25 ก.พ. 2021 เวลา 09:58 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
เมื่อ 'Xiaomi' ทำรถยนต์
สัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวที่ฮือฮาในวงการเทคโนโลยีจีนว่า Xiaomi ซึ่งผลิตสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ กำลังคิดจะทำแบรนด์รถยนต์
3
แหล่งข่าวอ้างอิงข้อมูลว่า เหลยจุน เจ้าของ Xiaomi มองว่าธุรกิจรถยนต์จะมีความ สำคัญ “ในระดับยุทธศาสตร์” ต่อความอยู่รอดของบริษัทในอนาคตเลยทีเดียว
2
ความจริงแล้ว Xiaomi ไม่ใช่บริษัทเทคโนโลยีจีนเจ้าแรก ที่เข้ามาเล่นในตลาดรถยนต์ยุคใหม่ เมื่อเดือนที่แล้ว Baidu เสิร์ชเอ็นจินรายใหญ่ของจีน ก็ประกาศสร้างบริษัทรถยนต์อัจฉริยะของตนเอง โดยจะร่วมทุนกับ Geely (บริษัทแม่ของ Volvo)
3
เจ้าพ่อเทคโนโลยี 5G อย่าง Huawei ก็ได้ประกาศว่าจะร่วมมือกับ Chang An Auto ส่วนยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีระบบอย่าง Qualcomm ก็มีความร่วมมือกับ Great Wall Motor ในขณะที่ Alibaba ก็ได้จับมือกับ SAIC Motor เพื่อพัฒนารถยนต์อัจฉริยะ
6
ไม่ใช่เฉพาะในจีนเท่านั้น ในสหรัฐฯ Apple ก็จับมือกับ Hyundai เพื่อพัฒนารถยนต์อัจฉริยะ ส่วนยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon ก็ได้เปิดตัว Zoox รถยนต์แท็กซี่ไฟฟ้าไร้คนขับ
3
นักวิเคราะห์มองว่า หาก Xiaomi ตัดสินใจเดินหน้าโครงการรถยนต์ ตามข่าวที่ออกมาจริง ก็คงจะใช้โมเดลเดียวกับบริษัทเทคโนโลยีรายอื่น นั่นคือ หาบริษัทรถยนต์ดั้งเดิมมาเป็นพาร์ทเนอร์ โดยบริษัทรถยนต์รับผิดชอบเรื่องการผลิตตัวรถ ส่วนบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Xiaomi รับผิดชอบเรื่องระบบปฏิบัติการรถยนต์อัจฉริยะ
7
จากความสำเร็จของยักษ์ใหญ่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่าง Tesla และ การบุกตลาดจีนของ Tesla ในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนต่างมองว่า เทรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะมีศักยภาพทางธุรกิจมหาศาล
4
หลายคนมักพูดกันว่าเทรนด์ใหม่ของวงการรถยนต์ คือรถยนต์พลังงานไฟฟ้า แต่จริงๆ ไม่ใช่เพียงต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังต้องเป็นรถยนต์อัจฉริยะด้วย
3
รถยนต์อัจฉริยะ ต้องการการพัฒนาทั้งซอฟแวร์ ฮาร์ดแวร์ และระบบปฏิบัติการ ในขั้นแรกเราอาจนึกถึงรถยนต์ที่เราสามารถพูดสั่งการให้รถยนต์ทำสิ่งต่างๆได้ (ลดเร่งแอร์ เปิดเพลง เตือนเมื่อมีสิ่งกีดขวาง ฯลฯ) แต่เมื่อพัฒนาไปถึงขีดสุด ย่อมจะเข้าสู่ ยุครถยนต์ไร้คนขับ ซึ่งรถสามารถขับเคลื่อนบนถนนได้เเองด้วยปัญญาประดิษฐ์
3
คำถามสำคัญก็คือ เพราะเหตุใดเหลยจุน เจ้าของ Xiaomi จึงมองว่าการกระโดดเข้าสู่ธุรกิจรถยนต์มีความสำคัญในระดับยุทธศาสตร์สำหรับบริษัท ทั้งๆ ที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของจีนตอนนี้ประกอบด้วยผู้เล่นมากจนเกินตัว แข่งขันกันดุเดือดเลือดพล่าน หลายคนถามว่ายังมีพื้นที่ให้ผู้เล่นหน้าใหม่อีกหรือ
1
คำตอบก็คือ ในอนาคต รถยนต์ไร้คนขับจะมีลักษณะเหมือนเป็นแพลทฟอร์มอัจฉริยะ หากรถยนต์ไร้คนขับเกิดขึ้นจริง ย่อมจะเปลี่ยนวิถีชีวิตมนุษย์มหาศาล ต่อไปเราสามารถนั่งประชุม ทำงาน ดูหนังฟังเพลง ทำกิจกรรมต่างๆ ภายในรถได้ตลอดเวลา (เพราะเราไม่ต้องขับรถเองอีกต่อไป)
6
