Media distrust! สื่ออับแสงใต้แรงกดทับจากกฎหมายแห่งรัฐไทย...สิ้นแรงฐานันดรสี่หมดศักดิ์ศรีสื่อมวลชน
ขณะที่ทั่วโลกผู้คนเริ่มไว้วางใจสื่อมวลชนเพิ่มมากยิ่ง เพราะสื่อปรับตัวเองให้เป็นที่พึ่งของผู้คนในช่วงที่ข้อมูลท่วมท้นล้นปัญญาสามัญจะแยกแยะ สื่อเค้ามาช่วยคัดกรองมองหาให้ แต่ทำไมสื่อไทยถึงตกต่ำไม่มีใครไว้วางใจหนักมากแทบไม่มีใครอยากหันไปแลด้วยซ้ำ
ผลสำรวจระดับความไว้วางใจสื่อจากทั่วทุกภูมิภาคที่มีมากขึ้นจากเดิมที่เคยไม่วางใจ เพราะในยุคโควิดติดอยู่กับที่ไม่รู้จะเชื่อใครดีเท่า(ยกเว้นไทยที่คนไม่ไว้ใจสื่อเหมือคเดิม) ผลสำรวจล่าสุดจาก c i s i o n ดูเพิ่มเติม https://mediablog.prnewswire.com/2020/04/23/state-of-the-media-2020-top-five-takeaways/
ถึงปัจจุบันทำไมสื่อไทยไม่พัฒนาหาความเชืีอมั่นจากใครเขาก็ไม่ได้:คำตอบเด่นเดียวคือสื่อไทยอยู่ใต้เงาบงการเชื่องตามรัฐ เดิมตามการอบที่มีแต่กฎหมายกดข่มจนไร้วิถีผลักดันสู่ความเป็นวิชาชีพสื่อสารมวลชน
...ดูกันเอาเถิด เอาเขาจริงจังสื่อไทยมันจะไปรอดได้ยังไงทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุโทรทัศน์และแม้นแต่สื่ออินเตอร์เน็ตที่ไม่ก้าวข้ามกรอบกำหนดเพราะอะไร,,,
ใช่หรือไม่ว่าเพราะรัฐคุมหัวกบาลให้แคระแกรนด้วยความเปี่ยมด้วยกฎหมายแห่งข้อห้ามแต่ไม่บอกทางส่งเสริมให้สื่อดี
ผิดกฏหมายไม่ร้ายเท่าทิ้งหลักจริยธรรม,,กฏหมายไม่ดีสื่อต้องสู้เพื่อกู้ศักดิ์ศรีพิทักษ์ปวงชน
รัฐไทยใช้แต่กฏหมายกดข่มไม่เคยมีงบไม่มีกฎเกณฑ์ใดให้ทุนสนับสนุน ไม่มีลดหย่อนภาษีเหมือนกับโครงสร้างการลงทุนอุตสาหกรรมมลพิษปล่อยสื่อให้เผชิญชะตากรรมเอาเองทำไมประเทศไทยไม่มี BOI ทางด้านสื่อมวลชนให้เกิดขึ้นบ้าง
ใครทำสื่อดีมีรางวัลให้เงินลดหย่อนภาษีไม่เก็บภาษีตลอดชีวิตชีวีที่ทำความดีรวมถึงกรรมการผู้ถือหุ้นเงินปันผลส่งเสริมลงทุนกันเข้าไปแบบอารายะประเทศเขาทำกัน
ประเทศที่เจริญแล้วล้วนมีแผนพัฒนาการสื่อสารมวลชน การอ่านการห้องสมุดอุตสาหกรรมหนังอุตสาหกรรมกิจการกระจายเสียงกิจการวิทยุสร้างเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่เป็นของประเทศตนเองไม่ต้องอาศัยจมูก Mark zuckerberg
สิงคโปร์ไม่เก็บภาษีหนังสือญี่ปุ่นมีกองทุนกลางแปลทุกภาษาป้อนสื่อฝั่งตะวันตกเสรี TV ส่งเสริมรายการดี กันมากมาย
ลองดูพี่รัฐบาลไทยทุกวันนี้มีแต่คิดแต่จะออกกฎหมายมาคุมกำเนิดเอาไว้ลองไล่เรียงกันดูสื่อสิ่งพิมพ์ไม่รู้อีท่าไหนใครอยากทำหนังสือพิมพ์นิตยสารต้องกราบการขอจดแจ้งการพิมพ์กับกระทรวงวัฒนธรรมที่ต้องเผชิญชะตากรรมใกล้เคียงเรียงร้อยกับคนทำหนัง
คนทำหนังหนักนักเพราะมีพ.ร.บภาพยนตร์ที่อับจนหนทางจะส่งเสริมจินตนาการคนหนังและคนชมให้ร่วมมองหาสร้างสรรค์หาทางออกให้กับสังคม
ทำหนังเรื่องหนึ่งแทบจะกระดิกไม่ออกนอกจากนอกกรอบวัฒนธรรมดั้งเดิมสวยอย่างไทย ผีอย่างไทยรัก ชาตินิยมแบบไทย โดยไม่ตั้งคำถาม
