26 ก.พ. 2021 เวลา 13:25 • เกม
The Protagonist: โจโคโบะ จากพาหนะสู่อีกสัญลักษณ์ของ Final Fantasy
เนื้อเรื่องที่เข้มข้น ระบบเกมเพลย์ที่เปลี่ยนไปเกือบทุกภาค คือเอกลักษณ์ที่ทำให้ Final Fantasy ครองใจผู้คน และกลายเป็นเกมยอดนิยมที่มีแฟนอยู่ทั่วโลกมานานนับ 30 ปี
อย่างไรก็ดี ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกมนี้กลายเป็นที่จดจำ นั่นคือนกสีเหลือง ซึ่งเป็นเหมือนเพื่อนคู่ใจภาคพื้นดิน ที่พาผู้เล่นไปถึงที่หมายนามว่า “โจโคโบะ”
มันมีความสำคัญอย่างไร เพราะเหตุใดจึงอยู่ในเกมซีรีย์นี้แทบทุกภาค ร่วมติดตามได้ที่นี่
[พาหนะประจำเกมไฟนอล]
Final Fantasy ถือเป็นหนึ่งในเกม RPG (Role Playing Game) หรือเกมสวมบทบาท ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ในญี่ปุ่น มันถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในปี 1987 จากฝีมือของ ฮิโรโนบุ ซาคางุจิ ที่ต่อมาได้รับการยกย่องให้เป็น บิดาแห่งFinal Fantasy
แน่นอนว่าหนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้มันได้รับเสียงตอบเป็นอย่างดี ตั้งแต่ภาคแรก ๆ คือการมีระบบ “แผนที่โลก” ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้สำรวจโลก เก็บเลเวล หรือทำไซด์เควส
อย่างไรก็ดี ด้วยความที่แผนที่โลกมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ทำให้ผู้เล่นจำเป็นต้องมีตัวช่วยในการเดินทาง และนอกจากเรือเหาะที่ในน้ำและอากาศแล้ว เรายังมีตัวช่วยภาคพื้นดินที่เรียกกันว่า “โจโคโบะ”
มันคือสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับนกขนาดใหญ่ ที่ปรากฎตัวครั้งแรกใน Final Fantasy II โดยมีลักษณะเด่นคือ มีขนสีเหลือง คอยาว และปีกขนาดใหญ่แต่บินไม่ได้ นอกจากนี้ มันเป็นยังสัตว์กินพืช โดยมี “ผักกีซาล” ซึ่งมีลักษณะคล้ายหัวไชเท้าเป็นของโปรด
ว่ากันว่าโจโคโบะ ได้รับแรงบันดาลใจมากจาก แกสโตรนิส (Gastornis) นกโบราณบินไม่ได้ ที่มีชีวิตอยู่ในช่วงปลายยุคพาลีโอซีน (65-56 ล้านปีก่อน) จนถึงอีโอซีน (56-33 ล้านปีก่อน) ในขณะที่บางทฤษฏี บอกว่าน่าจะมาจาก Horseclaw สัตว์พาหนะในเรื่อง Nausicaa: Valley Of The Wind ของสตูดิโอจิบลิ ซึ่งมีลักษณะคล้ายแกสโตรนิส
อย่างไรก็ดี โคอิจิ อิชิอิ นักออกแบบแห่ง Square ยืนยันว่าเขาได้แรงบันดาลใจมาจากลูกไก่ที่เขาเคยเลี้ยงสมัยเด็ก ส่วนชื่อนั้นมาจากขนมช็อคโกบอล ซึ่งออกเสียงเป็น โชะ-โคะ-โบ-ลุ ในภาษาญี่ปุ่น เนื่องจากเขาฮัมเพลงโฆษณาขนมชนิดนี้ ในขณะที่กำลังออกแบบมันในรูปแบบพิกเซลอาร์ต
“ผมได้ต้นแบบมาจากลูกไก่ที่ผมเคยได้จากงานเทศกาลสมัยประถม ผมรักมันมาก และทำบ้านจากลังกระดาษให้มัน” อิชิอิ กล่าวในหนังสือ Final Fantasy 20th Anniversary Ultimania
“แต่หลังจากที่ผมโตขึ้น วันหนึ่งผมกลับมาจากโรงเรียนและพบว่ามันหายไป พอผมถามแม่ แม่บอกว่ามันตัวใหญ่เกินไปที่จะเลี้ยง เธอก็เลยให้คนข้างบ้านที่เลี้ยงไก่ไป”
