2 มี.ค. 2021 เวลา 13:00 • ศิลปะ & ออกแบบ
PROCREANNIE กลับมาพร้อมกับการใช้เครื่องมือในโปรแกรม Procreate ค่าาา
วันนี้จะมาแชร์ถึง 4 functions ด้วยกันค่าาาาา
ต้องขอเล่า plan ของสัปดาห์นี้ก่อนนะคะ ว่าเรา plan ว่าจะฝึก 1 function/วัน แต่คราวนี้ปัญหาคือ เรามีติดสอบและปวดท้องหนักมาก เราก็เลยได้เรียนรู้เป็น 2 functions/วันแทน อาจจะไม่ได้ทำตามแพลน แต่ได้เรียนรู้ตามแผนที่วางไวว้ก็รู้สึกโอเคมาก ๆ เลยแหละ
ภาพที่ 1 Selection functions
เครื่องมือแรกที่เราจะมาเล่าก่อนเลยคือ selection น้าาาา ซึ่งเครื่องมือนี้คือการเลือกวัตถุหรือบางส่วนของงานเพื่อนนำไปใช้กับส่วนอื่นต่อได้นะคะ ไม่ว่าจะเป็น actions adjustments หรือ transform ค่าาาา
เพื่อน ๆ ดูเลขตามภาพที่ 1 เลยน้าาา
เลข 1-4 จะเป็นรูปแบบการใช้งาน ส่วนเลข 5-12 จะเป็นลักษณะการใช้งานหลังจากเลือกรูปแบบตามเลข 1-4 ค่าาาา
มาเริ่มกันที่รูปแบบก่อนเลยน้าาา
1. automatic เมื่อเพื่อน ๆ กดพื้นที่บนงาน มันก็จะกำหนดพื้นที่แบบอัตโนมัติให้เพื่อน ๆ เลยค่ะ ซึ่งวิธีนี้เหมาะกับงานที่มีเพื่อนหลัง เรียบ ๆ จะช่วยให้ทำอะไรต่าง ๆ เร็วขึ้นนะคะ
2. freehand เพื่อน ๆ สามารถเลือกพื้นที่ส่วนไหนของงานก็ได้ตามใจเพื่อน ๆ ได้เลยค่าา
เราเอา tips เล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากด้วยค่ะ ถ้าเพื่อน ๆ ต้องการลากเส้นตรงตอนเลือก ให้เพื่อน ๆ แตะไปที่จุดเริ่มต้น และจุดสุดท้ายของงานตามที่เพื่อน ๆ ต้องการ มันก็จะเป็นเส้นตรงโดยอัตโนมัติเลยค่ะ งานของเพื่อน ๆ ก็จะได้การเลือกเส้นตรงโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาลากเลยค่า
3. rectangle อันนี้จะเป็นการเลือกแบบกรอบ 4 เหลี่ยม ตามชื่อเลย
4. ellipse ส่วนอันนี้จะเป็นการเลือกได้ทั้งวงรีและวงกลมนะคะ ถ้าเพื่อนต้องการแบบวงกลมให้ลากแล้วนิ้วมืออีกข้างกดค้างไว้มันก็จะขึ้นเป็นวงกลมให้เพื่อน ๆ แล้วค่า
ภาพที่ 2 Selection functions (Feather)
ต่อจากที่จะเป็นลักษณะการใช้งานน้าาา
5. add เป็นการเพิ่มเส้นของ selectionได้โดยที่เพื่อน ๆ ไม่ต้องกดเลือกใหม่
6. remove เป็นลบการเลือกในสิ่งที่เพื่อน ๆ ลากไว้ในตอนแรกค่า
7. invert เป็นการสับเปลี่ยนจากเลือกข้างในวัตถุที่เพื่อน ๆ เลือก เป็นข้างนอกแทน
8. copy & paste ตรงตัวเลยก็คือการคัดลอกและวางค่ะ เมื่อเพื่อน ๆ กดเครื่องมือนี้แล้ว สิ่งที่เลือกไว้จะขึ้น layer ใหม่ให้อัตโนมัติเลยค่า และถ้าต้องการจะย้าย อาจจะต้องมีการใช้เครื่องมือ transform มาช่วยด้วยค่า ไว้เดี๋ยวเรามาอธิบายในส่วนนี้ในเครื่องมือ transform น้าาา
