26 ก.พ. 2021 เวลา 14:43 • ประวัติศาสตร์
ในเรื่อง viking มีฉากที่เดินทางไปวิหารแห่งเทพมีการบูชายัญสัตว์และมนุษย์เพื่อเป็นเกียรติแด่เทพเจ้า แน่นอนว่าผมคงไม่ได้จะเล่าว่าจุดเริ่มต้นการบูชายัญนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่อยากจะแชร์ในมุมมองของตัวเอง ( เท่าที่รู้ ) ว่ามุมมองโลกเก่านั้นมีทัศนคติต่อความตายอย่างไร
ผมรู้ว่าบทความนี้ค่อนข้างจะหมิ่นเหม่ต่อความเชื่อ กรอบทางศีลธรรมและสายตาในยุคปัจจุบัน ดังนั้นโพสต์นี้ไม่ได้เป็นการชี้นำใด ๆ !!! และไม่เหมาะสำหรับผู้ที่อารมณ์อ่อนไหวง่ายการนำเสนอเพียงเพื่อวิเคราะห์อย่างที่มันไป
.
.
.
.
.
.
ในสายตาของโลกเก่าดินแดนแห่งความตายไม่ว่าจะในนาม ปรภพ underworld summerland hell ถือเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใต้พื้นดินที่ลึกลงไปนั้นเคยได้ชื่อว่าเป็น ครรภ์ ของพระมาดาแห่งสรรพชีวิต
“ มนุษย์และทุกสรรพสิ่งเกิดขึ้นจากครรภ์ของแผ่นดินและจะกลับคืนสู่ครรภ์ของแผ่นดิน “
ครรภ์นี้เองเชื่อมโยงสู่อณาจักรของวิญญาณ แม้ว่ามันจะได้ชื่อว่าดินแดนผู้ตาย แต่ส่วนตัวผมกลับรู้สึกว่ามันเป็นดินแดนที่อัดแน่นไปด้วย “ พลังชีวิต “
เพราะสำหรับผมแล้ว
ผมมองว่าชีวิตนั้นไม่ได้เกิดขึ้นแค่ตอนที่เราเกิดแบบลืมตาดูโลกเท่านั้น แต่มันยังรวมไปถึงการใช้ชีวิต การผ่านประสบการณ์การมีชีวิตมาอย่างเข้มข้นจนวันหนึ่งที่วัฏจักรธรรมชาติดำเนินมาถึง
เมื่อผู้คนเหล่านั้นย่างเท้าเข้าสู่ดินแดนหลังความตาย ( จากกายเนื้อ ) ก็ได้นำประสบการณ์และหอบเอาพลังชีวิตเหล่านั้นลงไปด้วย มันจึงเป็นที่ ๆ อัดแน่นไปด้วยประสบการณ์ ความรู้และชีวิตของโลกใบเก่า
เป็นสถานที่ ที่อยู่ของเหล่าบรรพชนและภูมิปัญญาที่เดินทางไปถึงก่อนหน้านี้ เขาจึงถือว่าดินแห่งนี้นั้น
” ศักดิ์สิทธิ์ “ ไม่ใช่แค่เพราะแค่เป็นที่พำนักของเหล่าเทพและปีศาจอย่างที่เข้าใจเท่านั้น
สำหรับผู้ที่เชื่อเรื่องจิตวิญญาณความจริงนั้นเราไม่ได้ดับสูญหรือหายไป จิตวิญญาณดั้งเดิมของเรานั้นยังคงอยู่และกลับสู่ต้นธารเดิม และเงาสะท้อนของจิตวิญญาณที่เรียกว่า “ วิญญาณ “ นั้นก็ได้การเป็นพลังชีวิตอาจจะหลงเหลืออยู่ในโลกหรือหลอมรวมกับธรรมชาติไป
แนวคิดนี้มันเกี่ยวกับความตายอย่างไร
เมื่อจิตวิญญาณเรานั้นไม่ได้ดับสูญอย่างแท้จริง การตาย ( ของกายเนื้อ ) จึงคล้ายกับการเปลี่ยนผ่านภาชนะจริงสิ่งหนึ่งไปสู่สิ่งหนึ่ง ในวิถีแบบเก่าการฆ่าสัตว์ฆ่ากวางหรือประกอบอาชีพนายพรานจึงไม่ใช่ความผิดบาปแต่อย่างใด
แต่ .....
การที่ไม่ได้บาปไม่ได้หมายความว่า ” ชีวิต “ เหล่านั้นไม่มีค่า ความจำเป็นจึงเป็นสิ่งที่เราตระหนักอย่างยิ่ง การกระทำเพื่อเลี้ยงปากท้องและประทังชีวิต เมื่อสัตว์นั้นถูกฆ่าเพื่อทำเป็นอาหาร พลังชีวิตของพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้สูญเปล่า มันไหลรวมอยู่ในกายเราหมุนเวียนอยู่ในตัวเรา เปลี่ยนภาชนะจากสิ่งหนึ่งไปสู่สิ่งหนึ่ง
สิ่งสำคัญคือ เรา ในฐานะภาชนะได้นำพลังชีวิตเหล่านั้นไปใช้ทำอะไร เราดำเนินชีวิตแบบไหนและใช้มันอย่าง “ คุ้มค่า “ หรือไม่ ตรงนี้ต่างหากที่สำคัญที่เราจะให้เกียรติพวกเขาเหล่านั้น
กลับกันหากเราทำลายกฎของชีวิตโดยไม่จำเป็นและเปล่าประโยชน์ธรรมชาติจะหาวิธีหรือดึงสิ่งเหล่านั้นเพื่อมาทดแทนกับสิ่งที่เสียไปเพื่อจัดระเบียบให้สมดุลนั้นกลับมาตรงอีกครั้ง
“ ราคาที่ต้องจ่าย “
ผมไม่สนับสนุนหรือบอกว่าแนวคิดแบบไหนดีหรือจริงแท้แน่นอนหรือไปทำลายชีวิตของสิ่งใด
แด่ผู้วายชนม์ 🌿
Old one 🤘
โฆษณา