“ผมเสียใจมาก ย้อนกลับไปในตอนนั้น ผมไม่เคยหยุดคิดถึงไก่ตัวนั้นเลย ผมจึงวาดภาพมันได้อย่างชัดเจนจากในหัว”
“(ส่วนชื่อของมันเกิดขึ้น) ตอนที่ผมวาดพิกเซลอาร์ต ผมร้องเพลงโฆษณาของช็อกโกบอลอยู่ ที่ร้องว่า KUE KUE KUE’ เลยคิดว่า เห้ย โจโคโบะ น่าจะเวิร์ค”
โดยสำหรับโลกไฟนอลฯ โจโคโบะ จะทำหน้าที่เป็นเหมือนม้า ที่เอาไว้รับส่งคนและสิ่งของ เนื่องจากมันเป็นสัตว์ที่มีฝีเท้าที่ว่องไวมาก โดยโตเต็มวัย สามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 32 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้บางภาค ผู้เล่นต้องอบรมให้ได้ใบขับขี่ถึงจะขี่มันได้
“นกสายพันธ์บินไม่ได้ มีความโดดเด่นด้วยขนสีเหลือง กลิ่นที่แตกต่าง และเสียงร้อง ‘kweh!’ ที่น่าจดจำ มันถูกฝึกทำในเชื่องเป็นธรรมชาติ และฝีเท้าที่ว่องไว พวกมันมักจะถูกใช้ในการขนส่งภาคพื้นดิน” คำอธิบายจาก Dissidia 012 Final Fantasy Museum
ทำให้มันเป็นตัวละครที่ปรากฎอยู่ทุกภาคของ Final Fantasy และเป็นหนึ่งในตัวละครที่แฟนเกมจดจำได้เป็นอย่างดี จนเป็นเหมือนมาสค็อตของเกมซีรีย์นี้
และที่สำคัญมันยังมีเกมเป็นของตัวเองอีกด้วย
[โจโคโบะ เรซซิ่ง]
ปฏิเสธไม่ได้ว่า โจโคโบะ เป็นตัวละครที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และเป็นเหมือนหนึ่งในสัญลักษณ์ของ Final Fantasy ซึ่งพิสูจน์ได้จากการที่ Sqaure ทำเกมภาคแยกที่มีนกสีเหลืองตัวนี้เป็นตัวเอก
เริ่มจาก Chocobo no Fushigi na Dungeon (Chocobo's Mystery Dungeon ในภาษาอังกฤษ) เกมแนวตะลุยดันเจียนของ PlayStation ที่วางจำหน่ายในปี 1997 เกมดังกล่าวถือเป็นเกมซีรีส์แยกของโจโคโบะ ที่ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย ด้วยยอดขายถึง 650,000 ก็อปปี้ในปี 1997
นอกจากนี้ ด้วยยอดขายดังกล่าวยังทำให้ Chocobo's Mystery Dungeon รั้งอันดับ 10 เกมที่ขายดีที่สุดของญี่ปุ่นในปีนั้น แถมหลังจากนั้น เกมนี้ยังได้รับรางวัล Platinum Prize จาก Sony ด้วยการทำยอดขายทะลุ 1 ล้านแผ่นในช่วงกลางปี 1998
ความสำเร็จนี้ทำให้ Square ตัดสินใจดัน Chocobo's Dungeon 2 ออกมาทันทีในปีต่อมา แม้จะไม่ได้เปรี้ยงปร้างเหมือนภาคแรก แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี เมื่อรั้งอยู่ในอันดับที่ 53 ของ 100 เกม Play Station ที่ดีที่สุดในปี 2000 จากนิตยสาร Famitsu Weekly (แม้อาจจะได้รับเสียงวิจารณ์ในแง่ลบทางฝั่งตะวันตกก็ตาม)
อย่างไรก็ดี สำหรับแฟนเกมชาวไทย คงไม่มีเกมเกี่ยวกับโจโคโบะ เกมไหน ที่ทำให้ตัวละครตัวนี้กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างได้เท่ากับ Chocobo Racing หรือ Chocobo Racing: Genkai e no Rōdo ในภาษาญี่ปุ่น ที่วางจำหน่ายในปี 1999
มันคือเกมแข่งรถแนว โกคาร์ต ที่มีตัวละครจาก Final Fantasy ให้เลือกเล่น และหนึ่งในนั้นก็คือ โจโคโบะ ซึ่งเป็นตัวเอกของเรื่อง โดยรูปแบบของเกมเพลย์ จะมีความใกล้เคียงกับ Mario Kart เกมฮิตของค่าย Nintendo อยู่ไม่น้อย
