27 ก.พ. 2021 เวลา 08:24 • ท่องเที่ยว
อินเดียในใจฉัน
..อีกไม่กี่วันก็จะครบหนึ่งปีแล้วที่ไปเที่ยวอินเดีย..
ต้นเดือนมีนาคมปีก่อน ฉันได้วางแผนไปเที่ยวอินเดียกับปากีสถาน ในช่วงนั้นมีการระบาดของเชื้อโคโรน่าไวรัสช่วงแรกๆ ในหลายๆประเทศทั้งไทยและอินเดีย แต่ก็ไม่หนักหนาอะไร ฉันก็เลยคิดว่าไม่น่าจะมีผลกระทบใดๆ กับแผนการท่องเที่ยว
แพลนที่วางไว้คือบินไปลง Kolkata ฝั่งตะวันออกของอินเดียแล้วนั่งรถไฟตลอดเส้นทางจนไปถึงเป้าหมายสุดท้ายคือ Amritsar ซึ่งอยู่ฝั่งตะวันตก ต่อจากนั้นข้ามชายแดนไปปากีสถานพักที่ Lahore แค่แพลนที่วางไว้ก็รู้สึกสนุกและตื่นเต้นอย่างสุดๆ ไปเลย เพราะการเดินทางครั้งนี้ฉันไปคนเดียว
แผนการเดินทางของฉันโดยรถไฟ
เริ่มต้นด้วยการไปขอวีซ่า ซึ่งก็ไม่ยากเย็นอะไร วีซ่าของอินเดียยื่นแบบออนไลน์ ส่วนของปากีสถานต้องเดินทางไปยื่นเองที่สถานทูต ได้ภายใน 5 วัน ค่ายื่นประมาณ 800 กว่าบาท
วันแรกของการเดินทาง ฉันเลือกบินกับสายการบิน IndiGo ของอินเดีย ค่าตั๋วประมาณ 1,800 บาท ใช้เวลาบินไม่ถึง 2 ชม.ก็ถึงสนามบินปลายทาง เมื่อถึงเขาก็ทำการตรวจเอกสารการเข้าเมืองในตอนนั้นทางการอินเดียก็มีการตรวจเช็คคนเข้าเมืองที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อไวรัสแล้ว
วันแรกที่ Kolkata
เมื่อทุกอย่างในสนามบินเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาเข้าเมือง Kolkata ที่นั่นมีรถแท็กซี่เยอะจริงๆ แต่ ณ เวลานั้นฉันยังไม่ได้แลกเงินเป็นอินเดียรูปีเลย มันค่อนข้างวุ่นวายเพราะต้องจ่ายเงินสดที่จุดเรียกแท็กซี่ โชคดีที่เจอพี่คนไทยซึ่งมีแฟนเป็นคนอินเดียที่บินไปไฟลท์เดียวกัน เขาเลยรับแลกเงินให้ จากสนามบินไปตัวเมืองก็ค่อนข้างใช้เวลาพอสมควร ฉันเลือกที่พักอยู่ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Maidan ซึ่งเป็นที่พักที่เหมาะสมในราคา Backpacker ในห้อง Dorm ซึ่งมีทั้งคนต่างชาติและอินเดีย หลังจากเช็คอินเสร็จก็ไปหากินอาหารเช้า ฝั่งเยื้องๆ ของโฮสเทลนั้นมีอาหารปัญจาบที่ฉันคิดว่ามันก็ใช้ได้อยู่ จริงๆ ฉันไม่ใช่สายกิน ฉันเป็นพวกกระเพาะเหล็กและลิ้นจระเข้ ไม่ใช่คนวางแผนในการเที่ยวด้วย ไม่มีตำรา แค่ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน คือเที่ยวแบบไปตายเอาดาบหน้า การเที่ยวในแบบที่ฉันชอบคือไปดูวิถีชีวิตคน ไปศึกษาคนที่อยู่ในประเทศนั้นๆ และดูแหล่งประวัติศาสตร์บ้าง การเดินทางที่ฉันชอบมากที่สุดคือการเดินด้วยเท้า และการเดินทางใดๆ ก็ตามที่ประหยัดค่าใช้จ่าย
วันที่ไปถึงเป็นช่วง Holi festival หรือเทศกาลสาดสี ธนาคารหยุดทำการ ฉันต้องเดินไปแลกเงินที่ Kyd street. ซึ่งเป็นที่เดียวที่จะแลกเงินได้ในตอนนั้น ที่นี่เป็นที่นักท่องเที่ยวมาเดินกันเยอะ คล้ายๆกับถนนข้าวสารบ้านเรา ฉันจึงได้เห็นเทศกาลนี้ และโดนป้ายสีนิดหน่อย
สีที่ใช้สาดนั้นสามารถล้างออกง่ายมาก
