24 ก.พ. 2021 เวลา 14:47 • หุ้น & เศรษฐกิจ
Sovereign Man
Some clear thinking on $50,000+ Bitcoin
มีเรื่องเล่าที่เเสนจะโด่งดังในช่วงเวลาที่เกิด Great Depression เรื่องเล่านั้นคือการที่นักลงทุนได้ขายหุ้นของเขาทั้งหมด ก่อนที่ตลาดจะพังลงในปี 1929
Joseph Kennedy ขายหุ้นในพอร์ทของเขาทั้งหมดไป เนื่องจากเขาได้รับคำเเนะนำจาก shoeshine boy (เด็กขัดรองเท้า)
หนึ่งในคำกล่าวหลังจากเกิดการพังของตลาดหุ้นในปี 1929
จาก Bernard Baruch หนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยคนนึงในตลาด Wall street
"คนขับรถแท็กซี่บอกคุณว่าควรซื้ออะไร
เด็กขัดรองเท้าสามารถให้ข้อมูลสรุปเกี่ยวกับข่าวการเงินของวันได้ในขณะที่เขากำลังขัดรองเท้าของคุณด้วยผ้าผืนนึงกับน้ำยาขัดเงา
ตอนนี้ขอทานชราคนนึงที่มักเดินเตร็ดเตร่อยู่บนถนนหน้าสำนักงานก็ให้เคล็ดลับหุ้นกับผม" มันเป็นคำพูดที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกเหมือนว่าคนขับแท็กซี่และเด็กขัดรองเท้าไม่มีความรู้เรื่องการเงินเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิด
อาชีพของคนๆนึงกับประสบการณ์ทางด้านการเงินของเขาไม่จำเป็นต้องสัมพันธ์กัน
เสมอไป มีภารโรงมากมายที่ฉลาดเป็นกรด และผู้จัดการกองทุนมากมายที่โง่เง่า
ผมนึกถึงคำพูดของ Baruch ทันทีเมื่อคนขับแท็กซี่เริ่มชวนผมคุยเรื่อง
cryptocurrency ความคิดเห็นของเขาต่อ cryptocurrency ก็ฟังดูสมเหตุสมผล
เหมือนๆกับคนอื่น แต่สิ่งที่แตกต่างคือเขาสนเพียงแค่ว่า port ของเขาจะ “เติบโต”
ได้มากแค่ไหน เขาบอกผมว่าเขาลงทุนใน token จำนวนนึง บางตัวราคาขึ้นมา 3x
อีกตัวขึ้นมา 5x และ ตัวสุดท้ายขึ้นมา 2x แต่การลงทุนในสกุลเงินคริปโตเหล่านี้ เขาไม่ได้มองถึงคุณประโยชน์หรือคุณค่าของเหรียญเหล่านี้เลย เขาไม่รู้แม้กระทั่งเรื่องพื้นฐานของสิ่งที่เขาซื้อเลย
(He didn’t even know the basics of what he had purchased)
แต่สิ่งที่เขารู้ก็คือราคาของมันปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเท่าไหร่
และport ของเขากำลังเติบโต
นี่แหละคือ cryptocurrency ที่เต็มไปด้วยความเชื่อและความหลงใหลในสินทรัพย์ประเภทนี้เเละมันเป็นเหตุการณ์แบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน
กลุ่มคนที่ลงทุนในคริปโตที่เรียกตัวเองว่า HODLers คนกลุ่มนี้คือคนประเภทที่จะไม่ยอมขายคริปโตที่พวกเขามี โดยไม่สนใจสภาพแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งนั้น
มันคือเรื่องของอารมณ์ล้วนๆ
แต่ก็มีอีกกลุ่มคนที่มีความหลงใหลในอีกแบบ เป็นรูปแบบของการ anti ซึ่งพวกเขา
ยังคงยืนยันว่าสกุลเงินเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไร้ค่าและหลอกลวง (เจ้าของบทความต้องการบอกว่ามันมีคนที่หลงใหลอยู่สองกลุ่มคือที่คนที่หลงใหลและคนที่รังเกียจมันไปเลย)
เมื่อเช้านี้มีผู้สื่อข่าวของWallstreet Journal
กล่าวว่ามูลค่าพื้นฐานของ Bitcoin มีค่าเท่ากับศูนย์
Bitcoin ก็เป็นเพียงsoftware และ software คือ technology และทุกๆ technology จะประกอบด้วย 2 อย่างนี้
1.ใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์
2.มี user ผู้ใช้จำนวนมาก
นี้แหละที่ทำให้ technology เหล่านี้มีคุณค่า
Bitcoins มีผู้ใช้งานนับเป็นสิบล้านๆคน
และมีคุณสมบัติในการโอนย้ายมูลค่าจากคนนึงไปสู่อีกคนนึงได้
Bitcoin ยังห่างไกลจากคำว่าไร้ค่ามากนัก
ในตอนนี้มันเปรียบเสมือน SWIFT ไปแล้ว
ราคา Bitcoin ที่พุ่งขึ้นสูงเหนือ $50000 ความหลงใหลเเละความสนใจได้ทะยานไปถึงจุดที่ epic ไปแล้ว ผู้คนต่างวิ่งเข้าหามัน กลุ่มคนจำนวนหนึ่งยืนยันว่าราคาจะเป็นศูนย์ และอีกฝั่งมองต่างอย่างสิ้นเชิง
