26 ก.พ. 2021 เวลา 01:17 • หุ้น & เศรษฐกิจ
นักลงทุนกังวล Bond Yield ทำจุดสูงสุดในรอบ 1 ปี
ทำให้ Dow Jones เมื่อคืน -1.75% และ Nasdaq ลงไป -3.52%
1
มาทำความเข้าใจกันดีกว่าว่า 10-Year Bond Yield มีผลอย่างไรต่อตลาดหุ้น
ทำไมการปรับขึ้นของ Bond Yield ถึงส่งผลให้นักลงทุนกังวลและแห่เทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีกันเยอะแบบนี้
ทำความรู้จักกับ Bond Yield
2
ในบรรรดาสินทรัพย์ที่นักลงทุน เลือกลงทุนตั้งแต่ ตราสารทุน, ทองคำ, Forex, ตราสารหนี้ เป็นต้น พันธบัตรรัฐบาลถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ และใช้เป็นแหล่งในการพักเงิน ในกรณีที่สินทรัพย์อื่นๆ มีความผันผวน โดยสิ่งที่ใช้ในการดูว่าพันธบัตรรัฐบาลนั้นน่าสนใจหรือไม่ นักลงทุนจะดูที่ Bond Yield เป็นหลัก
Bond Yield คือ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ของผู้ที่ถือครองพันธบัตร โดย Bond Yield จะมีอัตราผลตอบแทนหลายประเภท ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในสัญญา โดยนักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจกับ US 10-Year Bond Yield ในการอ้างอิงกับผลตอบแทนสินทรัพย์อื่นๆ
การที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล หรือ Bond Yield มีผลตอบแทนที่ต่ำ ย่อมทำให้นักลงทุนเปลี่ยนไปลงทุนสินทรัพย์อื่นที่ผลให้ตอบแทนที่มากกว่า
แต่เมื่อไรที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล มีผลตอบแทนสูง เมื่อเทียบกับการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงแล้ว มีผลตอบแทนใกล้เคียงกัน นักลงทุนย่อมย้ายเงินลงทุนมาถือครองพันธบัตรแทน
Bond Yield ต้องมีค่าเท่าไร นักลงทุนถึงเลือกสนใจ?
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ผลตอบแทนที่นักลงทุนได้รับเมื่อลงทุนในสินทรัพย์ประเภทหุ้น
นักลงทุนที่ลงทุนในหุ้น จะได้รับผลตอบแทนในรูปของ Dividend หรือเงินปันผลในทุกๆ รอบปีที่บริษัททำกำไรได้ โดยขึ้นอยู่กับทางบริษัทจะเลือกปันผลกำไรออกมาทั้งหมด หรือเก็บกำไรบางส่วนไว้ในรูปแบบกำไรสะสม
1
วิธีที่นักลงทุนใช้ในการคำนวณหาความคุ้มค่าในการลงทุน เมื่อดูจากผลกำไรของบริษัท คือ การเอาสัดส่วนกำไรต่อหุ้นหารด้วยราคาหุ้น หรือที่เรียกว่า Earning Yield
Earning Yield คือ ส่วนกลับของ P/E เป็นค่าที่บอกว่าทุกๆ บาทที่เราลงทุนนั้นหุ้นนั้น เราจะได้ผลตอบแทนกลับมาเท่าไร ซึ่งอาจจะถูกจ่ายออกมาเป็นปันผล (Dividend Yield) หรือไม่ถูกจ่ายออกมาก็ได้
ดังนั้นการตัดสินใจของนักลงทุน ว่าจะเลือกลงทุนระหว่างพันธบัตรรัฐบาล หรือตราสารทุน จะพิจารณาจาก Bond Yield (ทั่วไปมักจะใช้ 10-Year Bond Yield) เปรียบเทียบกับ Earning Yield เป็นหลัก
ความแตกต่างของ Earning Yield เปรียบเทียบกับ Bond Yield เรียกว่า Earning Yield Gap
10-Year Bond Yield จาก Investing.com
Earning Yield Gap บอกอะไรกับเราได้
Earning Yield Gap ยิ่งมีค่าน้อยลง เกิดขึ้นได้จาก
1. Earning Yield หรือผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้น มีผลตอบแทนน้อยลง
2. Bond Yield หรือผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น
Earning Yield Gap ยิ่งมีค่าน้อยลง อาจจะทำให้เกิดการปรับตัวของตลาดหุ้น โดยนักลงทุนจะเทขายหุ้น ไปถือพันธบัตรรัฐบาลแทน เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ทำให้ตลาดหุ้นร่วงหนัก
โดยทั่วไปตัวเลขที่เหมาะสมหรือใช้เป็นค่ามาตรฐานของ Earning Yield Gap คือ 4% ถ้ามีค่ามากกว่า 4% แสดงว่าตลาดหุ้นน่าลงทุน
Earning Yield
เกิดอะไรขึ้นกับตลาดหุ้นอเมริกา
เมื่อคืนวันพฤหัสทีผ่านมา 10-Year Bond Yield มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเป็น 1.5% ทำให้นักลงทุนกังวล และทะยอยเทขายหุ้นออกมา
เหตุผลที่กลุ่มเทคโนโลยีถูกเทขายออกมามากกว่า Sector อื่นๆ ก็เพราะเรื่องของ Earning Yield นั่นเอง
เนื่องจาก หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลายตัวมีราคาที่สูงมาก ซึ่งเกิดจากความคาดหวังทำให้ดันราคาขึ้นไปสูง แต่เมื่อเทียบกับกำไรของบริษัทที่ได้ยังน้อยมาก บางบริษัทยังไม่มีกำไรด้วยซ้ำ ตรงจุดนี้สะท้อนให้เห็นว่า Earning Yield ของบริษัทเทคเหล่านี้ มีผลตอบแทนน้อยมาก
ทำให้ยิ่ง 10-Year Bond Yield ปรับตัวสูงขึ้นมากเท่าไร หุ้นกลุ่มที่มี Earning Yield ต่ำ จะถูกเทขายออกมาเป็นกลุ่มแรกๆ
หุ้นกลุ่มไหนที่น่าจับตา
ถ้าพิจารณาการปรับตัวเพิ่มขึ้นของ 10-Year Bond Yield แล้ว เราจะเห็นว่าอัตราผลตอบแทนยังไม่ถือว่าสูงมากนัก เมื่อเทียบกับผลตอบแทนในอดีต
ตลาดหุ้นยังมีความน่าสนใจอยู่อย่างมาก เพียงแต่หุ้นกลุ่มที่มี Earning Yield ต่ำ จะถูกเทขายออก และนักลงทุนจะหันไปสนใจกลุ่มที่มี Earning Yield สูงแทน
1
หุ้นกลุ่มที่นักลงทุนหันไปสนใจ จะเป็นหุ้นกลุ่ม Value หรือ Old Economy เป็นกลุ่มที่ธุรกิจขนาดใหญ่ ที่เติบโตและมีผลกำไรเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งในช่วงโควิดอาจจะ Underperform ไป ราคายังถูกอยู่เมื่อเทียบกับราคาในอดีต
หุ้นอีกกลุ่มคือ หุ้น Cyclical ที่จะได้รับอานิสงค์จากการเปิดเมือง หลังจากประชาชนได้รับวัคซีนโควิดกันเกือบครบแล้ว ได้แก่ หุ้นกลุ่มโรงแรม, การท่องเที่ยว, สินค้าแบรนด์เนม, สินค้าอุปโภคบริโภค และน้ำมัน เป็นต้น
โฆษณา