เปิดบัญชีหุ้นที่ไหนดี? ฿!
โดย : ปิติพงษ์ รุ่งเรืองวุฒิกุล นักวางแผนการเงิน CFP® [฿! Bik Investing]
เปิดบัญชีหุ้นที่ไหนดี? ฿!
สำหรับท่านที่สนใจจะเริ่มลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยนั้น ผมเชื่อว่า การพิจารณาเลือกว่าจะเปิดบัญชีซื้อขาย กับบริษัทหลักทรัพย์(Broker)ใดนั้น ดูจะเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวอยู่ไม่น้อย วันนี้ ทาง Bik Investing ขออนุญาต ช่วยผู้อ่าน ลัดขั้นตอน ให้สามารถตัดสินใจเลือกบริษัทหลักทรัพย์ ได้ง่ายยิ่งขึ้นโดยอาศัยหลักพิจารณาดังนี้ครับ
1. Broker นั้นจะต้องถูกกฎหมายทั้งในส่วนของตัวและเจ้าหน้าที่การตลาด
โดยที่บริษัทจะต้องขึ้นทะเบีบนกับทาง ก.ล.ต. โดยสามารถดูรายชื่อ Broker ได้จากที่นี่ครับ
และนอกจากนั้น เจ้าหน้าที่การตลาดที่ดูแลเรา จะต้องได้รับอนุญาต ในการประกอบหน้าที่จาก ก.ล.ต. โดยสามารถเช็คได้จาก
2. มาตรฐาน ของการบริการ และความน่าเชื่อถือ เป็นสิ่งสำคัญครับ
เราสามารถเช็ค ประวัติเก่าๆของ Broker ที่เราสนใจได้จากข่าว หรือสื่อต่างๆ ประเด็นที่เจออยู่บ่อยๆ ก็เช่น ระบบล่ม ทำให้ไม่สามารถซื้อขายได้ ซึ่งอาจ ส่งผลให้ ผู้ลงทุน ขาดทุนหรือ เสียโอกาสในการทำกำไรได้ หรืออาจจะเป็นประเด็นที่บุคคลากรของ Broker นั้นๆ ได้รับบทลงโทษจาก ก.ล.ต. เป็นต้น
3.ค่าธรรมเนียม มีความเหมาะสม
หลังจากตัดตัวเลือกจาก 2 ข้อแรกไปแล้ว สิ่งที่ควรพิจารณาก็คือ ค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย ทั้งนี้ หลักๆ แล้ว ค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย จะแบ่งได้ คร่าวๆเป็น 2 แบบด้วยกัน นั่นก็คือ
ค่าธรรมเนียมในการส่งคำสั่งซื้อขายผ่าน Marketing (เจ้าหน้าที่การตลาด)
กับ ค่าธรรมเนียมในการส่งคำสั่งซื้อขายด้วยตนเองผ่าน Internet/Mobile
ทั้งนี้โดยปรกติแล้วนั้น ค่าธรรมเนียมในการส่งคำสั่งซื้อขายด้วยตนเอง จะถูกกว่าผ่านเจ้าหน้าที่การตลาด เราอาจจะใช้ค่าธรรมเนียม ในการส่งคำสั่งด้วยตัวเองเป็นตัวเทียบกันว่า Broker ไหนมีค่าธรรมเนียมที่ราคาไม่แพงเกินไป
โดยข้อมูลปัจจุบัน (25/02/2564) ค่าธรรมเนียมจะอยู่ที่ประมาณ 0.10%-0.25%
และบาง Broker อาจจะมีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่ที่ 50 บาท โดยหาก Broker นำค่าธรรมเนียมที่ประกาศไว้ มาคิดคำนวนค่าธรรมเนียมในการซื้อขายของท่านรวมกันทุกคำสั่ง ณ สิ้นวันแล้วไม่ถึง 50 บาท ทาง Broker นั้นจะทำการปัดค่าธรรมเนียมการซื้อขายประจำวันนั้นขึ้นเป็น 50 บาททันที
สำหรับท่านที่ คิดว่าจะซื้อขายเป็นจำนวนเงินไม่มากต่อวัน การเลือก Broker ที่ไม่คิดค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ 50 บาทก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
และสำหรับท่านที่ คิดว่าจะทำการซื้อขายเป็นเงินจำนวนมากก็สามารถลองต่อรองกับ Broker เพื่อขอลดค่าธรรมเนียมได้ หรืออาจจะเลือก Broker ที่คิดค่าธรรมเนียมเป็น แบบขั้นบันได ก็จะช่่วยประหยัดค่าธรรมเนียมได้
4.ความสะดวกในการใช้งาน
เช่น สาขา ของ Broker ตั้งอยู่ใกล้ที่ทำงาน หรือบ้าน ของท่าน ก็จะช่วยให้สะดวกในกรณีที่ต้องนำส่งเอกสาร หรืออาจจะเป็น ความสะดวกในการโอนเงินเข้าออกบัญชีซื้อขาย ก็สำคัญไม่แพ้กัน บาง Broker สามารถตัดเงินจากบัญชีธนาคารโดยตรงเข้าไปยังบัญชีซื้อขายได้โดยตรงเลย แต่บาง Broker ยังต้องทำเรื่องโอน และต้องแจ้งยอดเงินโอนไปที่ Broker อีกที ถึงจะสามารถนำเงินเข้าบัญชีได้สำเร็จเรียบร้อยจึงจะพร้อมซื้อขาย
5.ฟีเจอร์ หรือบริการพิเศษ ต่างๆ ของ Brokerนั้นๆ
บาง Broker นั้นก็จะมีลูกเล่น เครื่องมือ พิเศษเป็นตัวช่วยในการเทรดหุ้น มาให้กับลูกค้าอีกด้วยเช่น ระบบการ ช่วยเทรดอัตโนมัติ หรือ ระบบออมหุ้นอัตโนมัติเป็นต้น ผู้ลงทุนอาจจะลองพิจารณาว่า ฟีเจอร์ ของ Broker ไหนเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตัวเรา
6. บทวิเคราะห์
Broker ที่ดี จะลงทุนในทีมงานที่ดี คอยผลิตบทวิเคราะห์ที่มีคุณภาพ ออกมาให้ ผู้ลงทุนเห็นมุมมองการลงทุนได้รอบด้าน และละเอียดมากขึ้น ผู้ลงทุน ก็สามารถใช้บทวิเคราะห์ที่ออกมาโดยแต่ละ Broker เป็นตัวช่วยในการพิจารณาได้ครับผม
เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับหลัก 6 ข้อในการพิจารณาเลือก เปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ผู้อ่านสามารถตัดสินใจเลือกเปิดบัญชีได้ง่ายขึ้นนะครับ
ท้ายที่สุดนี้ผู้เขียนขอให้ ผู้อ่านทุกท่าน ประสบแต่ความสำเร็จในการลงทุนกันทุกท่านครับผม
หากถูกใจบทความ รบกวนกด Like กดติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนด้วยนะครับ
ปิติพงษ์ รุ่งเรืองวุฒิกุล นักวางแผนการเงิน CFP®
[Bik Investing]
ติดตามผลงานผู้เขียน ผ่าน
Facebook ได้ที่
Blockdit ได้ที่
#BikInvesting #วางแผนการเงิน #การลงทุน #หุ้น
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