หากมองในแง่นี้ รถยนต์ก็จะคล้ายกับสมาร์ทโฟนในเวลานี้ ปัจจุบันเราใช้อินเตอร์เน็ตและเสพสาระความบันเทิงต่างๆ ผ่านสมาร์ทโฟน ทั้งสมาร์ทโฟนยังเป็นตัวเชื่อมเข้ากับอุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ (นึกถึงสินค้าต่างๆ ของ Xiaomi ที่เราสามารถควบคุมได้ ด้วย App ในสมาร์ทโฟน) หากแต่ในอนาคต รถยนต์ไร้คนขับจะกลายเป็นแพลตฟอร์มสำคัญของการใช้ชีวิตประจำวันของทุกคนแทน
4
การกระโดดเข้าสู่ธุรกิจรถยนต์ จึงเป็นการเริ่มต้นพัฒนาเทคโนโลยีระบบปฏิบัติการและ Ecosystem สำหรับการใช้ชีวิตยุคใหม่ที่เหมาะสมกับยุครถยนต์ไร้คนขับ ที่กำลังจะมาถึง การลงทุนร่วมกับบริษัทรถยนต์ดั้งเดิม จะทำให้บริษัทเทคโนโลยีสามารถเข้ามาช่วยดูห่วงโซ่การผลิตและระบบของรถทั้งระบบ แตกต่างจากที่สมัยก่อนบริษัทเทคโนโลยีเพียงบริการขายซอฟแวร์ หรือรับจ้างบริษัทรถยนต์ พัฒนาระบบปฏิบัติการ ซึ่งอาจทำให้มองไม่เห็นภาพการเชื่อมโยงทั้งระบบของรถยนต์
5
การพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ ซึ่งนับว่าเป็นการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ชั้นสูง ยังจะมีศักยภาพที่จะนำผลการพัฒนามาแตกยอดต่อหน่อในอุปกรณ์อัจฉริยะอื่นๆ ในโลกยุค Internet of Things ได้อีกด้วย เช่นเดียวกับที่การพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศในสมัยก่อน เป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นของเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต รวมทั้งแตกยอด ต่อหน่อออกมาเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในชีวิตประจำวันและในผลิตภัณฑ์มากมาย
3
หัวใจสำคัญข้อหนึ่งของแผนพัฒนาเศรษฐกิจรอบ 5 ปีใหม่ของจีน คือ เรื่องพลังงานสะอาด โดยมีอุตสาหกรรมสำคัญ คืออุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานสะอาด มีการคาดการณ์ว่า ภายในประเทศจีนจะมียอดขายรถยนต์พลังงานสะอาด คิดเป็น 50% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดในจีน ภายในปี ค.ศ. 2035
2
นักวิเคราะห์หลายคนเคยตั้งข้อสังเกตว่า การเข้ามาลงทุนสร้างโรงงานขนาดมหึมา ของ Tesla ที่มหานครเซี่ยงไฮ้ในประเทศจีน อาจเปรียบเทียบได้กับการเข้ามาลงทุนผลิต iPhone ของ Apple ในจีนเมื่อ 15 ปี ที่แล้ว ซึ่งในตอนนั้นส่งผลให้เกิดห่วงโซ่ การผลิตสมาร์ทโฟนและนำไปสู่การเกิดบริษัทสมาร์ทโฟนของจีนเองมากมาย
3
เช่นเดียวกัน การเข้ามาของ Tesla ในวันนี้ก็จะนำไปสู่การพัฒนาห่วงโซ่การผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับรถยนต์อัจฉริยะ ซึ่งกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของสมรภูมิใหม่ที่จะตัดสินอนาคตของบริษัทเทคโนโลยีแนวหน้าของจีน
ในอดีต บริษัทเทคโนโลยีจีนที่มองเห็นโอกาสการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค Mobile Internet ที่ชีวิตประจำวันของเราอยู่กับสมาร์ทโฟน กลายมาเป็นผู้ชนะในเกมธุรกิจในวันนี้ สำหรับในอนาคตนั้น หากมองในระดับยุทธศาสตร์ธุรกิจแล้ว บริษัทเทคโนโลยีที่. สามารถพัฒนาโมเดลรถยนต์อัจฉริยะที่ตอบโจทย์ชีวิตยุครถยนต์ไร้คนขับ ย่อมจะ เป็นผู้ชนะในเกมธุรกิจระยะยาว
ด้วยการแข่งขันที่ดุเดือดและเงินทุนมหาศาลที่ลงไปกับการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าและ รถยนต์อัจฉริยะในจีน ย่อมส่งผลผลักให้โลกรถยนต์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นี่ยังจะเป็นอีกหนึ่งสมรภูมิการแข่งขันระหว่างฝั่งสหรัฐฯ และฝั่งจีนว่าใครจะเป็นผู้ชนะในสมรภูมิรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและรถยนต์อัจฉริยะ และบุกยึดตลาดรถยนต์โลกในอนาคต
1
โฆษณา