มันยากที่จะเข้าใจตลาดที่เต็มไปด้วยเสียงต่างๆมากมาย ดังนั้นผมจึงอยากแสดงความคิดเห็นที่มีเหตุมีผลสักเล็กน้อย แม้ผมจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในคริปโตมานมาเป็นเวลานาน ผมเริ่มแนะนำ Bitcoinให้กับสมาชิกของเราในปี 2013
แต่ผมก็ไม่ได้รักมันจนลืมนึกถึงข้อเท็จจริง
ยกตัวอย่างเช่น การต้องอดทนอดกลั้นต่อแนวคิดของกลุ่มที่ลงทุนใน Bitcoin ที่บอกว่าในตอนนี้ Bitcoin ก็คือทองคำ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ตลกมากๆ Bitcoin เป็น "เหรียญที่ต้องเฝ้าระวัง" โดยที่ Blockchain จะบันทึกทุกๆธุรกรรมที่เคยมีมาและเจ้าของ Bitcoin ทุกคนที่เคยขุดมัน การเปรียบเทียบ Bitcoin กับทองคำนั้นไม่สมเหตุสมผลที่สุด
เพราะไม่มี Physical gold แท่งใดที่เคยถูกบันทึกว่าใครเคยเป็นเจ้าของบ้าง
นอกจากนี้การวิพากษ์วิจารณ์ Bitcoin ดูจะไม่สมเหตุสมผลนัก ถ้าเป็นเพียงเพราะ
ธุรกรรมที่น้อย Naysayers ชี้ให้เห็นว่า Visa สามารถประมวลผลธุรกรรมได้มากถึง
76,000 รายการต่อวินาทีในขณะที่ Bitcoin สามารถประมวลผลได้เพียง 15 ต่อวินาทีเท่านั้น
1
นั่นเป็นเรื่องจริง แต่จริงถ้าเป็นการเปรียบเทียบแอปเปิ้ลกับส้ม เพราะการใช้
Bitcoin ที่ดีที่สุด ณ จุดนี้ไม่ใช่เพื่อการจ่ายค่ากาแฟที่ Starbucks
แต่เป็นวิธีที่ดีในการโอนเงินก้อนใหญ่นอกระบบธนาคาร
ปริมาณของ Bitcoin นั้นมีมากเกินพอ นอกจากนี้ยังมีเหรียญอื่น ๆ และเทคโนโลยีก็ดีกว่าด้วยซ้ำ ด้วยสาเหตุต่างๆเหล่านี้ (และอื่น ๆ อีกมากมาย) ที่นักลงทุนที่มีชื่อเสียงมากและ บริษัท การเงินขนาดใหญ่เช่น Visa, Mastercard, Stripe, PayPal และอื่น ๆ ได้รวม Bitcoin ไว้ในบริการของพวกเขา มีธนาคารและกองทุนจำนวนมากที่
ลงทุนใน Crypto ในขณะนี้ซึ่งอาจเป็นเรื่องปกติในตลาดไปแล้ว กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเช่นเดียวกับกองทุนขนาดใหญ่ที่มักจะ "buy the dip" เมื่อตลาดหุ้นตกลง และมี Financial Player จำนวนมากพอในตลาดคริปโตที่พวกเขาอาจ "buy the dip" หากราคา Bitcoin ลดลง
ราคาใน crypto อาจขึ้นหรือลงได้ 20% ในวันเดียว และเป็นอะไรที่ไม่แน่นอนมาก
เพราะทวีตเพียงอันเดียวของ Elon Musk ก็สามารถทำให้ราคาพุ่งขึ้นสูงได้
คนส่วนใหญ่มองประเด็นผิด เขาพลาดประเด็นที่ว่าการลงทุนใน cryptocurrency นั้นเป็นการลงทุนในเทคโนโลยีที่เป็น long-term เหมือนกันกับเทคโนโลยีของ Google หรือ Microsoft ที่มีมูลค่ามากกว่า $1trillions และเช่นเดียวกันกับมูลค่าของ
cryptocurrency ที่สามารถไปถึงจุดนั้นได้เช่นกัน
แต่คุณก็ต้องควบคุมตัวเองให้ได้ เพราะมันมีเหรียญอีกหลากหลายตัวและแต่ละตัวก็มีเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน มันสำคัญมากๆที่จะต้องรู้ถึงข้อดีข้อเสียของเทคโนโลยีทุกตัวของคริปโตที่คุณกำลังจะซื้อ ไม่ใช่ว่าหลับหูหลับตาซื้อ Bitcoin โดยไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับ drawdown และ benefit ของมัน มันเหมือนกับการกระโดดเข้ามา
ในตลาดแล้วซื้อหุ้นของ tesla โดยไม่ได้ศึกษาข้อดีข้อเสียของบริษัทเลย..
อีกหนึ่งความเห็นในตัว Bitcoin ของทาง Sovereign Man ครับ
ลองนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับตัวเองนะครับ
เพราะความรู้คือของขวัญที่ดีที่สุด
ติดตามบังผ่านทาง Facebook Fanpage
ตอนนี้บังได้สร้างซีรีส์อัลบั้มของบทความไว้เเล้ว
สำหรับคนที่สนใจสามารถติดตามอ่าน
ย้อนหลังได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้เลยนะครับ
ถ้าตลาดหุ้นกำลังจะถล่ม
เราอยู่ในจุดที่ต่ำสุดเเล้วหรือยัง ?

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา