีต้นไม้อื่นมาบดบังแสงแดด ดินรอบๆต้นไม้ทั้งลึกและอุดมสมบูรณ์ ไม่มีแม้แต่กระต่ายมาแทะเปลือกในตอนที่มันเป็นต้นอ่อนและไม่มีคนมาตัดมาโค่นมันทิ้งก่อนจะเติบโตเต็มที่.
เราทุกคนรู้ว่าคนที่ประสบความสำเร็จมาจากเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์แข็งแรง แต่เรารู้มากพอหรือเปล่า
เกี่ยวกับแสงแดดที่ให้ความอบอุ่นกับพวกเขา
ดินที่พวกเขาอย่างรากลึกลงไป รวมถึง
กระต่ายกับคนตัดต้นไม้ที่พวกเขาโชคดีมาก ที่พอจะหลบลีกจนเติบโตดั่งเช่นต้นโอ๊ค ที่สูงใหญ่และแข็งแรง
บทความต่อไปนี้ไม่ได้มีเนื้อหาเกี่ยวกับต้นไม้สูงใหญ่ แต่มันเกี่ยวกับ”ป่าทั้งผืน”
ในขณะเดียวกันคำอธิบายว่าใคร ผู้ใดจะได้ขึ้นจุดสูงสุดของความสำเร็จมันมีความน่าสนใจและซับซ้อนมากกว่าที่คุณเห็นหลายเท่า และอันที่จริงแล้วมันก็สุดแปลกประหลาดแบบสุดๆ เลยทีเดียว
ถ้าคุณได้เรียนรู้จากกีฬาฮอกกี้ของนักกีฬาทั้งสองทีมชื่อทีมเมดิซีน แฮต กับทีมท่ียกมาเปรียบเทียบ เรื่องช่าวเวลา เดือนเกิดของนักกีฬาท่ีประสบความเร็จ
นักกีฬาชั้นนำที่ประสบความสำเร็จเกือบทุกสโมสร บรรดานักฮอกกี้ชั้นนำกลุ่มใดก็ตาม
40% ที่มีโอกาสและประสบความสำเร็จเกิดช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม
30%ที่มีโอกาสและประสบความสำเร็จเกิดช่วงเดือนเมษายนถึง-มิถุนายน
10%พี่มีโอกาสและประสบความสำเร็จจะเกิดในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม
แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนหนึ่งที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมกับทีมรวมดาราและก็จะได้รับการฝึกสอนที่ดีกว่าและได้เล่นกับเพื่อนร่วมทีมที่ดีกว่าเค้าจะได้เล่นลงถึงเกือบ 75 นัดฤดูกาล แทนที่จะลงเพียง 20 นัด เปรียบเหมือนผู้เล่นที่ถูกทิ้งไว้ในบ้าน ส่วนผู้ที่ตัดตัว เขาก็มีโอกาสฝึกซ้อมหนักกว่าปกติถึงสอง ถึง สามเท่า ข้อได้เปรียบของเขา ไม่ได้เกิดจากการที่คนที่ได้รับการคัดเลือเก่งกว่าเลย แต่เกิดจากการที่เขามีโอกาสในการฝึกซ้อมที่ดีกว่าเพราะเพียงแต่อายุมากกว่าเล็กน้อยในชั้นปีนั้นๆในข่วงเข้าเรียนในระดับเดียวกัน
◦ ผลจากการฝึกซ้อมที่หนักกว่าดีกว่าต่างหาก ที่ช่วยให้เขาเก่งกว่าคนอื่น ดังนั้นเขาจึงมีโอกาสมากกว่าที่จะไปสู่จุดสูงสุดและก้าวต่อไปให้ยิ่งใหญ่
บาร์นสลีย์ สรุปว่า การได้ประโยชน์จากโอกาสจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อมีองค์ประกอบสามอย่างคือการคัดเลือกการจัดกลุ่มและการได้รับประสบการณ์ที่แตกต่าง เพราะคุณถูกตัดสินว่าใครเก่งและไม่เก่งตั้งแต่ในวัยเด็ก เพราะในปีที่มีการตัดตัวคนที่เกิดก่อนย่อมมีความได้เปรียบมากกว่าคนที่เกิดปลายปีนั้น
หมายความว่า คุณกำลังมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้แก่คนที่มีพรสวรรค์ แท้จริงแล้วเพราะความได้เปรียบในกลุ่มและปีท่ีถูกคัดเลือกนั่นเอง
นักเศรษฐศาสตร์ 2 คน เบดาร์ด และดูอีย์ ได้ทำการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างเดือนเกิดกับผลคะแนนของการทดสอบในหลายหลายประเทศทั่วโลกเขาพบว่าเด็กนักเรียนที่มีอายุมากที่สุดจะได้คะแนนมากกว่าเด็กที่มีอายุน้อยที่สุดซึ่งมีผลกระทบอันใหญ่หลวงของโอกาส คนที่เกิดในวันแรกของปีคือนักเรียนที่มีอายุมากกว่าจะทำคะแนนได้ถึง 80% ส่วนนักเรียนที่มีอายุน้อยกว่าคือเกิดวันสุดท้ายของปีจะทำคะแนนได้เพียง 68% ความแตกต่างระดับนี้ สามารถชี้เป็นชี้ตายให้เห็นได้ว่าใครจะได้เข้าเรียนโครงการพิเศษหรือสูญเสียโอกาสในอนาคต
ดูอี้ได้ทำการศึกษาเพิ่มเติมในระดับมหาวิทยาลัยกินเวลานานสี่ปีเขาก็พบว่ากลุ่มที่มีอายุน้อยที่สุดมีสัดส่วนเพียงแค่ 11.6% ของนักศึกษาทั้งหมดในชั้นเรียนจะเห็นว่าความเสียเปรียบในวัยเด็กถือเป็นตัวชี้ขาดเลยว่าพวกเขาจะได้เข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยหรือไม่และมีผลต่อการก้าวเข้าสู่สถานะชนชั้นกลางอย่างแท้จริงหรือไม่ด้วยมันเป็นเรื่องที่น่าตลกขบขันมากแต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจเรื่องนี้
สิ่งที่กล่าวมาดังกล่าวคือกฎของตราชั่งโบราณหรือตามคัมภีร์ไบเบิ้ลมีใจความว่าไม่ว่าผู้ใดมีอยู่แล้วจะเพิ่มเติมให้คนผู้นั้นจนมีเหลือเฟือแต่ผู้ที่ไม่มีนั้นจะต้องถูกแย่งชิงไปแม้เขาจะมีอยู่เพียงเท่านั้น
แปลความหมายได้ว่า “ คนที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้วจะได้รับโอกาสพิเศษที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จมากขึ้นกว่าเดิมอีกเรียกว่าเป็นความได้เปรียบสะสมและขณะเดียวกันคนที่ด้อยโอกาสและยากจนก็ย่อมเสียโอกาสเพราะเขาจะมีความเสียเปรียบสะสมเพิ่มขึ้นไปอีกจนอาจกล่าวได้ว่า มีความยากจนสะสมนั่นเอง
คุณได้เห็นผลกระทบของสิ่งที่นำเสนอเกี่ยวกับความสำเร็จแล้วใช่ไหมคุณรู้แล้วใช่ไหมว่าประเด็นความสำเร็จขึ้นอยู่กับการสร้างกฎเกณฑ์บางอย่างขึ้นมาปัดขวางไม่ให้เราประสบความสำเร็จบางทีเราก็ด่วนตัดสินว่าเราล้มเหลวก่อนเวลาอันสมควรแต่เรากลับยกย่องผู้ที่ประสบความสำเร็จมากจนเกินเหตุและมองข้ามคนล้มเหลวจนเกินเหตุเช่นเดียวกัน
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราจะต้องตระหนักรู้ก็คือพวกเรากลายเป็นผู้ที่ตั้งรับมากเกินไปพวกเรามองข้ามไปว่าแท้จริงแล้วเรามีบทบาทมากแค่ไหนในการกำหนดว่าใครจะประสความสำเร็จหรือไม่ประสบความสำเร็จซึ่งเราในที่นี้ก็คือตัวเราเองนั่นแหละที่ต้องรู้และเข้าใจความลับบางอย่างที่มันเป็นตัวแปลกแยก
ดังนั้น อะไรก็ตามที่เราอยากได้ เราจะได้มันทั้งชีวิต ถ้าเรารู้ความลับในการสร้างความเป็นไปได้ให้เกิดขึ้นได้” จงเรียนรู้เรื่องมหัศจรรย์เพื่อเป็นทางลัดให้ชีวิตทั้งสั้นและง่ายในการไขว่คว้าให้เราประสบความสำเร็จได้เร็ว
โฆษณา