หากถามว่าฮีโร่ในดวงใจของคุณคือใคร คำตอบแรกที่หลายๆ คนนึกถึงคงไม่พ้น Iron Man ด้วยความเฉลียวฉลาดของเขา แต่คุณรู้หรือไม่ว่าบนโลกแห่งความเป็นจริงนั้นมีอัจฉริยะผู้เปรียบดั่ง Iron Man อยู่จริงๆ ซึ่งชื่อของเขาก็คือ “Elon Musk”
Elon เกิดในประเทศแอฟริกาใต้เมื่อปี 1971 และฉายแววความเป็นอัจฉริยะตั้งแต่เด็ก โดยเขาใช้ชีวิตหมกมุ่นกับการเขียนโปรแกรมจนสามารถสร้างเกมขายได้ตั้งแต่อายุ 12 ปี โดยเกมดังกล่าวมีชื่อว่า Blastar นอกจากนี้เขายังใช้เวลาอ่านหนังสือวันละประมาณ 500 หน้า โดยมีหนังสือเล่มโปรดคือเรื่อง The Hitchhiker’s Guide to the Galaxy ซึ่งเขียนโดย Douglas Adams ช่วยจุดประกายให้เขาอยากออกไปนอกโลก และตัดสินใจเรียนต่อด้านฟิสิกส์ในช่วงมหาวิทยาลัย แต่เขาเลือกที่จะลาออกจากการเรียนปริญญาเอกในสาขาฟิสิกส์ประยุกต์และวิทยาศาสตร์วัสดุที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดหลังเริ่มต้นเรียนได้เพียง 2 วัน ในปี 1995 เพื่อออกมาสร้างธุรกิจเป็นของตัวเอง
เมื่อมนุษย์ไม่สามารถเอาชนะ AI ทำไมไม่รวมร่างกับ AI ไปเลย?
Elon มีความเชื่อว่ามนุษย์และ AI สามารถรวมเป็นหนึ่ง โดยเขาได้ก่อตั้งบริษัท Open AI ซึ่งเป็นบริษัทที่พัฒนาและวิจัยด้าน AI เพื่อการช่วยเหลือมนุษยชาติในด้านต่างๆ ในปี 2015 และในปี 2016 เขาได้ก่อตั้งบริษัท Neuralink ซึ่งพัฒนาอุปกรณ์ที่ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อสมองของมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ได้โดยตรง โดยเทคโนโลยีดังกล่าวจะเข้ามาช่วยเหลือผู้ที่เป็นอัมพาตให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น หรือแม้แต่การใช้ชีวิตของเราซึ่งปกติเราจะสั่งการผ่านมือถือ แต่ในอนาคตการสั่งงานผ่านมือถือก็อาจถูกแทนด้วยการสั่งงานจากสมองก็เป็นได้
Elon จะพลิกโฉมอุตสาหกรรมพลังงานไปตลอดกาล
Elon เป็นผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนอย่างแท้จริง โดยเขาได้ลงทุนในหุ้น Tesla ในปี 2004 ด้วยวิสัยทัศน์ที่ว่าในอนาคตอุตสาหกรรมพลังงานจะเปลี่ยนจากการใช้น้ำมันมาเป็นการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ เช่นเดียวกับการก่อตั้งบริษัท SolarCity ในปี 2016 ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานแสงอาทิตย์ภายใต้อาณาจักรของ Tesla
นอกจากนี้ยังต้องยอมรับว่าในปี 2020 ที่ผ่านมาเป็นปีทองของ Tesla อย่างปฏิเสธไม่ได้ โดยราคาหุ้น Tesla นั้นปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อนแรงราว 700% จนบริษัท Tesla มีมูลค่ากิจการแซงหน้าบริษัท Toyota Volkswagen Daimler Ferrari BMW และ Honda รวมกันเสียอีก ทั้งที่ในปีที่ผ่านมา Tesla สามารถส่งมอบรถยนต์ได้เพียงประมาณ 5 แสนคันเท่านั้น แต่ก็มีนักลงทุนจำนวนมากที่เชื่อมั่นในหุ้น Tesla โดยเชื่อว่า Tesla จะเป็นผู้ชนะในอนาคตอย่างแท้จริง ซึ่งนอกเหนือจากการประหยัดพลังงานด้วยการใช้ไฟฟ้าแบบ 100% แล้ว Tesla มีจุดเด่นด้านสมรรถนะการเดินทางที่เทียบเท่า Supercar มีการออกแบบที่เรียบหรูมีสไตล์ และมีการควบคุมรถยนต์ได้ผ่านหน้าจอเปรียบดั่งโทรศัพท์มือถือหรือ Gadget ชิ้นหนึ่ง และยังมีเทคโนโลยีช่วยขับอย่าง Autopilot ที่มีการใช้ AI เข้ามาช่วยในการขับ โดย AI จะช่วยประมวลผลวิเคราะห์สภาพแวดล้อม และเลือกเส้นทางแทนตัวเรา ทำให้เราสามารถพักผ่อนหย่อนใจได้อย่างเต็มที่ขณะเดินทาง ซึ่งหาก Tesla ทำได้สำเร็จไม่ใช่แค่อุตสาหกรรมพลังงานดั้งเดิมอย่างน้ำมันและรถยนต์ที่ใช้น้ำมันจะถูก Disrupt แต่วงการเรียกรถอย่าง Uber และ Grab ก็อาจต้องสั่นสะเทือนเช่นกัน และผู้ที่เข้าเปลี่ยนโฉมโลกของเราก็คงไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็น Elon Musk, The Iron Man