โดยวิธีเล่น นอกจากการขับรถให้เข้าเส้นชัยแล้ว ผู้เล่นยังสามารถเก็บไอเท็ม หรือความสามารถพิเศษ เพื่อบัพพลังตัวเอง หรือก่อกวนผู้เล่นคนอื่นๆ ทำให้มันเป็นเกม “กระชากมิตร” เกมหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคนที่ก่อกวนคือคนที่อยู่ข้างเราไม่ใช่ AI
และด้วยรูปแบบการเล่นที่ไม่ได้ยาก บวกกับการใช้ตัวละครจากเกมไฟนอล ทำให้มันได้รับเสียงตอบรับพอใช้ได้ เพราะแม้จะทำยอดขายได้ราว 300,000 ก็อบปี้ในญี่ปุ่น แต่ที่ไทยกลับกลายเป็นเกมยอดฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง ที่ต่างซิ่งกันในร้านเกม เคียงข้างจอเขียว ๆ ของ Winning Eleven
ในขณะเดียวกันเกมนี้ก็ยังกลายเป็นสิ่งตอกย้ำภาพจำของโจโคโบะ ในฐานะเจ้าแห่งความเร็ว และทำให้แฟนเกมมองมันในแง่ของการเป็นพาหนะในโลก Final Fantasy ยิ่งขึ้นไปอีก
แต่สำหรับ โคอิจิ อิชิอิ ผู้ออกแบบ เขาไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้
[เพื่อนคู่คิด]
แม้ว่า โจโคโบะ จะถูกใช้ในฐานะพาหนะรับส่งคนและสิ่งของในโลก Final Fantasy แต่สำหรับ อิชิอิ เขาอยากให้มันเป็นเหมือนเพื่อน คู่หู และมีบทบาทมากกว่านี้ เพราะอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า แรงบันดาลใจของตัวละครตัวนี้ มาจากลูกไก่ที่เขาเคยเลี้ยงตอนเด็ก แต่น่าเศร้าว่าไม่ว่าเขาจะอธิบายอย่างไร ฮิโรโนบุ ซาคางุจิ ก็ไม่ซื้อไอเดียเขาสักที
“นับตั้งแต่ได้ทำงานตอน FFI ผมก็อยากมีตัวละครที่เป็นสัตว์ในFinal Fantasy ที่ไม่ใช่มอนสเตอร์ แต่ผมไม่อยากให้เป็นเป็นสัตว์เลี้ยงหรือในเชิงปศุสัตว์ ผมอยากจะสร้างตัวละครอะไรสักอย่างที่สามารถเข้าใจและรู้สึกสนิทสนม บางอย่างที่คล้ายกับ Thunderbolt ม้าน่ารักของ อิซามุ และเป็นคู่หูในเรื่อง Koya no Shonen Isamu (หัวเราะ)” อิชิอิให้สัมภาษณ์ในหนังสือ Final Fantasy 20th Anniversary Ultimania
 
“ตอนแรกผมเอาไอเดียนี้ไปเสนอซาคางุจิซัง แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่ค่อยใส่ใจและไม่ได้ใช้มัน แม้ว่าสุดท้ายเขาจะใช้โจโคโบะ เป็นพาหนะสำหรับเดินทางในตอนท้าย แต่ผมก็หวังว่าพวกเขาจะใช้มันเป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตจริงๆ”
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเอาแนวคิดนี้มาใส่ในเกม Seiken Densetu หรือ Final Fantasy Adventure ในภาษาอังกฤษ ที่เขาเป็นครีเอเตอร์ ซึ่งทำให้โจโคโบะ ไม่ได้มีหน้าที่เป็นยานพาหนะเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญในเนื้อเรื่อง
“ในภาค 3 ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกับการสร้างฉากใดๆ ผมจึงอยากรู้ว่าพวกเขาจะใช้โจโคโบะในรูปแบบไหน และผมก็ผิดหวังอีกครั้ง เมื่อมันไม่ได้เป็นอะไรเลยนอกจากพาหนะ” อิชิอิกล่าวต่อ