9. feather เป็นการเลือกที่ทำให้เส้นขอบที่เราเลือกไว้มีความบางลงน้าาา ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถในเรื่องของปริมาณได้ด้วยค่า
10. save& load เครื่องมือนี้สามารถเก็บ selection ที่เพื่อน ๆ คิดว่าจะใช้ในงานนั้นบ่อย ๆ ไว้ได้นะคะ แต่สามารถใช้ได้กับไฟล์งานที่เพื่อน ๆ save ได้เท่านั้นน้าาาา
11. color fill เครื่องมือนี้ไว้สำหรับเทสีค่ะ ซึ่งสีนั้นจะมาจากสีที่เพื่อน ๆ ได้เลือกไว้ตรง ขวามือด้านบนค่ะ
12. clear เครื่องมือสุดท้ายของ functionsนี้แล้วน้าาา มันคือการล้างคำสั่งที่เราได้ทำไว้ค่า
ภาพที่ 3 Transform function
เรื่องที่ 2 เป็นเรื่องของ transform น้าาา ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นเครื่องมือที่ใช้ร่วมกับ selection บ่อยที่สุดแล้วหล่ะ...มาดูกันเลยยย
เราแบ่ง transform ออกเป็น 2 แบบเหมือนเมื่อกี้เลย คือ 1-4 จะเป็นรูปแบบการใช้งาน ส่วนเลข 5-11 จะเป็นลักษณะการใช้งานหลังจากเลือกรูปแบบตามเลข 1-4 ค่ะ(ตามภาพที่ 3 น้าาา)
1. freeform เครื่องมือนี้จะปรับด้านกว้างและด้านยาวได้ตามชอบเลยค่า แต่มันจะได้แค่ส่วนความและยาวน้าาา
2. uniform ส่วนอันนี้ไม่ว่าเพื่อน ๆ จะขยายด้านไหน สิ่งที่เราจะขยายหรือย่อ จะมีสัดส่วนเท่าเดิมเลยนะคะ
3. distort เครื่องมือคล้าย ๆ กับ freeform แต่ต่างกันตรงที่เพื่อน ๆ สามารถปรับตามมุมหรือด้านของงานได้เลยย แต่มันจะขยาย-ย่อ ได้ทั้งมุมและด้านเลยย
4. warp สำหรับอันนี้เพื่อน ๆ สามารถปรับความโค้งของงานได้ตามชอบเลยค่ะ ได้ทั้งด้าน มุม และในตัวงานด้วยน้าา
ภาพที 4 ตัวอย่าง Transform function
5. snapping จะมี 2 อันที่เราไว้เปิด-ปิด และอีก 2 อันไว้ปรับ ซึ่ง 2 อันแรกจะเป็นจัดแนววัตถุ หมุนวัตถุ หรือเคลื่อนย้าย ให้ขนานกับ canvas หากึ่งกลางของงาน หรือเลเยอร์อื่น ๆ ช่วยให้เราจัดวาง layout ได้ง่ายและแม่นยำขึ้นค่าา
นั่นได้แก่ snapping และ magnetics ค่าาา ส่วน distance และ velocity เป็นการตั้งค่าจำนวนพิกเซลเพื่อให้วัตถุยึดแม่เหล็กเข้ากับ guideline และเป็นการปรับความเร็วในการ snap วัตถุ
ถ้าเพื่อน ๆ เลือไปที่ warp ในตำแหน่งที่ 5 จาก snapping จะถูกเปลี่ยนเป็น advanced mesh เป็นการปรับให้เพื่อน ๆ เห็นจุกทั้ง ด้าน มุม และ จุดตัดช่องด้วยค่า
6. flip horizontal หรือการพลิกวัตถุตามแนวของงานในแนวนอน
7. flip vertical sinvการพลิกวัตถุตามแนวของงานในแนวตั้ง