ใครคิดต่างเป็นไม่ได้ก็โดนข้อหาสารพัน แม้แต่ทำสื่อทำหนังสือคิดจะตั้งชื่อให้แปลกแตกต่างทันสมัยนำสมัยล้ำสมัยสมใจเยาวชนคนรุ่นใหม่ก็ไปไม่มีทางเพราะพ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ตีกรอบล้อมรัดมุ่งแต่กำหนดหาบรรณาธิการผู้พิมพ์โฆษณาให้ชัดเพื่อไว้ขจัดแจ้งความดำเนินคดีเวลามีอะไรไประคายเคืองเบื้องของใครมอง
ไปหาวิทยุโทรทัศน์ที่อุตส่าห์เปลี่ยนปันคลื่นความถี่จากฟ้าลงมาหาประชาชนมีกสทช. ออกแบบไว้ให้อิสระว่ามาจากการสรรหาแล้วเลือกมาอย่างสง่างามจากสภาผู้แทนราษฎร
แต่ไม่ว่าเข้ามาแววดีแค่ไหน ว่าที่กสทช.ดีๆก็ถูกตอนทุกครั้งด้วยวุฒิสมาชิกที่แต่งตั้งลากตั้งจากผู้มีอำนาจทั้งหลายคอยแต่จะส่งสายตัวเข้าม ใครจะผลักดันคนดีเข้าไปเป็น 7 อรหันต์พี่วุฒิแกเหมือนได้ใบสั่งมาให้ล้มระบบการสรรหาไปทุกทีเสียนะ
แต่ถึงผ่านไปได้คนดีมีฝีมือมาจัดสรรแบ่งปันหนุนเสริมสร้างสื่อวิทยุโทรทัศน์ให้ผลิตรายการดีๆมีปัญญาอย่าง NHK BBC จะมีทางเกิดไหม
คำตอบคือปิดประตูได้เลยเพราะต้องปฏิบัติตามกรอบกฎหมายของพ.ร.บ.กิจการวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์เจอมาตรา 37เข้าไปก็เสร็จทุกราย
มาตรานี้ครอบจักรวาลเหมือนกฎหมายอาญามาตรา 116 ใครทำอะไรที่จะไปกระด้างกระเดื่องระคายเคืองคนมีอำนาจล้วนถูกประกาศห้ามใครคิดเถียงเรียงร้อยไม่ดีมีจอดำคนค้ำคนนำโฆษณาก็รับภาระขาดทุนกันเอา
ถ้าเป็นต่างประเทศมีกองทุนหนุนเสริมใครฝีมือดีมีเงินหมุนให้ทำรายการดีมีสาระสวยงามจะลงยกระดับจิตใจผู้คนเสริมปัญญาหาทางออกเปิดเวทีมีส่วนร่วมเขามีหมด
ส่วนของไทยน่ารันทด TV 24 ช่องเหมือนกันทั้ง 23 ช่องต่างอยู่อันเดียวคือทีวีสาธารณะอย่าง ThaiPBS ที่มีพ.ร.บ.องค์การเผยแพร่กระจายเสียงและภาพด้วยของตัวเองจึงไม่ค่อยหวั่นเกรงภัยคุกคามจากอำนาจได้
...หันไปหาสื่อสังคมออนไลน์บนโครงข่ายอินเตอร์เน็ตก็เสร็จรัฐบาลทุกรายเพราะพี่แกสยายปีกใช้ทางกฎหมายพรบคอมพิวเตอร์มาตรา 14 มาตรา 16 ที่พกพาอำนาจเต็มให้ตำรวจเลือกปฏิบัติจัดการใครก็ได้
โพสต์เป็นร้อยแชร์เป็นพัน ไลค์ เป็นหมื่นแต่ถ้าใครขัดขืนก็จิ้มเอาคนนั้นไปขึ้นศาลตาใบสั่งในทันทีถึงขนาดตายในคุกกันมาแล้ว ทีเหลือใครจะกล้าแบ่งปันความคิดอารมณ์ความรู้สึกนอกจากเก็บไว้แล้วใช้ social media แค่กินช็อคทีมพอ
ไม่นับว่ามีกระทรวง porn hub ที่ระงับสัญญาณด้วยอำนาจล้นฟ้านานัปการอีกตั้งแต่เกิดมายังไม่เห็นมาตรการส่งเสริมเพิ่มพัฒนาโครงข่ายสังคมออนไลน์ที่เป็นที่ยอมรับของคนในประเทศด้วยฝีมือรัฐบาลเลยแม้แต่น้อยมีแต่คอยไล่จับไล่ล่าฆ่าศัตรูคู่อาฆาตเป็นประจำ
....กฎหมายเหล่านี้ควบคุมกำกับคุมกำเนิดตัดตอนให้สื่อมวลชนแคะแกร๊น ประเทศพัฒนาได้ต้องการช่องทางสื่อสารเสรีที่มีเนื้อหายกระดับสติปัญญาผู้คนและเสริมสร้างจินตนาการให้ร่วมสร้างสรรค์ประเทศชาติ
เราจึงต้องการกฎหมายที่ส่งเสริมเพิ่มความดีให้สื่อมีเนื้อหาเพื่อชาวประชาเป็นสุขยั่งยืน ไม่ใช่ปล่อยให้สมองรัฐบาลเป็นอย่างไรก็บังคับสื่อไทยก็เป็นอย่างนั้น...คนในชาติคงหัวเกรียนเหมือนกันทั้งประเทศ...
- 11
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