“มันน่าผิดหวังมาก แต่เพราะเหตุนี้ จึงทำให้ผมมุ่งมั่นที่จะแสดงให้เห็นว่าผมคิดว่าสัตว์ควรได้รับการปฏิบัติอย่างไรในเกมนี้ และนั่นก็เป็นคอนเซ็ปต์ของผมว่า ‘พวกเขาอาจจะพูดไม่ได้ แต่พวกเขาจะเป็นคู่หูที่ไว้วางใจได้’ มันหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ และมันคือสิ่งที่ผมพยายามอธิบายใน Seiken Densetsu(เกมอีกซีรีส์หนึ่งของ Squaresoft)”
อย่างไรก็ดี หลังจากนั้นไม่นานเขาก็สมหวัง เมื่อใน Final Fantasy IV โจโคโบะ ที่เขาเคยออกแบบเอาไว้ เริ่มเป็นมากกว่าพาหนะ
หลังถูกใช้เป็นหนึ่งในสัตว์อสูรของ Rydia หนึ่งในตัวเอกของเรื่อง แถมในภาคต่อมา มันยังมีบทบาทสำคัญในฐานะสัตว์เลี้ยงคู่ใจของ บาร์ตซ์ เคลาเซอร์ ตัวเอกของภาค
เพราะใน Final Fantasy V โบโคะ คือโจโคโบะ ที่ขาดไม่ได้ในส่วนเนื้อเรื่อง มันคือคนที่ช่วย Lenna และ Gulf ในช่วงต้นเกม แถมตอนหลังยังได้พบรักกับ Koko โจโคโบะตัวเมีย จนมีลูกน้อย และทำให้มันกลายเป็นโจโคโบะ ที่ดังที่สุดในโลก Final Fantasy
“ส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่าเป็นเพราะสตาฟฟ์ของ FFV เข้าใจในสิ่งที่ผมอยากพูดใน Seiken Densetsu” อิชิอิให้ความเห็น
นอกจากนี้ อิทธิพลของ โบโคะ ยังทำให้มันไปปรากฏตัว หรือทิ้งมรดกเอาไว้ใน Final Fantasy ภาคอื่น ไม่ว่าจะเป็น Dirge of Cerberus -Final Fantasy VII ที่ถูกพูดถึงในฐานะโจโคโบะที่เก็บได้ Final Fantasy VIII ที่เป็นชื่อเริ่มต้นของ โจโคโบะ ที่สควอล ได้รับ หรือ Final Fantasy IX ที่มาในรูปแบบของไพ่
ก่อนที่มันจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ โจโคโบะ มีบทบาทมากขึ้น ทั้งได้ไปเป็นตัวเอกในเกมของตัวเองอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น หรือเริ่มมีสายพันธ์ที่แยกย่อยจากการผสมพันธ์ ซึ่งความสามารถแตกต่างไปตามสี เช่นสีน้ำเงิน ข้ามแม่น้ำได้ สีดำบินได้ หรือสีทอง คือสายพันธ์แข็งแกร่งที่สุด
ในบางภาค มันได้กลายเป็นพาหนะของเหล่านักรบ ที่ทำให้มันต้องใส่ชุดเกราะ หรือบางภาคก็กลายเป็นสัตว์อสูรที่ใช้ในการต่อสู้ (ที่มีทั้งร่างอ้วนและร่างปกติ) ที่มาพร้อมกับท่าไม้ตาย Chocobo Kick, Choco Meteor และ Chocobuckle
สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นพัฒนาการที่เปลี่ยนไปของนกสีเหลืองตัวนี้ ที่ทำให้มันไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่เอาไว้ขนส่งเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ยังเข้าไปมีบทบาทในหลาย ๆ มิติในโลกของเกมซีรีย์นี้
ในขณะเดียวกัย มันก็ทำให้ โจโคโบะ สามารถยืนหยัดอยู่ใน Final Fantasy มาอย่างยาวนาน จนเป็นความทรงจำที่เด่นชัดของแฟนเกมซีรีย์นี้อยู่เสมอ
และทำให้มันเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของ Final Fantasy เช่นเดียวกับ “คริสตัล” “เรือเหาะ” และ “ซิด” ไปอีกนานเท่านาน
□บทความ: มฤคย์ ตันนิยม
□ภาพประกอบ: กิตติภูมิ นิ่มเนียม
แหล่งที่มา
#MainStandGaming #MainStand #เรื่องเล่นเราจริงจัง #Chocobo
โฆษณา