8. rotate 45 ํเป็นการหมุนวัตถุทุก ๆ 45 องศานั่นเอง
9. fit to screen คือการปรับวัตถุให้พอที่กับ canvas ที่เพื่อน ๆ ตั้งค่าไว้
10. interpalation คือการลดความสูญเสียระดับพิกเซลของงาน เมื่อต้องมีการปรับเปลี่ยนขนาด ซึ่งมีอยู่ 3 รูปแบบได้แก่ Nearest neighbor, Bilinear และ Bicubic
Nearest neighbor เหมาะกับงานที่มีเส้นสายชัดเจน เพราะเครื่องมือจะทำการเน้นน้ำหนักบริเวณขอบงานเป็นหลัก ทำงานรวดเร็วแต่ไม่ละเอียด ความแม่นยำและคุณภาพต่ำ
Bilinear เป็นตัวเลือกแบบให้ผลลัพธ์ของภาพกลางๆ โดยโปรแกรมจะวิเคราะห์พิกเซลตัวอย่างขึ้นมาและเทียบกับพิกเซลซ้ายและขวา โดยอาศัยแนวคิดการดุลน้ำหนักภาพและสีสัน
Bicubic เหมาะกับงานทุกประเภท และเป็นตัวเลือกถ้าหากไม่รู้ว่าจะใช้อันไหนค่อนข้างมีความแม่นยำในการจัดระเบียบพิกเซลใหม่ขึ้นมา
11. reset ทำหน้าที่เหมือนกับ clear เลยยย คือ ค่าเริ่มต้นของงานตั้งแต่ยังไม่ได้ปรับอะไร
ภาพที่ 5 Smudge function
ภาพที่ 6 Eraser function
2 เครื่องมือสุดท้ายของวันนี้ คือ smudge และ eraser นั่นเองงง ทั้ง 2 อย่างนี้สามารถเลือกประเภทของbrush ได้หมดเลย แล้วแต่ความชอบและความเหมาะสมของงานเพื่อน ๆ น้าาาาา
smudge คือการเบลนสีต่าง ๆ เข้าด้วยกัน (ภาพที่ 5)
eraser ไว้สำหรับลบส่วนที่เพื่อน ๆ ไม่ต้องการในงานนั่นแหละค่าา
ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถปรับขนาดของหัว และความโปร่งแสง ได้จากแถบเครื่องมือเดียวกับ brush เลยน้าาาาา
สำหรับการเรียนรู้ในครั้งนี้ก็รู้สึกว่าสนุกดี ลองใช้เล่น ๆ เพลินจนลืมดูเวลาเลยค่าา และได้เรียนรู้เกี่ยวกับ selection และ transform เยอะขึ้นมากเลยย ตอนแรก / เครื่องมือนี้ดูไม่มีอะไรเท่าไหร่ แต่พอศึกษาจริง ๆ ทำให้รู้ว่ามันมีหลากหลายวิธีการ และไม่ใช่แค่ใช้กับ transform อย่างเดียว สามารถใช้กับ function อื่นได้เช่นเดียวกัน
ในสัปดาห์นี้(สัปดาห์ที่ 5) เราถือว่าการเรียนรู้ของเราคืบหน้าขึ้นอีก 10 % รวมเป็น 25% แล้ว ที่เราให้ทั้งหมดนี้ 10 เพราะ ใช้งานไม่ยากและความซับซ้อนน้อยกว่า function อื่นมาก ๆ เลยยยย
ในสัปดาห์หน้า เราวางแผนว่าจะเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ brush ค่าา ฝากเพื่อน ๆ ติดตามด้วยน้าค้า ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปปปป
สุดท้าย ท้ายสุด ต้องขอขอบคุณข้อมูลความรู้ต่าง ๆ ที่ช่วยให้เราเข้าใจมากขึ้นนะค้าาา เราจะแปะลิ้งค์ไว้ให้ด้านล่างเหมือนเดิมน้าา
โฆษณา