หลังจากที่ได้เงินอินเดียรูปีมา ก็ซื้อซิมโทรศัพท์ก่อน ที่นี่ค่าอินเตอร์เน็ตนั้นเป็น unlimited ในราคาที่ถูกแสนถูก แถมเจ้าของร้านก็นิสัยดีมากๆ
เจ้าของร้านขาย sim card ที่เป็นมิตรสุดๆ
จากนั้นก็เป็นการเดินสำรวจเมืองของฉัน วันแรกของการสำรวจเมือง Kolkata หลังจากออกจาก Kyd st. สิ่งแรกที่ทำให้ฉันแปลกใจคือฉันเห็นฝูงแพะพร้อมกับคนต้อนเดินอยู่บนถนนสายหลักในเมือง ในขณะนั้นฉันเดินสวนกับนักท่องเที่ยวชาวยุโรปคนหนึ่ง เรามองหน้ากันด้วยสีหน้าแบบว่า โอ้โห เอาแพะมาเดินที่นี่ได้ยังไงกัน แล้วนั่น ก็เกิดความคิดที่ว่านี่แหล่ะอินเดีย ฉันมาถึงแล้วจริงๆ
ฝูงแพะเดินบนถนนสายหลักในเมือง
ฉันได้ถามไถ่คนแถวนี้ว่าฉันจะไปที่ไหนได้บ้างเนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ มีคนแนะนำให้ฉันไปตลาดดอกไม้ Mallick ghat และข้ามสะพาน Howrah ซึ่งเป็นจุดสัญลักษณ์ของเมืองนี้
ตลาดดอกไม้ Mallick Ghat ใต้สะพาน Howrah
สะพาน Howrah นั้นเป็นสะพานที่สร้างขึ้นโดยที่ไม่ได้ใช้น็อตและเกลียว โดยการยึดของสะพานอาศัยการยืดและหดตัวของเหล็ก สะพานนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นสะพานที่มีความคึกคักมากที่สุดของโลก ฉันก็ใช้วิธีการเดินแบบคนท้องถิ่นเหมือนกัน มันก็คึกคักและวุ่นวายเสียงดังดีจริงๆ นะ ปี๊บๆๆ เสียงแตรบีบอยู่ตลอดเวลา ฉันเดินไปสิ้นสุดทางที่สถานีรถไฟ Howrah ซึ่งเป็นสถานีที่จะต้องขึ้นรถไฟไปยังจุดหมายถัดไป สถานีอลังการคนเยอะล้านแปดมาก ฉันเห็นภาพได้ชัดเจนแล้วว่าประเทศที่มีประชากรพันล้านคนนั้นความวุ่นวายมันน่าขนลุกขนาดไหน
Howrah Bridge
ขาออกจากสถานีรถไฟฉันขึ้นรถประจำทางกลับ บนรถนั้นเขาแยกที่นั่งหญิงชายชัดเจนให้นั่งคนละฝั่ง หากที่ผู้หญิงว่างอยู่ผู้ชายก็สามารถนั่งได้ ค่ารถอยู่ที่ INR 10
ในช่วงเย็นฉันได้เดินไป Victoria Memorial ที่สร้างในช่วงที่อินเดียยังเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ สถาปัตยกรรมให้ความรู้สึกแบบพระที่นั่งอนันตสมาคม ซึ่งฉันไม่ได้ซื้อตั๋วเข้าไปดูพิพิธภัณฑ์ข้างในเพราะค่อนข้างเย็นมากแล้ว
Victoria Memorial
ต่อจากนั้นก็เดินไปดูโบสถ์ St.Paul ที่เป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวของที่นี่ ไปดูช่วงเย็นๆ ก็สวยแบบมีมนต์ขลัง ในขณะที่ฉันเดินมาที่นี่ ฉันโดนวัยรุ่นเด็กแว้นอินเดียปาลูกโป่งที่มีน้ำใส่ เด็กพวกนั้นพากันหัวเราะแล้วขี่ผ่านไป ฉันเสียขวัญมาก มีคนอินเดียที่เห็นเหตการณ์เขามองเด็กพวกนั้นในเชิงตำหนิ ซึ่งเหตุการณ์นั้นก็ทำให้ฉันตะหนกและเริ่มกลัว
St.Paul's cathedral
ในวันนี้หลังจากออกจากโบสถ์ก็จบวันฉันไม่ได้ไปเดินที่ไหนตอนกลางคืนเพราะก็กลัวเรื่องความปลอดภัย ตอนเย็นก็กินอาหารร้านเดิม กินชาอินเดียซึ่งฉันชอบมากๆ
เครื่องดื่มยอดนิยม
หลังจบสิ้นวันแรก พักผ่อนเตรียมพร้อมในวันถัดไป การนอนในโฮสเทลนั้นต้องทำใจยอมรับว่าเราจะถูกเสียงรบกวนเวลานอนมาก เพื่อนร่วมห้องคุยเสียงดังจนดึกดื่น แล้วเราก็ต้องอดทน
โฆษณา